ทำดีแบบนี้ต้องสรรเสริญ หนุ่มตุ๊กตุ๊กน้ำใจงาม เก็บเงินกว่า 7 หมื่นบาทจากผู้โดยสารชาวต่างประเทศลืมไว้บนรถ ส่งมอบให้ ตร.ปทุมวัน ช่วยติดตามคืนเจ้าของ หนุ่มตุ๊กตุ๊กน้ำใจงามเผยรู้สึกไม่ดีแม้ตัวเองฐานะไม่ดีจึงไม่คิดเก็บเงินไว้เอง อีกทั้งกลัวเจ้าของกระเป๋าสตางค์นำไปพูดทำให้ประเทศไทยเสียหาย
วันนี้ (18 ก.ค.) เมื่อเวลา 10.20 น.ขณะที่ ร.ต.ท.ณรงค์ชัย เสนาพรหม พนักงานสอบสวน (สบ.1) สน.ปทุมวัน กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพัก ได้มี นายหนูลิด วังคีรี อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18 หมู่ 3 ต.วังขาว อ.ด่านซ้าย จ.เลย นำกระเป๋าสตางค์สีน้ำตาล 1 ใบ ซึ่งภายในมีเงินสดสกุลต่างประเทศจำนวนมาก เงินฉบับละ 100 ดอลลาร์ จำนวน 19 ใบ ฉบับละ 50 ดอลลาร์ จำนวน 1 ฉบับ ฉบับละ 20 ดอลลาร์ จำนวน 3 ใบ ฉบับละ 5 ดอลลาร์ จำนวน 5 ใบ ฉบับละ 1 ดอลลาร์ จำนวน 1 ใบ เงินปอนด์ จำนวน 55 ปอนด์ เงินเกาหลี 3,000 วอน เงินอิหร่าน 20,000 รีอัล คิดเป็นเงินไทยกว่า 70,000 บาทเศษ บัตรสมาชิกสายการบิน จำนวน 2 ใบ และบัตรเครดิต จำนวน 3 ใบ ระบุชื่อนายอาหมัด โนลูซี และนางซอเลีย ฮายาชิ พร้อมรูปถ่ายนักท่องเที่ยวเจ้าของกระเป๋าสตางค์ เข้ามามอบให้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และให้ช่วยติดตามส่งคืนเจ้าของด้วย
นายหนูลิด เปิดเผยว่า ตนมีอาชีพขับรถสามล้อเครื่อง หมายเลขทะเบียน 1 ส-4705 กทม.ปัจจุบันพักอยู่บ้านเช่าไม่มีเลขที่ ภายในซอยจุฬา 4 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน โดยช่วงเเช้าก็ขับรถออกหารับผู้โดยสารมาตามปกติ จนกระทั่งเวลาประมาณ 10.00 น.ได้มีผู้โดยสารเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นชาย 1 หญิง 1 คน ได้เรียกรถของบริเวณด้านหน้าโรงแรมแกรนด์ไดมอนด์ ริมถนนเพชรบุรี ให้ไปส่งที่ห้างสรรพสินค้าสยามดิสคัฟเวอรี่ ท้องที่ สน.ปทุมวัน ในราคา 50 บาท เมื่อขับรถไปถึงที่หมาย นักท่องเที่ยวทั้ง 2 คนก็ลงมายืนจ่ายเงินค่ารถข้างตน
นายหนูลิด กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นตนก็ขับรถหาผู้โดยสารต่อ จนกระทั่งมาติดไฟแดงบริเวณสามแยกเพชรพระราม รอจะเลี้ยวเข้าถนนบรรทัดทอง จึงมองไปที่กระจกส่องหลังก็เห็นกระเป๋าใบดังกล่าววางอยู่ตรงกลางเบาะนั่ง จึงหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นของผู้โดยสารต่างชาติที่เรียกไปส่งที่ห้างสรรพสินค้าสยามดิสคัฟเวอรี่ จึงรีบขับรถวนกลับไปหาแต่ก็ไม่พบ จึงนำมาส่งมอบให้ตำรวจเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามส่งคืนเจ้าของ
นายหนูลิด กล่าวต่อว่า ตนเคยทำงานเป็น รปภ.มาก่อนจะเปลี่ยนอาชีพมาขับรถสามล้อเครื่องได้ประมาณ 4 ปี มีรายได้วันละ 200-300 บาท ส่วนภรรยาทำงานเป็นแม่บ้านอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ได้เงินเดือนประมาณ 5,000-6,000 บาท ขึ้นอยู่ที่ทำโอที โดยฐานะก็ไม่ค่อยดี เมื่อเห็นเงินจำนวนมากก็ไม่คิดที่จะเก็บไว้เอง และรู้สึกไม่สบายใจอยากรีบนำไปคืนเจ้าของ เนื่องจากกลัวว่าเจ้าของกระเป๋าสตางค์จะนำไปพูดในทางไม่ดี แล้วจะทำให้ชื่อเสียงของประเทศไทยเสียหาย
ด้าน พ.ต.อ.ชุมพร กาญจนรัตน์ ผกก.สน.ปทุมวัน กล่าวว่า หลังจากลงบันทึกประจำวันแล้ว ก็จะส่งตำรวจสายตรวจไปประสานที่ห้างสยามดิสคัฟเวอรี่ และที่โรงแรมแกรนด์ไดมอนด์ ซึ่งเป็นจุดที่ส่งและรับ 2 นักท่องเที่ยวเจ้าของกระเป๋าสตางค์ เพื่อตรวจสอบว่าเป็นใครและจะได้ให้เดินทางมารับทรัพย์สินกลับไป
พ.ต.อ.ชุมพร กล่าวด้วยว่า สำหรับนายหนูลิด นั้นถือว่าเป็นคนไทยที่มีน้ำใจงาม และช่วยให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมองภาพลักษณ์ของประเทศไทยในทางที่ดี และเป็นการส่งเสริมบรรยากาศการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมด้านการท่องเทียวของประเทศอีกทางหนึ่งด้วย
วันนี้ (18 ก.ค.) เมื่อเวลา 10.20 น.ขณะที่ ร.ต.ท.ณรงค์ชัย เสนาพรหม พนักงานสอบสวน (สบ.1) สน.ปทุมวัน กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพัก ได้มี นายหนูลิด วังคีรี อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18 หมู่ 3 ต.วังขาว อ.ด่านซ้าย จ.เลย นำกระเป๋าสตางค์สีน้ำตาล 1 ใบ ซึ่งภายในมีเงินสดสกุลต่างประเทศจำนวนมาก เงินฉบับละ 100 ดอลลาร์ จำนวน 19 ใบ ฉบับละ 50 ดอลลาร์ จำนวน 1 ฉบับ ฉบับละ 20 ดอลลาร์ จำนวน 3 ใบ ฉบับละ 5 ดอลลาร์ จำนวน 5 ใบ ฉบับละ 1 ดอลลาร์ จำนวน 1 ใบ เงินปอนด์ จำนวน 55 ปอนด์ เงินเกาหลี 3,000 วอน เงินอิหร่าน 20,000 รีอัล คิดเป็นเงินไทยกว่า 70,000 บาทเศษ บัตรสมาชิกสายการบิน จำนวน 2 ใบ และบัตรเครดิต จำนวน 3 ใบ ระบุชื่อนายอาหมัด โนลูซี และนางซอเลีย ฮายาชิ พร้อมรูปถ่ายนักท่องเที่ยวเจ้าของกระเป๋าสตางค์ เข้ามามอบให้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และให้ช่วยติดตามส่งคืนเจ้าของด้วย
นายหนูลิด เปิดเผยว่า ตนมีอาชีพขับรถสามล้อเครื่อง หมายเลขทะเบียน 1 ส-4705 กทม.ปัจจุบันพักอยู่บ้านเช่าไม่มีเลขที่ ภายในซอยจุฬา 4 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน โดยช่วงเเช้าก็ขับรถออกหารับผู้โดยสารมาตามปกติ จนกระทั่งเวลาประมาณ 10.00 น.ได้มีผู้โดยสารเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นชาย 1 หญิง 1 คน ได้เรียกรถของบริเวณด้านหน้าโรงแรมแกรนด์ไดมอนด์ ริมถนนเพชรบุรี ให้ไปส่งที่ห้างสรรพสินค้าสยามดิสคัฟเวอรี่ ท้องที่ สน.ปทุมวัน ในราคา 50 บาท เมื่อขับรถไปถึงที่หมาย นักท่องเที่ยวทั้ง 2 คนก็ลงมายืนจ่ายเงินค่ารถข้างตน
นายหนูลิด กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นตนก็ขับรถหาผู้โดยสารต่อ จนกระทั่งมาติดไฟแดงบริเวณสามแยกเพชรพระราม รอจะเลี้ยวเข้าถนนบรรทัดทอง จึงมองไปที่กระจกส่องหลังก็เห็นกระเป๋าใบดังกล่าววางอยู่ตรงกลางเบาะนั่ง จึงหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นของผู้โดยสารต่างชาติที่เรียกไปส่งที่ห้างสรรพสินค้าสยามดิสคัฟเวอรี่ จึงรีบขับรถวนกลับไปหาแต่ก็ไม่พบ จึงนำมาส่งมอบให้ตำรวจเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามส่งคืนเจ้าของ
นายหนูลิด กล่าวต่อว่า ตนเคยทำงานเป็น รปภ.มาก่อนจะเปลี่ยนอาชีพมาขับรถสามล้อเครื่องได้ประมาณ 4 ปี มีรายได้วันละ 200-300 บาท ส่วนภรรยาทำงานเป็นแม่บ้านอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ได้เงินเดือนประมาณ 5,000-6,000 บาท ขึ้นอยู่ที่ทำโอที โดยฐานะก็ไม่ค่อยดี เมื่อเห็นเงินจำนวนมากก็ไม่คิดที่จะเก็บไว้เอง และรู้สึกไม่สบายใจอยากรีบนำไปคืนเจ้าของ เนื่องจากกลัวว่าเจ้าของกระเป๋าสตางค์จะนำไปพูดในทางไม่ดี แล้วจะทำให้ชื่อเสียงของประเทศไทยเสียหาย
ด้าน พ.ต.อ.ชุมพร กาญจนรัตน์ ผกก.สน.ปทุมวัน กล่าวว่า หลังจากลงบันทึกประจำวันแล้ว ก็จะส่งตำรวจสายตรวจไปประสานที่ห้างสยามดิสคัฟเวอรี่ และที่โรงแรมแกรนด์ไดมอนด์ ซึ่งเป็นจุดที่ส่งและรับ 2 นักท่องเที่ยวเจ้าของกระเป๋าสตางค์ เพื่อตรวจสอบว่าเป็นใครและจะได้ให้เดินทางมารับทรัพย์สินกลับไป
พ.ต.อ.ชุมพร กล่าวด้วยว่า สำหรับนายหนูลิด นั้นถือว่าเป็นคนไทยที่มีน้ำใจงาม และช่วยให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมองภาพลักษณ์ของประเทศไทยในทางที่ดี และเป็นการส่งเสริมบรรยากาศการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมด้านการท่องเทียวของประเทศอีกทางหนึ่งด้วย