“ไพโรจน์ สังวริบุตร” สุดกลั้น เห็นภาพอดีตภรรยาจูงลูกไปร้องเรียนตามสถานที่ต่างๆ แทนที่จะได้เรียนหนังสือ วอนอย่าดึงลูกเข้ามาเป็นเครื่องมือสร้างภาพ หากยังดื้อดึงจะร้องต่อศาลขอลูกมาดูแลเอง พร้อมทั้งเปิดเว็บไซต์ส่วนตัวชี้แจงต่อสังคมให้ทราบข้อเท็จจริง หลังจากพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้เป็นข่าว เกรงกระทบกระเทือนใจลูก
วันนี้ (13 ก.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. นายไพโรจน์ สังวริบุตร ดารานักแสดงชื่อดัง ได้ออกมาเปิดใจความรู้สึกลึกๆ ที่อัดอั้นตันใจมานานเกี่ยวกับความรู้สึกที่มีต่อลูก ที่ถูกอดีตภรรยาลากลูกชายไปร้องเรียนตามสถานที่ต่างๆ ต่อสื่อมวลชน ณ ร้านอาหารปากน้ำซีฟู๊ด อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
นายไพโรจน์ สังวริบุตร กล่าวว่า สาเหตุที่มาเปิดใจในวันนี้เนื่องจากบ้านพักอยู่ในพื้นที่ ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ทำให้มีความรู้สึกในใจที่กระทบต่อคนรอบๆ ข้างกับภาพต่างๆ ที่ออกมา โดยตนได้เขียนข้อความซึ่งเป็นความรู้สึกในใจเป็นข้อความที่เกี่ยวพันโดยตรงกับลูก เนื่องจากตนกับอดีตภรรยานั้นเคยพูดกันแล้วแต่ก็ไม่สามารถที่จะสื่อสารเข้าใจกันได้ แม้กระทั่งเรื่องที่คุยกันในศาลก็ยังไม่ได้รับการขานรับให้ยุติลงได้ จึงขอฝากไปยังคู่กรณี เผื่อบางทีทุกสิ่งทุกอย่างจะได้เกิดเป็นผลดีต่อลูกขึ้นมาบ้าง โดยส่วนตัวแล้วหากจะโกรธแค้น หรือทำลายชื่อเสียงตนหรือไม่พอใจ หรืออะไรก็เป็นสิทธิของแต่ละคน แต่ขอให้แยกออกว่าเรื่องของผู้ใหญ่ก็เป็นของผู้ใหญ่ อย่าดึงเด็กเข้ามามีส่วนเกี่ยวพันด้วย ไม่อยากให้เด็กมีปัญหาอะไรมากกว่านี้ และอยากให้สื่อมวลชนเป็นสื่อกลางนำเสนอเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวด้วย
ดารานักแสดงชื่อดังได้กล่าวต่ออีกว่า ตอนนี้ตนตกเป็นจำเลยของสังคม จึงต้องขออนุญาตจากสังคมว่า เมื่อตนถูกใส่ร้ายจากข่าวที่ออกมาว่า นางพิศมัย อดีตภรรยาถูกตนจับมือไขว้หลังแล้วให้อีกคนตบแล้วตบอีก สิ่งไม่เป็นจริงเช่นนี้หากตนจะเรียกร้องสิทธิตามกฎหมายก็ขอสังคมอย่าต่อว่าตน และตอนนี้ตนได้เปิดเว็บไซต์ส่วนตัวสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะ คือ www.pairojsung.com เพื่อชี้แจงเรื่องดังกล่าว ที่ผ่านมาตนพยายามหลบเพื่อไม่ให้เป็นข่าว แต่สิ่งที่เกิดขึ้น จะกระทบต่อความกระทบกระเทือนใจต่อลูก จึงจำเป็นที่ต้องออกมาพูดว่า “อย่านำลูกไปตะลอนอีก” เพราะการทำแบบนี้เป็นอันตรายต่อจิตใจของลูก ขณะนี้ลูกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ น่าเห็นใจ ตนจำเป็นต้องเปิดใจในวันนี้ จึงขอประกาศให้หยุดการกระทำดังกล่าวที่นำลูกมาเป็นเครื่องมือของตัวเองเช่นนี้ทันที มิฉะนั้นตนจะร้องขอต่อศาลขอให้บุตรมาอยู่ในความปกครองของตนแต่เพียงผู้เดียว
“ทั้งค่าเล่าเรียน ค่าหอพัก ค่าหนังสือ ค่าเรียนพิเศษ ค่ารักษาพยาบาล เมื่อเจ็บป่วยผมจ่ายให้ลูกทั้งหมด และการจ่ายค่าใช้จ่ายนั้นเป็นการจ่ายจริง หากจะจ่ายผ่านมือคนอื่นเพื่อนำไปให้ลูกผมไม่ยอมเป็นอันขาด เพราะเคยเจอมาแล้วเมื่อให้เงินผ่านอดีตภรรยาไป ก็จะกลายเป็นว่าผมไม่เคยใส่ใจให้ความช่วยเหลือ เพราะตรงนี้ผมเข็ดแล้ว” นายไพโรจน์ สังวริบุตร กล่าว
วันนี้ (13 ก.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. นายไพโรจน์ สังวริบุตร ดารานักแสดงชื่อดัง ได้ออกมาเปิดใจความรู้สึกลึกๆ ที่อัดอั้นตันใจมานานเกี่ยวกับความรู้สึกที่มีต่อลูก ที่ถูกอดีตภรรยาลากลูกชายไปร้องเรียนตามสถานที่ต่างๆ ต่อสื่อมวลชน ณ ร้านอาหารปากน้ำซีฟู๊ด อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
นายไพโรจน์ สังวริบุตร กล่าวว่า สาเหตุที่มาเปิดใจในวันนี้เนื่องจากบ้านพักอยู่ในพื้นที่ ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ทำให้มีความรู้สึกในใจที่กระทบต่อคนรอบๆ ข้างกับภาพต่างๆ ที่ออกมา โดยตนได้เขียนข้อความซึ่งเป็นความรู้สึกในใจเป็นข้อความที่เกี่ยวพันโดยตรงกับลูก เนื่องจากตนกับอดีตภรรยานั้นเคยพูดกันแล้วแต่ก็ไม่สามารถที่จะสื่อสารเข้าใจกันได้ แม้กระทั่งเรื่องที่คุยกันในศาลก็ยังไม่ได้รับการขานรับให้ยุติลงได้ จึงขอฝากไปยังคู่กรณี เผื่อบางทีทุกสิ่งทุกอย่างจะได้เกิดเป็นผลดีต่อลูกขึ้นมาบ้าง โดยส่วนตัวแล้วหากจะโกรธแค้น หรือทำลายชื่อเสียงตนหรือไม่พอใจ หรืออะไรก็เป็นสิทธิของแต่ละคน แต่ขอให้แยกออกว่าเรื่องของผู้ใหญ่ก็เป็นของผู้ใหญ่ อย่าดึงเด็กเข้ามามีส่วนเกี่ยวพันด้วย ไม่อยากให้เด็กมีปัญหาอะไรมากกว่านี้ และอยากให้สื่อมวลชนเป็นสื่อกลางนำเสนอเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวด้วย
ดารานักแสดงชื่อดังได้กล่าวต่ออีกว่า ตอนนี้ตนตกเป็นจำเลยของสังคม จึงต้องขออนุญาตจากสังคมว่า เมื่อตนถูกใส่ร้ายจากข่าวที่ออกมาว่า นางพิศมัย อดีตภรรยาถูกตนจับมือไขว้หลังแล้วให้อีกคนตบแล้วตบอีก สิ่งไม่เป็นจริงเช่นนี้หากตนจะเรียกร้องสิทธิตามกฎหมายก็ขอสังคมอย่าต่อว่าตน และตอนนี้ตนได้เปิดเว็บไซต์ส่วนตัวสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะ คือ www.pairojsung.com เพื่อชี้แจงเรื่องดังกล่าว ที่ผ่านมาตนพยายามหลบเพื่อไม่ให้เป็นข่าว แต่สิ่งที่เกิดขึ้น จะกระทบต่อความกระทบกระเทือนใจต่อลูก จึงจำเป็นที่ต้องออกมาพูดว่า “อย่านำลูกไปตะลอนอีก” เพราะการทำแบบนี้เป็นอันตรายต่อจิตใจของลูก ขณะนี้ลูกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ น่าเห็นใจ ตนจำเป็นต้องเปิดใจในวันนี้ จึงขอประกาศให้หยุดการกระทำดังกล่าวที่นำลูกมาเป็นเครื่องมือของตัวเองเช่นนี้ทันที มิฉะนั้นตนจะร้องขอต่อศาลขอให้บุตรมาอยู่ในความปกครองของตนแต่เพียงผู้เดียว
“ทั้งค่าเล่าเรียน ค่าหอพัก ค่าหนังสือ ค่าเรียนพิเศษ ค่ารักษาพยาบาล เมื่อเจ็บป่วยผมจ่ายให้ลูกทั้งหมด และการจ่ายค่าใช้จ่ายนั้นเป็นการจ่ายจริง หากจะจ่ายผ่านมือคนอื่นเพื่อนำไปให้ลูกผมไม่ยอมเป็นอันขาด เพราะเคยเจอมาแล้วเมื่อให้เงินผ่านอดีตภรรยาไป ก็จะกลายเป็นว่าผมไม่เคยใส่ใจให้ความช่วยเหลือ เพราะตรงนี้ผมเข็ดแล้ว” นายไพโรจน์ สังวริบุตร กล่าว