“ทนายพันธมิตร” ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเพิ่มเติม เนื่องจากคำสั่งนั้นไม่ชอบขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ระบุต้องการสร้างบรรทัดฐานการบังคับใช้กฎหมายเอกชน-มหาชน
วันนี้ (9 ก.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น.ที่แผนกอุทธรณ์-ฎีกา ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวที่ศาลแพ่ง มีคำสั่งเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 7 ก.ค.ให้พันธมิตรฯ เปิดพื้นที่จราจรถนนพระราม 5 ไปถึงแยกวัดเบญจมบพิตร และถนนพิษณุโลกไปถึงแยกนางเลิ้งทุกช่องทาง และหากเวทีปราศรัย หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของเวทีตั้งอยู่บนถนนและกีดขวางช่องทางจราจร ก็ให้ดำเนินการหรือจัดการย้ายเวทีปราศรัยออกไป เพื่อไม่ให้กีดขวางช่องทางจราจร รวมทั้งห้ามไม่ให้บุคคลใดใช้พื้นที่ช่องทางจราจรบนถนนที่ต้องเปิดเพื่อประโยชน์ในการชุมนุมหรือเพื่อการอื่นใดในช่วงเวลาดังกล่าวนั้นด้วย
นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงเนื้อหาที่ยื่นอุทธรณ์ว่า เป็นการยื่นอุทธรณ์ หลังจากที่ศาลแพ่งมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยคำสั่งเดิมศาลให้เปิดถนนพระราม 5 และถนนพิษณุโลก ช่วงเวลา 07.30-16.30 น. แต่ไม่ได้สั่งให้เปิดทุกช่องจราจร และไม่ได้สั่งให้ย้ายเวทีปราศรัย ขณะที่คำสั่งใหม่สั่งให้เปิดทุกช่องจราจรตั้งแต่เวลา 05.00-18.00 น. โดยสั่งให้มีการย้ายเวที รวมทั้งห้ามบุคคลชุมนุมที่บริเวณดังกล่าวอีก ซึ่งลักษณะคำสั่งดังกล่าวเท่ากับว่าให้มีสลายการชุมนุม จึงเห็นว่าคำสั่งนั้นไม่ชอบขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ โดยการยื่นอุทธรณ์เพื่อประโยชน์ที่จะให้เกิดเป็นบรรทัดฐานในการวินิจฉัยบังคับใช้ระหว่างกฎหมายเอกชน และกฎหมายมหาชน ซึ่งหากปฏิบัติตามคำสั่งคุ้มครองดังกล่าวโดยไม่อุทธรณ์คดีให้ถึงที่สุดเพื่อให้เกิดความชัดเจนแล้ว ในอนาคตคงจะมีการชุมนุมไม่ได้อีก เพราะไม่ว่าจะไปชุมนุมที่ใดก็จะมีผู้มาร้องขอให้สั่งคุ้มครองชั่วคราวอีก ทั้งที่การชุมนุมไปเป็นตามหน้าที่และสิทธิเสรีภาพแห่งรัฐธรรมนูญ
นายสุวัตร กล่าวด้วยว่า สำหรับอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวที่ได้ยื่นไปในครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 ก.ค. ก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเพิ่มเติมนั้น ขณะนี้ศาลได้รับคำอุทธรณ์ไว้และแจ้งให้ฝ่ายโจทก์ (ครูราชวินิตมัธยม) ทำให้การส่งต่อศาลภายใน 15 วันแล้ว