ญาติพ่อค้าไม้สัก ร้องตำรวจกองปราบปรามให้ช่วยตามหาตัวพ่อค้าไม้สัก น้องชายและเพื่อนชาวไต้หวันที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เชื่อเป็นฝีมือ “พ.ต.อ.” พร้อมตั้งเงินรางวัล 2 ล้าน หากพบตัวยังมีชีวิต แต่หากพบศพให้ 1 ล้านบาท
วันนี้ (28 ก.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.30 น. นายพีรเดช สุวรรณสาร อายุ 50 ปี พ่อค้าปุ๋ย และกุ้ง พร้อมด้วย นายพงษ์ศิริ สุวรรณสาร อายุ 49 ปี ผู้รับเหมาก่อสร้าง เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.เพชรัตน์ แสงไชย รอง ผบก.ป. เพื่อขอให้ช่วยสืบสวนติดตามตัว นายสิทธิพงษ์ สุวรรณสาร หรืออึ่ง อายุ 46 ปี น้องชาย ซึ่งเป็นพ่อค้าไม้สัก และนายลู จิเฉียน อายุ 52 ปี เพื่อนร่วมธุรกิจชาวไต้หวัน ซึ่งหายตัวไปจากบ้านพักภายในหมู่บ้านในฝัน ซ.ชุมชนร่วมแรง อ.แม่สอด จ.ตาก ตั้งแต่วันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา
นายพีรเดช กล่าวว่า นายสิทธิพงษ์ น้องชายได้ทำธุรกิจนำเข้าไม้สักจากประเทศเพื่อนบ้าน ร่วมกับนายลู เพื่อนชาวไต้หวัน มาตั้งแต่เดือน พ.ค.ที่ผ่านมา โดยติดต่อซื้อไม้สักจากชนกลุ่มน้อยประเทศเพื่อนบ้านกลุ่มหนึ่งเพื่อนำเข้าประเทศมาขายต่อให้กับเจ้าของโรงเลื่อย ซึ่งที่ผ่านมาได้นำเข้าไม้สักมาแล้ว 3 ครั้ง รวมมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท และไม่เคยมีปัญหาใดๆ เนื่องจากเป็นการนำเข้าอย่างถูกต้อง แต่เมื่อคืนวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา น้องชายกับเพื่อนชาวต่างชาติได้ออกจากบ้านไปกับลูกน้องของนายตำรวจยศ “พ.ต.อ.” ที่ขับรถมารับที่บ้านจากนั้นทั้งสองก็หายตัวไปจนถึงขณะนี้ก็ไม่สามารถติดต่อได้ อย่างไรก็ตาม ได้พยายามติดต่อลูกน้องของนายตำรวจคนดังกล่าวแต่จนถึงขระนี้ก็ไม่สามารถติดต่อได้
นายพีรเดช กล่าวต่อว่า หลังทราบเรื่องตนและน้องชายได้ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.แม่สอด และร้องทุกข์ต่อผู้ว่าราชการจังหวัดตากทันทีแต่ก็ยังไม่คืบหน้าจึงเริ่มสืบหาเบาะแสของน้องชายด้วยตัวเองจนทราบว่า ในการทำธุรกิจค้าไม้สักนั้นน้องชายเป็นผู้เดียวที่สามารถนำไม้สักเข้าประเทศได้เพราะมีช่องทางติดต่อกับชนกลุ่มน้อยประเทศเพื่อนบ้าน และได้นำเข้าประเทศอย่างถูกต้องทุกอย่าง ซึ่งในการนำเข้าไม้สักครั้งแรกนั้นมีผู้มีอิทธิพลในธุรกิจนี้ได้ติดต่อซื้อไม้สักจากน้องชาย แต่ภายหลังน้องชายตนได้ขายไม้สักให้กับคนอื่นจึงเชื่อว่าการที่น้องชายกับเพื่อน หายตัวไปนั้น คาดว่าน่าจะเกี่ยวกับเรื่องการค้าไม้สักที่ไปขัดแย้งผลประโยชน์กับกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่
“เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นมีคนรู้จักให้ข้อมูลว่ามีเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย กลัวว่าไม่สามารถให้ความเป็นธรรมได้ จึงมาร้องขอความช่วยเหลือจากตำรวจกองปราบปรามให้ช่วยสืบสวนติดตามหาตัวน้องชายและเพื่อนของเขา ทั้งนี้ ได้ตั้งเงินรางวัลจำนวน 2 ล้านบาท ให้กับผู้ที่ชี้เบาะแสจนนำไปสู่การช่วยเหลือคนทั้งสอง และติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุมาได้ นอกจากนี้หากมีคนพบศพจะมอบเงินให้จำนวน 1 ล้านบาท” นายพีรเดช กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างเข้าร้องทุกข์นั้นได้นายพีรเดชได้รับเบาะแสเพิ่มเติมจากเพื่อนในพื้นที่ว่า นายสิทธิพงษ์ น้องชายและเพื่อนชาวไต้หวัน น่าจะถูกกักขังอยู่ในตู้คอนเทรนเนอร์ ที่ท่าเรือ 470 บริเวณริมแม่น้ำเมย ฝั่งไทย นายพีรเดชจึงแจ้งข้อมูลให้ พ.ต.อ.เพชรัตน์ ทราบเพื่อตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวต่อไป อย่างไรก็ตาม หลังรับเรื่องร้องทุกข์แล้ว พ.ต.อ.เพชรัตน์ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้ร้องทุกข์ไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นได้สั่งการให้ชุดสืบสวนฝ่ายปฏิบัติการ 6 บก.ป. สืบสวนหาเบาะแสเพื่อช่วยเหลือคนทั้งสองต่อไป
วันนี้ (28 ก.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.30 น. นายพีรเดช สุวรรณสาร อายุ 50 ปี พ่อค้าปุ๋ย และกุ้ง พร้อมด้วย นายพงษ์ศิริ สุวรรณสาร อายุ 49 ปี ผู้รับเหมาก่อสร้าง เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.เพชรัตน์ แสงไชย รอง ผบก.ป. เพื่อขอให้ช่วยสืบสวนติดตามตัว นายสิทธิพงษ์ สุวรรณสาร หรืออึ่ง อายุ 46 ปี น้องชาย ซึ่งเป็นพ่อค้าไม้สัก และนายลู จิเฉียน อายุ 52 ปี เพื่อนร่วมธุรกิจชาวไต้หวัน ซึ่งหายตัวไปจากบ้านพักภายในหมู่บ้านในฝัน ซ.ชุมชนร่วมแรง อ.แม่สอด จ.ตาก ตั้งแต่วันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา
นายพีรเดช กล่าวว่า นายสิทธิพงษ์ น้องชายได้ทำธุรกิจนำเข้าไม้สักจากประเทศเพื่อนบ้าน ร่วมกับนายลู เพื่อนชาวไต้หวัน มาตั้งแต่เดือน พ.ค.ที่ผ่านมา โดยติดต่อซื้อไม้สักจากชนกลุ่มน้อยประเทศเพื่อนบ้านกลุ่มหนึ่งเพื่อนำเข้าประเทศมาขายต่อให้กับเจ้าของโรงเลื่อย ซึ่งที่ผ่านมาได้นำเข้าไม้สักมาแล้ว 3 ครั้ง รวมมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท และไม่เคยมีปัญหาใดๆ เนื่องจากเป็นการนำเข้าอย่างถูกต้อง แต่เมื่อคืนวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา น้องชายกับเพื่อนชาวต่างชาติได้ออกจากบ้านไปกับลูกน้องของนายตำรวจยศ “พ.ต.อ.” ที่ขับรถมารับที่บ้านจากนั้นทั้งสองก็หายตัวไปจนถึงขณะนี้ก็ไม่สามารถติดต่อได้ อย่างไรก็ตาม ได้พยายามติดต่อลูกน้องของนายตำรวจคนดังกล่าวแต่จนถึงขระนี้ก็ไม่สามารถติดต่อได้
นายพีรเดช กล่าวต่อว่า หลังทราบเรื่องตนและน้องชายได้ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.แม่สอด และร้องทุกข์ต่อผู้ว่าราชการจังหวัดตากทันทีแต่ก็ยังไม่คืบหน้าจึงเริ่มสืบหาเบาะแสของน้องชายด้วยตัวเองจนทราบว่า ในการทำธุรกิจค้าไม้สักนั้นน้องชายเป็นผู้เดียวที่สามารถนำไม้สักเข้าประเทศได้เพราะมีช่องทางติดต่อกับชนกลุ่มน้อยประเทศเพื่อนบ้าน และได้นำเข้าประเทศอย่างถูกต้องทุกอย่าง ซึ่งในการนำเข้าไม้สักครั้งแรกนั้นมีผู้มีอิทธิพลในธุรกิจนี้ได้ติดต่อซื้อไม้สักจากน้องชาย แต่ภายหลังน้องชายตนได้ขายไม้สักให้กับคนอื่นจึงเชื่อว่าการที่น้องชายกับเพื่อน หายตัวไปนั้น คาดว่าน่าจะเกี่ยวกับเรื่องการค้าไม้สักที่ไปขัดแย้งผลประโยชน์กับกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่
“เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นมีคนรู้จักให้ข้อมูลว่ามีเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย กลัวว่าไม่สามารถให้ความเป็นธรรมได้ จึงมาร้องขอความช่วยเหลือจากตำรวจกองปราบปรามให้ช่วยสืบสวนติดตามหาตัวน้องชายและเพื่อนของเขา ทั้งนี้ ได้ตั้งเงินรางวัลจำนวน 2 ล้านบาท ให้กับผู้ที่ชี้เบาะแสจนนำไปสู่การช่วยเหลือคนทั้งสอง และติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุมาได้ นอกจากนี้หากมีคนพบศพจะมอบเงินให้จำนวน 1 ล้านบาท” นายพีรเดช กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างเข้าร้องทุกข์นั้นได้นายพีรเดชได้รับเบาะแสเพิ่มเติมจากเพื่อนในพื้นที่ว่า นายสิทธิพงษ์ น้องชายและเพื่อนชาวไต้หวัน น่าจะถูกกักขังอยู่ในตู้คอนเทรนเนอร์ ที่ท่าเรือ 470 บริเวณริมแม่น้ำเมย ฝั่งไทย นายพีรเดชจึงแจ้งข้อมูลให้ พ.ต.อ.เพชรัตน์ ทราบเพื่อตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวต่อไป อย่างไรก็ตาม หลังรับเรื่องร้องทุกข์แล้ว พ.ต.อ.เพชรัตน์ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้ร้องทุกข์ไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นได้สั่งการให้ชุดสืบสวนฝ่ายปฏิบัติการ 6 บก.ป. สืบสวนหาเบาะแสเพื่อช่วยเหลือคนทั้งสองต่อไป