ตำรวจรอหมายศาลแพ่งสลายพันธมิตรฯ ผบ.ตร.ลั่น ต้องเข้าไปจับกุมตัว 9 แกนนำพันมิตรฯ ที่ถูกศาลออกหมายจับในวันนี้ให้ได้ ไม่สนแม้พันธมิตรฯ จะใช้ผู้หญิงเป็นโล่มนุษย์ป้องกัน อ้างตำรวจต้องทำตามกฎหมาย และมีสิทธิ์ที่จะป้องกันตัว
วันนี้ (27 ส.ค.) เมื่อเวลา 21.30 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ได้เดินทางมายังกองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยกล่าวว่า หมายศาลแพ่งกรณีที่ข้าราชการสำนักนายกรัฐมนตรีไปฟ้องศาลขอให้กลุ่มพันธมิตรฯ ออกมาจากทำเนียบรัฐบาลนั้น ยังไม่ออกมา แต่ทั้งนี้ ตำรวจยืนยันที่จะเข้าควบคุมตัวแกนนำพันธมิตรฯทั้ง 9 คนที่ถูกออกหมายจับ โดยจะใช้วิธีการที่ละมุ่นละม่อมมากที่สุด
พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวต่อว่า ในวันนี้ เวลา 22.00 น.พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย จะเรียกประชุมนายตำรวจระดับสูงที่เกี่ยวข้อง เพื่อประเมินสถานการณ์และวางมาตรการต่างๆ
“กรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ ใช้ผู้หญิงเป็นโล่มนุษย์เพื่อป้องกันการเข้าจับกุมแกนนำพันธมิตรฯนั้น ตำรวจไม่ได้หนักใจ ซึ่งเป็นเรื่องที่กลุ่มพันธมิตรฯต้องป้องกันตัวเอง ทั้งนี้ ตำรวจขอยืนยันว่า จะทำตามกฎหมาย และมีสิทธิ์ที่จะป้องกันตัวได้ แต่ไม่อยากให้คาดการณ์หรือมองกันว่าเป็นเรื่องของความรุนแรง” ผบ.ตร.ผู้นี้กล่าว
ส่วนความคืบหน้าการไต่สวนคำร้องขอขับไล่พันธมิตรฯ ออกจากทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลได้ไต่สวนพยานฝ่ายผู้ร้อง จำนวน 3 ปาก ประกอบด้วย นายพงษ์ศักดิ์ ศิริวงษ์ ผอ.สำนักสถานที่และรักษาความปลอดภัย ทำเนียบรัฐบาล นายสมาน เลิศวงศ์รัตน์ รองเลขาธิการสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และ พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษก ตร.โดยใช้เวลาไต่สวน 4 ชั่วโมง เสร็จสิ้นเมื่อเวลา 20.00 น.
โดยการไต่สวนศาลเปิดโอกาสให้นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความพันธมิตรฯถามค้านได้ทุกปาก เมื่อไต่สวนเสร็จสิ้น นายสุวัตร ทนายพันธมิตรฯ แถลงต่อศาลขอนำพยานฝ่ายจำเลยเข้าไต่สวนในวันพรุ่งนี้ ศาลสอบถาม นายธานี ใจสมุทร ทนายโจทก์ผู้ร้อง แถลงค้านว่าคดีนี้ โจทก์ได้รับความเดือดร้อน จากกรณีที่จำเลยและพวกบุกเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล จึงมาขอำนาจศาลขอไต่สวนฉุกเฉิน จึงไม่เห็นควรให้การไต่สวนพยานฝ่ายจำเลย ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าคดีนี้ โจทก์ยื่นคำร้องขอไต่สวนฉุกเฉิน ตามประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 266 ไม่จำต้องไต่สวนพยานจำเลยและใหนัดฟังคำสั่งในคืนวันนี้ และขณะนี้เวลา 22.00 น.ศาลยังไม่ออกนั่งบัลลังก์เพื่อมีคำสั่ง โดยมีสื่อมวลชนรอทำข่าวอยู่จำนวนหนึ่ง