ตำรวจชายแดนใต้เครียด เล็งสับเปลี่ยนกำลังพล

ผบ.ตร.ตรวจพื้นที่ชายแดนใต้ ยอมรับตำรวจในพื้นที่เกิดภาวะความเครียด เตรียมผ่องถ่ายสับเปลี่ยนกำลัง พร้อมระบุกฎหมายที่ใช้อยู่ในปัจจุบันดีอยู่แล้ว

วันนี้ (16 ก.ค.) พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณี พ.ต.ต.นันต์ พุ่มเกตุ สวป.สภ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ใช้ปืนจี้ผู้ใต้บังคับบัญชา เนื่องจากความเครียด ว่า ขณะนี้ตำรวจที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดภาวะเครียด ตำรวจที่อยู่มานานก็เครียด ตร.เองก็พยายามผ่องถ่ายสับเปลี่ยนกำลัง ซึ่ง ตร.กำลังทำอยู่ โดยขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นต้องส่งจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาลงไปในพื้นที่ ต้องคิดกันอีกครั้ง อย่างไรก็ตามกำลังที่อยู่ในพื้นที่มีอยู่ 16,000 นาย ก็เป็นไปได้ว่าอาจจะอยู่ในพื้นที่นานไปจนเกิดภาวะเครียด ทั้งนี้มีกำลังจบใหม่พันกว่านายกำลังส่งลงไปเปลี่ยน ซึ่งจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เครียดมากที่พอจะตรวจสอบได้เราก็พยายามสับเปลี่ยน แต่ก็ยังไม่มีการสำรวจอย่างจริงใจ

เมื่อถามว่า การจัดตั้งกองบัญชาการแห่งใหม่เพื่อดูแลพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้โดยเฉพาะ ว่าจะช่วยในการจัดกำลังในพื้นที่ให้ดีขึ้นได้หรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวว่า การปรับศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า (ศปก.ตร.สน.) เป็นส่วนราชการระดับกองบัญชาการ เราคำนึงถึงเอกภาพในการบังคับบัญชาที่ขณะนี้ยังซ้ำซ้อนให้มีความชัดเจน ตั้งใจอยากจะปรับ เราเชื่อว่า ศปก.ตร.สน.ผ่านการทดลองมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2547 จนถึงขณะนี้หลายปีแล้วมั่นใจว่าระบบต่างๆ ที่เราวางไว้อยู่ตัวแล้ว การยกเป็นส่วนราชการน่าจะดีกว่า ซึ่งจะแก้ปัญหาในพื้นที่ได้มาก ให้เอกภาพในการสั่งการ ความชัดเจนในผู้บังคับบัญชา

เมื่อถามว่าจะปรับเปลี่ยนกำลังพลในคราวเดียวกันกับการตั้งกองบัญชาการใหม่หรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า ตรงนี้กำลังคิดกันอยู่ตั้ง บช.ใหม่ก่อนแล้วจะพิจารณาปรับเปลี่ยนกำลังอีกที

ต่อข้อถามถึงกรณีที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี มีแนวคิดจะยกเลิกกฎอัยการศึกและใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้แทน พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า ปัจจุบันเราใช้กฎอัยการศึก พระราชกำหนด บริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉิน และกฎหมายอื่นๆ ซึ่งกฎหมายเหล่านี้อาจใช้จะดีกว่า พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในฯ ซึ่งกฎหมายที่ใช้อยู่ปัจจุบันสอดคล้องและใช้ได้ดีในสถานการณ์ขณะนี้ จำเป็นต้องใช้