ผู้เสียหายจากการเช่าซื้อ “พระสมเด็จเหนือหัว” ฟ้องยกกระบิ เสี่ยอู๊ด-เจ้าอาวาสวัดสุทัศน์-บ.ไดมอนด์ฮิลล์-ไปรษณีย์ไทย ฉ้อโกงประชาชนแอบอ้างสถาบันจัดสร้างพระ ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง 29 ก.ย.นี้
วันนี้ (21 ก.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น.ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง มูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์, วัดสุทัศนเทพวราราม, พระวิสุทธาธิบดี เจ้าอาวาสวัดสุทัศน์, บริษัท ไดมอนด์ ฮิลล์ จำกัด, นายสิทธิกร บุญฉิม หรือเสี่ยอู๊ด กรรมการผู้มีอำนาจ บริษัทไดมอนด์ ฮิลล์, นายก้องไกร ลิ้มจรูญ กรรมการผู้มีอำนาจ บริษัทไดมอนด์ ฮิลล์, บริษัท ไปรษณีย์ไทย และนายออมสิน ชีวะพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไปรษณีย์ไทย ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-8 ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน กรณีร่วมกันจำหน่ายพระสมเด็จเหนือหัว
โจทก์บรรยายฟ้องสรุปว่า ระหว่างวันที่ 9 พ.ย. - 19 ธ.ค.50 จำเลยทั้ง 8 ร่วมกันกระทำผิดกฎหมาย โดยจำเลยที่ 1, 2 และ 3 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 4, 5 และ 6 วางแผนการโฆษณา ผลิต และจัดจำหน่ายพระสมเด็จเหนือหัว โดยอวดอ้างต่อประชาชนทั่วราชอาณาจักร ให้หลงเชื่อว่าใช้ดอกไม้พระราชทาน มาเป็นมวลสารในการจัดสร้าง เพื่อนำเงินไปสร้างอุโบสถ 2 กษัตริย์ นอกจากนี้ ด้านหลังองค์พระยังมีตรามหามงกุฎ จึงทำให้ประชาชนหลงเชื่อ ต่อมาวันที่ 19 ธ.ค.50 โจทก์หลงเชื่อคำโฆษณาจึงไปเช่าพระสมเด็จเหนือหัวจำนวน 1 องค์ ราคา 999 บาท ณ ที่ทำการไปรษณีย์ สาขาบางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี หลังจากนั้นได้ทราบข่าวว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ทำการตรวจสอบกรณีจัดสร้างพระดังกล่าว เมื่อได้รับแจ้งจากผู้แทนสำนักพระราชวังว่าไม่มีการพระราชทานดอกไม้เพื่อเป็นมวลสารในการจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัวแต่อย่างใด รวมทั้งจำเลยทั้ง 8 ไม่เคยได้รับพระบรมราชาอนุญาต จากสำนักราชเลขาธิการ สำนักราชวัง ให้ใช้ตรามหามงกุฎพิชัย
จำเลยที่ 1-6 เจตนาวางแผนโดยไตร่ตรองไว้ก่อนโดยได้รับการสนับสนุนจากจำเลยที่ 7และ 8 อาศัยความศรัทธาของประชาชนมาเป็นเครื่องมือในการหาเลี้ยงชีพ หรือเชิงธุรกิจการค้า แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ หรือทุจริตทั้งนี้ต้นทุนการผลิตพระสมเด็จเหนือหัวราคาประมาณองค์ละ 3-5 บาท เท่านั้น แต่จำเลยทั้ง 8 ให้ประชาชนทั่วไปเช่าในราคา 999 บาท ทั้งนี้จำเลยที่ 7 และ8 มีส่วนร่วมในการสนับสนุนการกระทำของจำเลยที่ 1-6 ด้วย นอกจากนี้ พนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องคดีอาญาในความผิดเดียวกันนี้ ต่อจำเลยที่ 4 และ 5 ต่อศาลอาญา ในคดีหมายเลขดำ 2358/2551 โดยโจทก์ขอพึ่งอำนาจศาลขอให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้รวมการพิจารณาคดีนี้กับคดีดังกล่าวเป็นเดียวกัน เนื่องจากมีความผิดฐานเดียวกัน ท้ายคำฟ้องโจทก์ได้ขอให้ศาลมีคำสั่งให้จำเลยทั้ง 8 ร่วมกันคืนเงินค่าเช่าพระสมเด็จเหนือหัวจำนวน 999 บาท แก่โจทก์ และคืนเงินให้กับประชาชนทั่วไปที่ได้เช่าพระสมเด็จเหนือหัวไปจากจำเลยทั้ง 8 ด้วย
ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องว่าคดีมีมูลหรือไม่ ในวันที่ 29 ก.ย. เวลา 13.30 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้นายสิทธิกร บุญฉิม หรือเสี่ยอู๊ด นั้น ยังถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ หลังจากที่ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว เนื่องจากมีความผิดร้ายแรง โดยเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 ยื่นฟ้อง นายสิทธิกร บุญฉิม หรือเสี่ยอู๊ด และบริษัท ไดมอนด์ ฮิลล์ จำกัด เป็นจำเลยที่ 1-2 ตามลำดับ ในความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโฆษณาโดยใช้ข้อความที่จะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับสินค้า และโดยใช้ข้อความที่ใช้หรืออ้างอิงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์โดยไม่ได้รับพระบรมราชานุญาต ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคหรืออาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสังคมส่วนรวม, ร่วมกันใช้เครื่องหมายราชการโดยไม่ได้รับอนุญาต และเลียนเครื่องหมายราชการให้ปรากฏที่วัตถุหรือสินค้าใดๆ โดยศาลนัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 4 ส.ค. เวลา 09.00 น.
วันนี้ (21 ก.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น.ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง มูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์, วัดสุทัศนเทพวราราม, พระวิสุทธาธิบดี เจ้าอาวาสวัดสุทัศน์, บริษัท ไดมอนด์ ฮิลล์ จำกัด, นายสิทธิกร บุญฉิม หรือเสี่ยอู๊ด กรรมการผู้มีอำนาจ บริษัทไดมอนด์ ฮิลล์, นายก้องไกร ลิ้มจรูญ กรรมการผู้มีอำนาจ บริษัทไดมอนด์ ฮิลล์, บริษัท ไปรษณีย์ไทย และนายออมสิน ชีวะพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไปรษณีย์ไทย ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-8 ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน กรณีร่วมกันจำหน่ายพระสมเด็จเหนือหัว
โจทก์บรรยายฟ้องสรุปว่า ระหว่างวันที่ 9 พ.ย. - 19 ธ.ค.50 จำเลยทั้ง 8 ร่วมกันกระทำผิดกฎหมาย โดยจำเลยที่ 1, 2 และ 3 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 4, 5 และ 6 วางแผนการโฆษณา ผลิต และจัดจำหน่ายพระสมเด็จเหนือหัว โดยอวดอ้างต่อประชาชนทั่วราชอาณาจักร ให้หลงเชื่อว่าใช้ดอกไม้พระราชทาน มาเป็นมวลสารในการจัดสร้าง เพื่อนำเงินไปสร้างอุโบสถ 2 กษัตริย์ นอกจากนี้ ด้านหลังองค์พระยังมีตรามหามงกุฎ จึงทำให้ประชาชนหลงเชื่อ ต่อมาวันที่ 19 ธ.ค.50 โจทก์หลงเชื่อคำโฆษณาจึงไปเช่าพระสมเด็จเหนือหัวจำนวน 1 องค์ ราคา 999 บาท ณ ที่ทำการไปรษณีย์ สาขาบางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี หลังจากนั้นได้ทราบข่าวว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ทำการตรวจสอบกรณีจัดสร้างพระดังกล่าว เมื่อได้รับแจ้งจากผู้แทนสำนักพระราชวังว่าไม่มีการพระราชทานดอกไม้เพื่อเป็นมวลสารในการจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัวแต่อย่างใด รวมทั้งจำเลยทั้ง 8 ไม่เคยได้รับพระบรมราชาอนุญาต จากสำนักราชเลขาธิการ สำนักราชวัง ให้ใช้ตรามหามงกุฎพิชัย
จำเลยที่ 1-6 เจตนาวางแผนโดยไตร่ตรองไว้ก่อนโดยได้รับการสนับสนุนจากจำเลยที่ 7และ 8 อาศัยความศรัทธาของประชาชนมาเป็นเครื่องมือในการหาเลี้ยงชีพ หรือเชิงธุรกิจการค้า แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ หรือทุจริตทั้งนี้ต้นทุนการผลิตพระสมเด็จเหนือหัวราคาประมาณองค์ละ 3-5 บาท เท่านั้น แต่จำเลยทั้ง 8 ให้ประชาชนทั่วไปเช่าในราคา 999 บาท ทั้งนี้จำเลยที่ 7 และ8 มีส่วนร่วมในการสนับสนุนการกระทำของจำเลยที่ 1-6 ด้วย นอกจากนี้ พนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องคดีอาญาในความผิดเดียวกันนี้ ต่อจำเลยที่ 4 และ 5 ต่อศาลอาญา ในคดีหมายเลขดำ 2358/2551 โดยโจทก์ขอพึ่งอำนาจศาลขอให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้รวมการพิจารณาคดีนี้กับคดีดังกล่าวเป็นเดียวกัน เนื่องจากมีความผิดฐานเดียวกัน ท้ายคำฟ้องโจทก์ได้ขอให้ศาลมีคำสั่งให้จำเลยทั้ง 8 ร่วมกันคืนเงินค่าเช่าพระสมเด็จเหนือหัวจำนวน 999 บาท แก่โจทก์ และคืนเงินให้กับประชาชนทั่วไปที่ได้เช่าพระสมเด็จเหนือหัวไปจากจำเลยทั้ง 8 ด้วย
ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องว่าคดีมีมูลหรือไม่ ในวันที่ 29 ก.ย. เวลา 13.30 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้นายสิทธิกร บุญฉิม หรือเสี่ยอู๊ด นั้น ยังถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ หลังจากที่ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว เนื่องจากมีความผิดร้ายแรง โดยเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 ยื่นฟ้อง นายสิทธิกร บุญฉิม หรือเสี่ยอู๊ด และบริษัท ไดมอนด์ ฮิลล์ จำกัด เป็นจำเลยที่ 1-2 ตามลำดับ ในความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโฆษณาโดยใช้ข้อความที่จะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับสินค้า และโดยใช้ข้อความที่ใช้หรืออ้างอิงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์โดยไม่ได้รับพระบรมราชานุญาต ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคหรืออาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสังคมส่วนรวม, ร่วมกันใช้เครื่องหมายราชการโดยไม่ได้รับอนุญาต และเลียนเครื่องหมายราชการให้ปรากฏที่วัตถุหรือสินค้าใดๆ โดยศาลนัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 4 ส.ค. เวลา 09.00 น.
