xs
xsm
sm
md
lg

ปทส.จับชาวบ้านปลูกใบกระท่อมพรางตาในสวน เจาะขายโจ๋ใต้

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ปทส.จู่โจมบุกรวบชาวบ้านลักลอกปลูกใบกระท่อมในสวนแถวหมู่บ้านนภาภิรมย์ หนองจอก พร้อมตัดทำลายและยึดไว้เป็นของกลางเพียบ สารภาพปลูกไว้กินเองไม่ได้มีไว้เพื่อขาย อ้างใบกระท่อมมีสรรพคุณทำให้คลายร้อนและทนแดด ขณะที่ ตร.บอกใบกระท่อมเป็นที่นิยมของกลุ่มวัยรุ่นภาคใต้ นำไปผสมกับยาแก้ไขกินแทนแอลกอฮอล์

วันนี้ (31 ก.ค.) เมื่อเวลา 06.00 น. พ.ต.อ.มนตรี ยิ้มแย้ม รอง ผบก.ปทส.พ.ต.อ.ธิติ แสงสว่าง ผกก.ฝป.1 บก.ปทส. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปทส. และ สน.นิมิตรใหม่ นำหมายศาลเข้าตรวจค้นสวนในชุมนุมหลังหมู่บ้านนภาภิรมย์ ถนนคลองเก้า แขวงคลองสิบ เขตหนองจอก หลังสืบทราบว่าภายในชุมชนดังกล่าวมีการลักลอบปลูกใบกระท่อม

ที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่กว่า 30 ไร่ เจ้าหน้าที่พบต้นกระท่อมปลูกแซมอยู่ภายในสวนของชาวบ้านจำนวน กว่า 100 ต้น เจ้าหน้าที่จึงเข้าตัดทำลาย พร้อมยึดไว้เป็นหลักฐานรวมทั้งหมดประมาณ 1 ตันเศษ นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาซึ่งเป็นเจ้าของบ้านที่ลักลอบปลูกต้นกระท่อมได้ทั้งหมด 6 คน ประกอบด้วย นายมิ่ง พรรณกุหลาบ นายพยนต์ พรรณกุหลาบ นายฉลวย สุขสวย นายวัฒนา ศีรสังข์ นางสงกรานต์ อยู่สวย และน.ส.ศิริชล พิมพ์พุทธ ก่อนนำตัวไปสอบปากคำ

พ.ต.อ.ธิติ เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากขณะนี้เสพยาเสพติดประเภท 4 คูณ 100กำลังแพร่ระบาดและทวีความรุนแรงมากขึ้นในกลุ่มวัยรุ่น พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผบช.ก.จึงได้สั่งการให้ติดตามความเคลื่อนไหว จนกระทั่งสามารถสืบทราบได้ว่า มีแหล่งปลูกกระท่อมในพื้นที่ กทม.และปริมณฑลอยู่หลายแหล่ง พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบก.ปทส. จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ 1 บก.ปทส.ลงพื้นที่ประมาณ 15 วัน ก็พบว่า มีการปลูกพืชกระท่อมกระจายอยู่ตามแหล่งพักอาศัย และพื้นที่เพาะปลูกในชุมชุนเขตพื้นที่ หนองจอกและคลองสามวา โดยจะมีกลุ่มวัยรุ่นมารับซื้อโดยตลอด กระทั่งวันนี้ (31 ก.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายเข้าตรวจค้นและทำลายต้นกระท่อมได้เป็นจำนวนมาก

พ.ต.อ.ธิติ กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมด รับสารภาพว่า เป็นเจ้าของต้นกระท่อมดังกล่าวแต่ปลูกไว้กินเองตามบ้าน เพื่อตากแดดทำสวนทำนาได้ เพราะใบกระท่อมมีสรรพคุณทำให้คลายร้อนและทนแดด ไม่ได้มีไว้เพื่อนำไปขาย อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ต้องแจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 5 ไว้ในความครอบครอง หรือมีไว้ครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด ให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 26,27 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือ มีโทษจำคุก 2-10 ปี ปรับ 40,000-200,000 บาท ถ้าเกิน 10 กก. มีโทษจำคุกตั้งแต่ 2-10 ปี ปรับตั้งแต่ 200,000-1,500,000 บาท ก่อนจะส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สน.นิมิตรใหม่ ดำเนินคดี

พ.ต.อ.ธิติ กล่าวอีกว่า ใบกระท่อมดังกล่าวจะมีกลุ่มวัยุรุ่นมารับซื้อในราคาใบละ 50 สตางค์ และจะนำไปขายต่อให้กับกลุ่มผู้เสพยาในราคาใบละ 2-3 บาท โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นในภาคใต้ และกลุ่มวัยรุ่นในกลุ่มที่นับถือศาสนาอิสลามจะนำไปเป็นส่วนผสมกับยาแก้ไอ เพื่อดื่มแทนแอลกอฮอล์ โดยจะทำให้รู้สึกเคลิ้ม ไม่เป็นตัวของตัวเอง ถูกชักจูงง่าย นอกจากผสมยาแก้ไอแล้วยังนำไปทำน้ำใบกระท่อม ผสมน้ำอัดลม และสารฟลูออเรสเซ่นที่นำมาจากปรอทหลอดไฟ

สำหรับ 4 คูณ 100 ที่เป็นที่แพร่ระบาดอยู่ตอนนี้คือ ยาเสพติดสูตรใหม่ที่แพร่ระบาดในกลุ่มวัยรุ่นชาวไทยมุสลิม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจะมีส่วนประกอบคือยาแก้ไอ ชนิดต่างๆ น้ำใบกระท่อม ยากันยุง นำอัดลม และสารฟลูออเรสเซนต์
เจ้าหน้าที่ตัดทำลายต้นกระท่อม
ของกลางที่ยึดไว้มีมากกว่า 1 ตัน
กำลังโหลดความคิดเห็น