รอง ผบ.ตร.เผยวันลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีพรุ่งนี้ ใช้กำลังตำรวจ 7 กองร้อย หรือ 1,050 นาย ผนึกกำลังทหาร 8 กองร้อย หรือ 1,200 นาย กระจายรักษาความปลอดภัยทั้งในและนอกพื้นที่รัฐสภา เน้นพื้นที่ด้านนอกต้องมีเพียงโล่ป้องกันตัวเท่านั้น ส่วนพื้นที่ด้านในจัด จนท.ชุดปราบจลาจล อาวุธครบมือดูแล
วันนี้ (16 ก.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อเวลา 10.30 น. พล.ต.อ.วิโรจน์ พหลเวชช์ รอง ผบ.ตร. ดูแลงานด้านความมั่นคง พร้อมด้วย พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. ปฏิบัติราชการแทน ผบช.น. เรียกประชุมนายตำรวจระดับ รอง ผบช.น.รวมถึงนายตำรวจในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อสรุปและประเมินสถานการณ์การชุมนุมรวมถึงวางมาตรการดูแลพื้นที่รอบอาคารรัฐสภา ที่จะมีการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ในวันพรุ่งนี้ (17 ก.ย.)
พล.ต.อ.วิโรจน์ กล่าวว่า การดูแลพื้นที่โดยรอบทำเนียบนั้นจะมีการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 7 กองร้อย หรือ 1,050 นาย และกำลังทหารอีก 8 กองร้อย หรือ 1,200 นาย โดยมีการกระจายกำลังดูแลทั้งด้านในและด้านนอก โดยพื้นที่ด้านนอกนั้น จะไม่มีการใช้อาวุธอื่นๆ อย่างเด็ดขาด จะมีเพียงโล่ในการป้องกันตัวเท่านั้น แต่ส่วนพื้นที่ด้านในนั้นจะมีการวางกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปราบจลาจลพร้อมอาวุธในการปราบจลาจลครบมือ
พล.ต.อ.วิโรจน์ กล่าวต่อว่า แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่าจะมีกลุ่มผุ้ชุมนุมเคลื่อนขบวนมายังพื้นที่รัฐสภาแต่อย่างใด แต่หากมีการเคลื่อนขบวนมาและเป็นเพียงกลุ่มเดียวกันคงไม่มีปัญหา แต่หากมาจากคนละกลุ่มตำรวจก็จะกันทั้งสองฝ่ายออกจากกันไม่ให้เกิดการปะทะระหว่างกันได้
"ส่วนการจับกุม 9 แกนนำพันธมิตรฯนั้น หากเจ้าหน้าที่พบที่ใดสามารถจับกุมตัวได้ทันทีเพราะมีหมายอยู่แล้ว และการจับกุมนั้นตำรวจก็มีขั้นตอนที่ชัดเจนอยู่แล้วและถือเป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ อีกทั้งอายุความของคดีก็ยังอยุ่อีกหลายปีจะจับวันไหนก็ได้ทั้งนั้น ถ้าคดีความยังไม่หมดอายุ" พล.ต.อ.วิโรจน์ กล่าว
วันนี้ (16 ก.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อเวลา 10.30 น. พล.ต.อ.วิโรจน์ พหลเวชช์ รอง ผบ.ตร. ดูแลงานด้านความมั่นคง พร้อมด้วย พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. ปฏิบัติราชการแทน ผบช.น. เรียกประชุมนายตำรวจระดับ รอง ผบช.น.รวมถึงนายตำรวจในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อสรุปและประเมินสถานการณ์การชุมนุมรวมถึงวางมาตรการดูแลพื้นที่รอบอาคารรัฐสภา ที่จะมีการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ในวันพรุ่งนี้ (17 ก.ย.)
พล.ต.อ.วิโรจน์ กล่าวว่า การดูแลพื้นที่โดยรอบทำเนียบนั้นจะมีการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 7 กองร้อย หรือ 1,050 นาย และกำลังทหารอีก 8 กองร้อย หรือ 1,200 นาย โดยมีการกระจายกำลังดูแลทั้งด้านในและด้านนอก โดยพื้นที่ด้านนอกนั้น จะไม่มีการใช้อาวุธอื่นๆ อย่างเด็ดขาด จะมีเพียงโล่ในการป้องกันตัวเท่านั้น แต่ส่วนพื้นที่ด้านในนั้นจะมีการวางกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปราบจลาจลพร้อมอาวุธในการปราบจลาจลครบมือ
พล.ต.อ.วิโรจน์ กล่าวต่อว่า แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่าจะมีกลุ่มผุ้ชุมนุมเคลื่อนขบวนมายังพื้นที่รัฐสภาแต่อย่างใด แต่หากมีการเคลื่อนขบวนมาและเป็นเพียงกลุ่มเดียวกันคงไม่มีปัญหา แต่หากมาจากคนละกลุ่มตำรวจก็จะกันทั้งสองฝ่ายออกจากกันไม่ให้เกิดการปะทะระหว่างกันได้
"ส่วนการจับกุม 9 แกนนำพันธมิตรฯนั้น หากเจ้าหน้าที่พบที่ใดสามารถจับกุมตัวได้ทันทีเพราะมีหมายอยู่แล้ว และการจับกุมนั้นตำรวจก็มีขั้นตอนที่ชัดเจนอยู่แล้วและถือเป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ อีกทั้งอายุความของคดีก็ยังอยุ่อีกหลายปีจะจับวันไหนก็ได้ทั้งนั้น ถ้าคดีความยังไม่หมดอายุ" พล.ต.อ.วิโรจน์ กล่าว