xs
xsm
sm
md
lg

“จงรัก” สั่งเร่งสืบหาตัว “คุณหมอ” มือฉก “ไต” สาวฉันทนา!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผบ.ตร.
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งให้ตำรวจเร่งคลี่คลายคดีสาวฉันทนาไตหายไป 1 ข้าง หลังจากเข้าไปรับการผ่าตัดในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ระบุคงเอาผิดได้เพียงเฉพาะแพทย์เท่านั้น ส่วนไตที่ไปอยู่ในร่างกายใครคงเอาผิดคนนั้น หรือเอาไตคืนมาไม่ได้

วันนี้ (15 ก.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เมื่อเวลา 14.00 น. พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนทน์ รอง ผบ.ตร. (ปป.3) ได้เรียก พล.ต.ต.วรัญวัส การุณยธัช ผบก.น.8 มาสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับกรณีที่ นางเกษา พุ่มแจ้ง อายุ 43 ปี สาวโรงงาน ได้เข้าแจ้งความที่ สน.ราษฎร์บูรณะ ว่าไตข้างขวาหายไป พร้อมกำชับให้แร่งสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี

พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า กรณีนี้หากปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีผู้ผ่าเอาไตของนางเกษรไปจริง ผู้นั้นย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 2 ความผิดด้วยกันคือความผิดฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส เพราะถือว่าเป็นการกระทำให้ผู้เสียหายสูญเสียอวัยวะในร่างกายไป มีโทษจำคุก 6 เดือน-10 ปี และอีกความผิดฐานลักทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 พันบาท เพราะไตถือว่าเป็นทรัพย์อย่างหนึ่ง

พล.ต.อ.จงรัก กล่าวต่อไปว่า ภายหลังที่นางเกษรเข้าแจ้งความ พนักงานสอบสวนก็ต้องทำการสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี เพราะกรณีถือเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ซึ่งตนได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วรัญวัส ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงว่าเรื่องนี้มีความเป็นมาเป็นไปอย่างไร เนื่องจากเป็นเรื่องที่แปลกประหลาด ประชาชนให้ความสนใจ ประกอบกับหากมีการกระทำผิดเรื่องนี้จริง ผู้กระทำผิดย่อมต้องมีความรู้ความชำนาญในเรื่องการผ่าตัดเป็นอย่างดี

รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า กรณีนี้หากมีการผ่าตัดเอาไตออกไปจริง ก็เชื่อว่าได้เอาไตไปใส่ให้แก่บุคคลอื่นที่มีปัญหาทางไตที่ต้องตัดไตทิ้งแล้วหาไตใหม่มาใส่แทน ซึ่งเมื่อใส่ไตไปแล้วผู้นั้นก็คงไม่รู้ว่าแพทย์เอาไตมาจากไหน ตำรวจจะตามเอามาคืนก็คงทำได้ยาก หรือหากรู้จะตามคนที่รับไตมาผ่าตัดเอาไตคืนก็คงทำไม่ได้ เพราะเขาก็คงไม่รู้ว่าแพทย์ไปเอาไตมาจากไหน ทำได้ก็เพียงหากพบว่าใครเป็นคนผ่าตัดเอาไตไปก็ดำเนินคดีอาญาทั้งฐานทำร้ายร่างกายและลักทรัพย์ไป อย่างไรก็ตามต้องตรวจขสอบให้แน่ชัดว่าไตของนางเกษรหายไปจริงหรือไม่เชื่อว่าถ้าผู้เสียหายให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจก็คงใช้เวลาทำคดี ประมาณ 1 เดือน

ด้าน พล.ต.ต.วรัญวัส กล่าวว่า คดีนี้เบื้องต้นผู้เสียหายมาลงบันทึกประจำวันไว้เพื่อนำหลักฐานไปร้องที่สภาทนายความ ยังไม่ได้แจ้งความเป็นคดี แต่ก็ได้มีการสอบปากคำเบื้องต้นเอาไว้ ซึ่งต้องเรียกผู้เสียหายมาสอบรายละเอียดอีกครั้งเพื่อดำเนินคดี ซึ่งการจะหาว่าไตหายไปไหนคงทำได้ไม่ยากหากผู้เสียหายให้ความร่วมมือให้รายละเอียดเกี่ยวกับคดีพนักงานสอบสวนก็ดำเนินการไปตามขั้นตอน

พล.ต.ต.วรัญวัส กล่าวด้วยว่า จากการสอบปากคำเบื้องต้นนั้นผู้เสียหายสงสัยว่าไตจะหายไปตอนที่เข้าผ่าตัดซีสที่มดลูกที่โรงพยาบาลกรุงธน 2 เมื่อปี 2549 เนื่องจากก่อนหน้านี้ไปรับการรักษาเพราะประสบอุบัติเหตุที่โรงพยาบาลกรุงเทพ-พระประแดง เมื่อปี 2548 ยังมีไตครบทั้งสองข้าง มารู้ว่าไตหายไปเพราะมีอาการเหนื่อยง่ายและเข้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลบางปะกอก 3 ปรากฏว่าเมื่อหมอเอ็กซเรย์ไตข้างขวาได้หายไป เบื้องต้นยังไม่ได้ติดต่อสอบปากคำแพทย์ที่โรงพยาบาลกรุงธน 2 รอให้ผู้เสียหายมาให้ปากคำอย่างละเอียดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน

พล.ต.อ.จงรัก ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการรับน้องใหม่จนเป็นเหตุให้น้องใหม่เสียชีวิตที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ว่า เรื่องนี้ขอเตือนรุ่นพี่สถาบันการศึกษาต่างๆ ว่าการรับน้องจนเป็นเหตุให้มีน้องใหม่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตนั้น ถือเป็นความผิดทางอาญาฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือถึงแก่ความตาย ซึ่งถ้าเป็นเหตุให้น้องใหม่ได้รับอันตรายแก่กาย มีระวางโทษจำคุก 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 พันบาท ถ้าเป็นเหตุให้เกิดอันตรายสาหัส ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 6 พันบาท และถ้าเป็นเหตุให้น้องใหม่ถึงแก่ความตายต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปีและปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท

พล.ต.อ.จงรัก กล่าวต่อไปว่า รุ่นพี่ที่รับน้องจึงต้องระวังอย่าให้การรับน้องใหม่เข้าข่ายผิดกฎหมายอาญา เพราะถึงพ่อแม่ผู้เสียหายหรือผู้ตายไม่เอาเรื่องก็ไม่สามารถยอมความได้ ขอให้รับน้องใหม่กันเพื่อความสนุกสนานตามประเพณี อย่ารุนแรงจนผิดกฎหมาย เพราะเมื่อผิดกฎหมายตำรวจก็ต้องดำเนินคดี เมื่อถูกดำเนินคดีก็จะเสียอนาคตมีประวัติติดตัว จบออกไปก็หางานทำที่ไหนไม่ได้ จึงฝากเตือนเอาไว้

“ขณะเดียวกัน ขอฝากไปยังผู้ปกครองตลอดจนครูบาอาจารย์ ช่วยชี้แจงข้อกฎหมายให้นักเรียนนักศึกษาทราบเพราะบางครั้งเด็กอาจจะไม่รู้ สำหรับเหตุที่เกิดขึ้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์นั้น ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วิรัตน์ วัชรขจร ผบก.ภ.จ.ประจวบขีรีขันธ์ ดำเนินคดีไปตามกฎหมายแล้ว” รอง ผบ.ตร.กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น