สตช.สั่งตรวจสอบเทปบันทึกภาพทุกจุดหาช่องเอาผิด หลังตำรวจหญิงได้รับบาดเจ็บจากการสกัดผู้ชุมนุม หากพบมีการกระทำที่รุนแรงจะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ปัด ตำรวจรักสันติไม่ได้แพ้ บุญคุณท่วมหัว ไม่ใช้แก๊สน้ำตาสกัดกั้น เพราะกลัวจะเกิดความวุ่นวาย
วันนี้ (20 มิ.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อเวลา 22.00 น. พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กล่าวถึงการปักหลักชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ว่า จากการเคลื่อนขบวนของผู้ชุมนุมในวันนี้ ทำให้ต้องปิดการจราจรหลายจุด ซึ่งเป็นจุดที่จะเชื่อมเข้ามาทำเนียบฯ โดยในบริเวณถนนราชดำเนินกลางได้เปิดเส้นทางการจราจรแล้ว ทำให้ไม่ติดขัดมาก
พล.ต.ต.สุรพล กล่าวต่อว่า ส่วนการจราจรในวันจันทร์นี้ (23 มิ.ย.) ต้องรอดูว่าทางกลุ่มพันธมิตรฯจะดำเนินการต่อไปอย่างไร ในเบื้องต้น รู้สึกเป็นห่วงด้านถนนพิษณุโลก เพราะมีโรงเรียนจำนวนมาก เกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อนักเรียนและนักศึกษา
ส่วนมาตรการดูแลความปลอดภัยผู้ชุมนุมนั้น พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายกองร้อยมาดูแล ซึ่งจากการพูดคุยกับกลุ่มแกนนำในวันนี้ ทางแกนนำฯได้ยืนยันว่าจะไม่ทำผิดกฎหมาย และจะไม่พาคนบุกเข้าไปในทำเนียบฯ โดย พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น.ได้สั่งการให้ตั้งด่านสกัดทุกจุด เพื่อป้องกันมือที่สามหรือกลุ่มที่อาศัยช่องว่างเข้ามาปั่นป่วน
พล.ต.ต.สุรพล กล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องตำรวจ ตชด.ที่ได้รับบาดเจ็บจากการสกัดกั้นพันธมิตรฯ จะมีการแจ้งความเอาผิดหรือไม่นั้น เบื้องต้นได้บันทึกภาพเอาไว้ทุกจุดแล้ว ซึ่งพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการแกะเทปเพื่อตรวจสอบดูว่า จะสามารถดำเนินคดีได้หรือไม่ ถ้าพบว่ามีการกระทำที่รุนแรงจะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป สำหรับข้อหาต้องดูที่เจตนาเป็นสำคัญ แต่เท่าที่ดูจากเทป ทราบว่ากลุ่มพันธมิตรฯไม่มีการนำอาวุธมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นไม้เบสบอล ธง หรือว่าเหล็กหุ้มด้วยผ้า ส่วนการชุมนุมในต่างจังหวัดยังไม่ทราบว่ามีการจัดชุมนุมเหมือนในกทม.หรือไม่ เนื่องจากจุดสนใจอยู่ที่กทม.มากกว่า
“งานนี้ไม่มีใครแพ้ใครชนะ การที่กลุ่มพันธมิตรฯเคลื่อนพลมาที่ทำเนียบฯได้ ไม่ใช่ว่าตำรวจแพ้ แต่ถ้าตำรวจใช้แก๊สน้ำตากับกลุ่มผุ้ชุมนุมก็จะทำให้เกิดความวุ่นวายได้ จึงใช้สันติวิธีเป็นการดีที่สุด” พล.ต.ต.สุรพล กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ในวันนี้มีกลุ่มพันธมิตรฯจากกำแพงเพชร โดยสารรถบัสเข้ามา 4-5คัน เพื่อจะเข้ามาสมทบกับกลุ่มที่ กทม.ในช่วงบ่าย แต่ปรากฏว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ภ.1 ร่วมกับ บก.ภ.จว.อยุธยา สกัดกั้นเอาไว้ และทางฝ่ายปกครองจังหวัดอยุธยาได้ทำการโรยตะปูเรือใบสกัดเอาไว้ประมาณ 4-5คัน
วันนี้ (20 มิ.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อเวลา 22.00 น. พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กล่าวถึงการปักหลักชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ว่า จากการเคลื่อนขบวนของผู้ชุมนุมในวันนี้ ทำให้ต้องปิดการจราจรหลายจุด ซึ่งเป็นจุดที่จะเชื่อมเข้ามาทำเนียบฯ โดยในบริเวณถนนราชดำเนินกลางได้เปิดเส้นทางการจราจรแล้ว ทำให้ไม่ติดขัดมาก
พล.ต.ต.สุรพล กล่าวต่อว่า ส่วนการจราจรในวันจันทร์นี้ (23 มิ.ย.) ต้องรอดูว่าทางกลุ่มพันธมิตรฯจะดำเนินการต่อไปอย่างไร ในเบื้องต้น รู้สึกเป็นห่วงด้านถนนพิษณุโลก เพราะมีโรงเรียนจำนวนมาก เกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อนักเรียนและนักศึกษา
ส่วนมาตรการดูแลความปลอดภัยผู้ชุมนุมนั้น พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายกองร้อยมาดูแล ซึ่งจากการพูดคุยกับกลุ่มแกนนำในวันนี้ ทางแกนนำฯได้ยืนยันว่าจะไม่ทำผิดกฎหมาย และจะไม่พาคนบุกเข้าไปในทำเนียบฯ โดย พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น.ได้สั่งการให้ตั้งด่านสกัดทุกจุด เพื่อป้องกันมือที่สามหรือกลุ่มที่อาศัยช่องว่างเข้ามาปั่นป่วน
พล.ต.ต.สุรพล กล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องตำรวจ ตชด.ที่ได้รับบาดเจ็บจากการสกัดกั้นพันธมิตรฯ จะมีการแจ้งความเอาผิดหรือไม่นั้น เบื้องต้นได้บันทึกภาพเอาไว้ทุกจุดแล้ว ซึ่งพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการแกะเทปเพื่อตรวจสอบดูว่า จะสามารถดำเนินคดีได้หรือไม่ ถ้าพบว่ามีการกระทำที่รุนแรงจะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป สำหรับข้อหาต้องดูที่เจตนาเป็นสำคัญ แต่เท่าที่ดูจากเทป ทราบว่ากลุ่มพันธมิตรฯไม่มีการนำอาวุธมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นไม้เบสบอล ธง หรือว่าเหล็กหุ้มด้วยผ้า ส่วนการชุมนุมในต่างจังหวัดยังไม่ทราบว่ามีการจัดชุมนุมเหมือนในกทม.หรือไม่ เนื่องจากจุดสนใจอยู่ที่กทม.มากกว่า
“งานนี้ไม่มีใครแพ้ใครชนะ การที่กลุ่มพันธมิตรฯเคลื่อนพลมาที่ทำเนียบฯได้ ไม่ใช่ว่าตำรวจแพ้ แต่ถ้าตำรวจใช้แก๊สน้ำตากับกลุ่มผุ้ชุมนุมก็จะทำให้เกิดความวุ่นวายได้ จึงใช้สันติวิธีเป็นการดีที่สุด” พล.ต.ต.สุรพล กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ในวันนี้มีกลุ่มพันธมิตรฯจากกำแพงเพชร โดยสารรถบัสเข้ามา 4-5คัน เพื่อจะเข้ามาสมทบกับกลุ่มที่ กทม.ในช่วงบ่าย แต่ปรากฏว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ภ.1 ร่วมกับ บก.ภ.จว.อยุธยา สกัดกั้นเอาไว้ และทางฝ่ายปกครองจังหวัดอยุธยาได้ทำการโรยตะปูเรือใบสกัดเอาไว้ประมาณ 4-5คัน
