หนุ่มขับแท็กซี่ชาวเขมรเครียดจากปัญหาครอบครัวรุมเร้าแก้ผ้าล่อนจ้อน เดินไปเดินมาร้องโวยวายเป็นภาษาเขมร จนท.พยายามเจรจาแต่ไม่เป็นผล เวลาผ่านไป 15 นาทีกลับคลุ้มคลั่งหนักข้อขึ้น ทั้งทำลายข้าวของในห้องพัก สลับกับเดินอาบน้ำในห้องน้ำ เห็นไม่เข้าท่าจึงใช้แผนเข้าชาร์จสำเร็จ ด้านเพื่อนระบุก่อนอาละวาดตบบ้องหูและใช้สากกะเบือวิ่งไล่ตีจนต้องแจ้งให้ตำรวจเข้าระงับเหตุ
วันนี้ (11 มิ.ย.) เมื่อเวลา 10.30 น. ขณะที่ ร.ต.ต.สมบัติ ทองภู่ หัวหน้าสายตรวจ สน.พญาไท กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ก็ได้รับแจ้งว่ามีชายคลุ้มคลั่งพยายามกระโดดจากที่สูงภายในบ้านเลขที่ 674/40 ซอยพระรามที่ 6 ซอย 29 ถนนพระราม 6 แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.ต.สมยศ อุดมรักษา สว.สส.สน.พญาไท ร.ต.อ.ภฤศ ฉายวัฒนะ รอง สว.สส. เจ้าหน้าที่สายตรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น แบ่งเป็นห้องให้เช่า บริเวณดาดฟ้าของอาคารดังกล่าว เจ้าหน้าที่พบนายประจวบ เอ็นมาก อายุ 37 ปี ชาว อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ อยู่ในสภาพเปลือยกายล่อนจ้อนเดินไปเดินมาร้องโวยวายเป็นภาษาเขมรอยู่คนเดียว เมื่อเจ้าหน้าที่ขึ้นไปเจรจาเกลี้ยกล่อมเจ้าตัวก็ไม่ยอมพูดด้วย จนเวลาผ่านไปประมาณ 15 นาที นายประจวบก็เริ่มมีอาการคลุ้มคลั่งมากขึ้น โดยเดินกลับเข้าห้องพักบนชั้นดาดฟ้าเข้าไปทำลายข้าวของ สลับกับเดินเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ ก่อนจะเดินออกมาที่ริมระเบียงดาดฟ้าและพยายามจะกระโดดลงมาหลายครั้ง เมื่อเจ้าหน้าที่เห็นว่าเจรจาไม่เป็นผลจึงวางแผนแบ่งกำลังส่วนหนึ่งขึ้นไปบนดาดฟ้าของอาคารฝั่งตรงข้ามเพื่อพูดจาเบี่ยงเบนความสนใจ ก่อนจะให้กำลังอีกส่วนย่องเข้าไปชาร์จตัวนายประจวบโดยจับกุมตัวเอาไว้ได้จากทางด้านหลัง ท่ามกลางความหวาดเสียวของประชาชนที่มามุงดูเหตุการณ์
จากการสอบสวน นายสัมฤทธิ์ ปทุมมา อายุ 53 ปี เพื่อนร่วมห้องกับนายประจวบให้การว่า ตนและนายประจวบเป็นคนขับแท็กซี่ของอู่บริษัท รวมไทยแท็กซี่ จำกัด โดยก่อนเกิดเหตุช่วงเวลาประมาณ 08.00 น.หลังจากเปลี่ยนกะออกมา ตนกำลังนึ่งข้าวเหนียวอยู่บริเวณลานหน้าห้องพักก็เห็นนายประจวบเดินลงจากห้องไปซื้อของที่ร้านค้าด้านล่าง หลังจากนั้นเจ้าตัวก็เดินบ่นพึมพำเข้ามาตบบ้องหูตน พร้อมหยิบสากกะเบือวิ่งไล่ตีตนจนต้องวิ่งหนีด้านล่าง อีกทั้งยังโวยวายเสียงดังแล้วแก้ผ้าจนล่อนจ้อน ตนเห็นท่าไม่ดีจึงตัดสินใจโทรศัพท์แจ้งตำรวจมาระงับเหตุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบสวนนายประจวบซึ่งยังอยู่ในอาการคลุ้มคลั่ง เบื้องต้นให้การพอจับใจความได้ว่าตอนนี้มีปัญหากับครอบครัวทางบ้าน ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะนำตัวคงไปสงบสติอารมณ์ที่ สน.พญาไท พร้อมทั้งตรวจปัสสาวะว่ามีสารเสพติดหรือไม่ ก่อนจะดำเนินการต่อไป
วันนี้ (11 มิ.ย.) เมื่อเวลา 10.30 น. ขณะที่ ร.ต.ต.สมบัติ ทองภู่ หัวหน้าสายตรวจ สน.พญาไท กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ก็ได้รับแจ้งว่ามีชายคลุ้มคลั่งพยายามกระโดดจากที่สูงภายในบ้านเลขที่ 674/40 ซอยพระรามที่ 6 ซอย 29 ถนนพระราม 6 แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.ต.สมยศ อุดมรักษา สว.สส.สน.พญาไท ร.ต.อ.ภฤศ ฉายวัฒนะ รอง สว.สส. เจ้าหน้าที่สายตรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น แบ่งเป็นห้องให้เช่า บริเวณดาดฟ้าของอาคารดังกล่าว เจ้าหน้าที่พบนายประจวบ เอ็นมาก อายุ 37 ปี ชาว อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ อยู่ในสภาพเปลือยกายล่อนจ้อนเดินไปเดินมาร้องโวยวายเป็นภาษาเขมรอยู่คนเดียว เมื่อเจ้าหน้าที่ขึ้นไปเจรจาเกลี้ยกล่อมเจ้าตัวก็ไม่ยอมพูดด้วย จนเวลาผ่านไปประมาณ 15 นาที นายประจวบก็เริ่มมีอาการคลุ้มคลั่งมากขึ้น โดยเดินกลับเข้าห้องพักบนชั้นดาดฟ้าเข้าไปทำลายข้าวของ สลับกับเดินเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ ก่อนจะเดินออกมาที่ริมระเบียงดาดฟ้าและพยายามจะกระโดดลงมาหลายครั้ง เมื่อเจ้าหน้าที่เห็นว่าเจรจาไม่เป็นผลจึงวางแผนแบ่งกำลังส่วนหนึ่งขึ้นไปบนดาดฟ้าของอาคารฝั่งตรงข้ามเพื่อพูดจาเบี่ยงเบนความสนใจ ก่อนจะให้กำลังอีกส่วนย่องเข้าไปชาร์จตัวนายประจวบโดยจับกุมตัวเอาไว้ได้จากทางด้านหลัง ท่ามกลางความหวาดเสียวของประชาชนที่มามุงดูเหตุการณ์
จากการสอบสวน นายสัมฤทธิ์ ปทุมมา อายุ 53 ปี เพื่อนร่วมห้องกับนายประจวบให้การว่า ตนและนายประจวบเป็นคนขับแท็กซี่ของอู่บริษัท รวมไทยแท็กซี่ จำกัด โดยก่อนเกิดเหตุช่วงเวลาประมาณ 08.00 น.หลังจากเปลี่ยนกะออกมา ตนกำลังนึ่งข้าวเหนียวอยู่บริเวณลานหน้าห้องพักก็เห็นนายประจวบเดินลงจากห้องไปซื้อของที่ร้านค้าด้านล่าง หลังจากนั้นเจ้าตัวก็เดินบ่นพึมพำเข้ามาตบบ้องหูตน พร้อมหยิบสากกะเบือวิ่งไล่ตีตนจนต้องวิ่งหนีด้านล่าง อีกทั้งยังโวยวายเสียงดังแล้วแก้ผ้าจนล่อนจ้อน ตนเห็นท่าไม่ดีจึงตัดสินใจโทรศัพท์แจ้งตำรวจมาระงับเหตุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบสวนนายประจวบซึ่งยังอยู่ในอาการคลุ้มคลั่ง เบื้องต้นให้การพอจับใจความได้ว่าตอนนี้มีปัญหากับครอบครัวทางบ้าน ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะนำตัวคงไปสงบสติอารมณ์ที่ สน.พญาไท พร้อมทั้งตรวจปัสสาวะว่ามีสารเสพติดหรือไม่ ก่อนจะดำเนินการต่อไป