โชเฟอร์แท็กซี่รับโจรในคราบผู้โดยสารไปส่งในซอยรัชดาฯ 36 พอถึงช่วงซอยเปลี่ยวก็จ๊ะเอ๋อีก 2 คนซุ่มรออยู่ในพงหญ้าข้างทาง ก่อนจะถูกปืนจ่อหัวสั่งให้ลงจากรถ ค้นเอาเงินไป 1,800 บาท แต่ไม่เอามือถือไปเพราะรุ่นเก่า เสร็จแล้วจับโชเฟอร์ไปขังไว้ในกระโปรงท้ายรถ พอคนร้ายไปเลยรีบโทร.แจ้งตำรวจมาช่วยไว้ได้
เมื่อเวลา 02.30 น.วันนี้ (17 ก.ย.) ร.ต.ท.ปรีชา หาสังข์ พนักงานสอบสวน (สบ.1) สน.พหลโยธิน รับแจ้งมีเหตุคนร้ายจี้ชิงทรัพย์แท็กซี่แล้วจับโชเฟอร์ขังไว้ในกระโปรงท้ายรถ ภายในซอยรัชดาภิเษก 36 ซอยย่อยแสงจันทร์ ถนนรัชดาภิเษก แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร จึงรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุพร้อมเจ้าหน้าที่สายตรวจ ฝ่ายสืบสวน สน.พหลโยธิน และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย
ที่เกิดเหตุเป็นซอยเปลี่ยว เจ้าหน้าที่พบรถแท็กซี่ยี่ห้อโตโยต้า สีเหลือง หมายเลขทะเบียน ทม-1005 กทม.ของสหกรณ์แท็กซี่สามัคคีธรรม จำกัด จอดอยู่โดยได้ยินเสียงคนร้องตะโกนให้ช่วยเหลือดังมาจากกระโปรงท้ายรถ จึงช่วยกันงัดฝากระโปรงท้ายจนสามารถช่วยเหลือโชเฟอร์ที่ถูกขังอยู่ออกมาได้ ทราบชื่อต่อมาคือนายสมชาย สุขอร่าม อายุ 29 ปี อยู่บ้านเช่าไม่มีเลขที่ในซอยประชาชื่น-นนทบุรี 8 ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี อยู่ในสภาพตื่นตระหนกตกใจ
จากการสอบสวนนายสมชายให้การว่า ก่อนเกิดเหตุได้รับคนร้ายเป็นชาย แต่งกายสวมเสื้อยืดสีดำ นุ่งกางเกงยีนส์สีดำ สวมหมวกแก๊ปสีน้ำเงิน จากหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว โดยว่าจ้างให้ไปส่งในซอยรัชดาฯ 36 เมื่อตนขับรถเข้ามาในซอยดังกล่าว คนร้ายก็บอกให้เลี้ยวเข้ามาในซอยแสงจันทร์ซึ่งเป็นซอยเปลี่ยว โดยเมื่อเลี้ยวเข้ามาก็พบคนร้ายเป็นชายอีก 2 คน ขี่จักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า ฟีโน่ สีดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน มาซุ่มอยู่ในพงหญ้าข้างทาง จากนั้นคนร้ายที่นั่งอยู่ในรถก็ใช้อาวุธปืนจี้ที่กกหูตนพร้อมบอกว่าจอดแล้วลงไปเดี๋ยวนี้
นายสมชาย ให้การต่อว่า เมื่อลงไปจากรถ คนร้ายก็สั่งให้ตนยืนหันหลังแล้วเอามือพิงรถไว้ จากนั้นก็ค้นตัวก่อนจะหยิบเงินสดจากกระเป๋าหลังไป 1,800 บาท ส่วนโทรศัพท์มือถือเป็นรุ่นเก่า คนร้ายเลยไม่ได้เอาไป จังหวะนั้นตนพยายามจะหันมาสู้แต่เห็นคนร้ายถือปืนอยู่ ประกอบกับคนร้ายอีก 2 คนที่ซุ่มอยู่ก็เดินเข้ามา ตนจึงไม่กล้า จากนั้นคนร้ายก็สั่งให้ตนเข้าไปอยู่ในกระโปรงท้ายรถ ก่อนจะปิดฝากระโปรงขังตนเอาไว้ ตนจึงรอให้เสียงรถจักรยานยนต์ขับผ่านไปก่อนแล้วจึงรีบโทร.แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาช่วยเหลือ
จากนั้นเจ้าหน้าที่สายตรวจและฝ่ายสืบสวนได้กระจายกำลังกันออกติดตามกลุ่มคนร้ายทันทีแต่ยังไม่วี่แววแต่อย่างใด โดยหลังจากนี้เจ้าหน้าที่นำรูปพรรณคนร้ายรายนี้ไปสอบถามจากชาวบ้านในซอยดังกล่าวว่าพบเห็นกลุ่มคนต้องสงสัยขี่รถจักรยานยนต์รุ่นดังกล่าวผ่านไปหรือไม่ เนื่องจากคาดว่าคนรายน่าจะเป็นคนในพื้นที่จึงทราบว่าซอยที่เกิดเหตุเป็นซอยเปลี่ยวและรู้ทางเข้าออกของซอยดังกล่าวเป็นอย่างดี