นิสิตปี 4 คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คิดสั้นตัดสินใจกระโดดอาคารคณะฯ สูง 19 ชั้น เสียชีวิตคาที่ สภาพศพนอนคว่ำหน้าจมกองเลือด คอ-แขน-ขาหัก ขณะที่เพื่อนบอกผู้ตายเป็นคนเรียนเก่ง เคยชนะแข่งขันเคมีได้รับรางวัล ด้านอาจารย์ปิดปากเงียบไม่ให้รายละเอียดใดๆ ส่วน ตร.กำลังสอบปากคำเพื่อน อาจารย์ และผู้ปกครอง เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง
วันนี้ (9 มิ.ย.) เมื่อเวลา 07.00 น.ร.ต.ท.ชนิทร ง่วนสน พนักงานสอบสวน (สบ.1) สน.ปทุมวัน รับแจ้งมีเหตุหญิงพลัดตกจากที่สูงภายในอาคารมหามงกุฏ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถนนพญาไท แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวชจากโรงพยาบาลจุฬาฯ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเป็นอาคารสูง 19 ชั้น ภายในรั้วหม้อแปลงไฟฟ้าประจำอาคารดังกล่าว เจ้าหน้าที่พบศพ น.ส.ชนินาถ รุ่งทิวาสุวรรณ อายุ 22 ปี นิสิตคณะวิทยาศาสตร์ชั้นปีที่ 4 สภาพศพนอนคว่ำหน้าอยู่ในชุดนิสิต เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว นุ่งกระโปรงสีดำ ไม่สวมรองเท้า ตรวจสอบตามร่างกายพบว่า คอ แขนและขาหัก ตรวจสอบภายในตัวพบแว่นตา นาฬิกา และบัตรประจำตัวนิสิตของผู้ตาย ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้ขึ้นไปตรวจตามชั้นต่างๆ ของอาคาร ก็พบรองเท้าคัตชู 1 คู่ถูกถอดทิ้งไว้บริเวณริมระเบียงชั้น 11 จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวน น.ส.อรุณี สีภักดี อายุ 22 แม่บ้านประจำอาคารที่เกิดเหตุ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงเวลาประมาณ 06.30 น.ขณะที่ตนกำลังนั่งกินข้าวอยู่บนชั้น 11 เห็นผู้ตายเดินหน้าตาเศร้าผ่านมาแล้วผลักประตูออกไปที่ริมระเบียง ก่อนจะเดินเลาะระเบียงไปจนพ้นช่วงมุมตึก ซึ่งตนก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่หลังจากนั้นประมาณ 5 นาที ก็ได้ยินเสียงคนร้องตะโกนว่ามีคนตกตึกจึงรีบวิ่งออกไปดูที่ระเบียง ก็เห็นแต่รองเท้าคัตชูตกอยู่ 1 คู่ พอชะโงกออกไปดูด้านล่างก็พบว่านิสิตคนดังกล่าวกลายเป็นศพไปแล้ว
ด้าน นายประทีป ไพบูลย์วัฒน์ พนักงานรักษาความปลอดภัย กล่าวว่า ขณะที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่อาคารที่เกิดเหตุ ช่วงเวลาประมาณ 06.30 น.ได้ยินเสียงคล้ายของหนักตกลงมาจากอาคารจึงเดินไปตรวจสอบก็พบผู้ตายตกลงมากระแทกหม้อไฟฟ้าของอาคาร และร่วงลงพื้นเสียชีวิต
จาการสอบปากคำของเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่าได้ทำการสอบปากคำแม่บ้านของอาคารที่เกิดเหตุ เพื่อนสนิทผู้ตาย และครอบครัวแล้ว โดยแม่บ้านได้ให้การว่าเมื่อก่อนเกิดเหตุเดินสวนกับผู้ตายที่ชั้น 11 เห็นผู้ตายเดินเข้าไปในห้องพักนิสิตเอากระเป๋าไปวางจากนั้นเพียง 5 นาที ก็เดินออกมาก่อนที่จะมายืนที่บริเวณระเบียงแล้วกระโดดลงไป ขณะที่คนในครอบครัวของผู้ตายให้การว่าผู้ตายเคยป่วยเป็นโรคซึมเศร้ามานาน 2 ปีแล้ว แต่ได้เข้ารับการรักษาตัวจนหาย แต่เทอมที่ผ่านมามีอาการจึงเข้ารักษาตัวอีกครั้ง จากนั้นในช่วงประมาณ 1 เดือนก่อน ก็เห็นผู้ตายมีอาการซึมๆ อีกทั้งระยะผลการเรียนตกเนื่องจากผู้ตายเริ่มเก็บตัว และซึมเศร้า ซึ่งตรงกับเพื่อนสนิทของผู้ตายที่ได้ให้การว่าผู้ตายมักจะเก็บตัวไม่สุงสิงกับเพื่อนๆ ส่วนในเรื่องความรักไม่น่าจะมี เนื่องจากผู้ตายเป็นเด็กขยันเรียน และไม่มีเรื่องชู้สาว
ต่อมาที่ตึกนิติเวชศาสตร์ เวลา 10.00 น.นายไกรศักดิ์ รุ่งทิวาสุวรรณ อายุ 61 ปี และนางรัตนาภรณ์ รุ่งทิวาสุวรรณ บิดาและมารดา พร้อมด้วยครอบครัวของ น.ส.ชนินาถ รุ่งทิวาสุวรรณ หรือน้องกิ่ง อายุ 21 ปี นิสิตภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เดินทางเพื่อมาติดต่อรับศพบุตรสาว ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของครอบครัว
โดยนายไกรศักดิ์ เปิดเผยว่า บุตรสาวเป็นเด็กเรียนดี ได้ทุนฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถทางวิทยาศาสตร์ หรือ พสทว.ตั้งแต่เรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนบดินทรเดชา และได้รับทุนต่อเนื่องมาจนถึงระดับมหาวิทยาลัย โดยผลการเรียนเฉลี่ยรวม 3 ปี ได้ 3.69 และเคยเข้ารอบหนึ่งใน 10 ในการแข่งขันเคมีโอลิมปิกด้วย ส่วนสาเหตุที่แท้จริงนั้นตนไม่ทราบ เนื่องจากบุตรสาวไม่เคยพูดหรือบ่นอะไรให้ฟัง ทั้งนี้ตนมีบุตรสาว 4 คน น้องกิ่งเป็นบุตรคนที่ 2 เราก็สนิทกัน ไปไหนก็ไปด้วยกันหมด 6 คน พ่อแม่ลูก เมื่อช่วงปิดเทอมลูกสาวาไปฝึกงานก็ไม่มีอาการอะไร ปกติลูกสาวจะได้เกรดเฉลี่ยประมาณ 3.90 แต่ช่วงเทอมล่าสุดได้ 3.28 ทำให้เกรดโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 3.69 ซึ่งลูกสาวเคยมาถามตนว่าเกรด 3.69 จะได้เกียรตินิยมหรือไม่ ตนก็บอกว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะทราบมาว่าเกียรตินิยมอันดับ 1 คือตั้งแต่ 3.6 ขึ้นไป จึงไม่คิดว่าเขาจะเครียดในเรื่องนี้
“ปกติลูกสาวเป็นเด็กพูดน้อย แต่เราก็สนิทกัน ที่ผ่านมาก็ไม่เห็นลูกจะมีอาการผิดปกติอะไรเลย อย่างไรก็ตามจะนำศพบุตรสาวไปบำเพ็ญกุศลที่วัดบึงทองหลาง ซอยลาดพร้าว 101” นายไกรศักดิ์ กล่าว
จากนั้นเวลา 13.30 น. วันเดียวกัน นายเจษฎา แสงสุพรรณ รองอธิการบดี พร้อมทีมผู้บริหาร รวมถึงคณาจารย์จากคณะวิทยาศาสตร์ และภาควิชาเคมี ได้เดินทางมาแถลงข่าวที่ห้องประชุมชั้น 2 อาคารอานันทมหิดล รพ.จุฬาลงกรณ์ พรอมเปิดเผยว่า ทางมหาวิทยาลัยเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยปกติทางมหาวิทยาลัยมีมาตรการในการดูแลนักศึกษาเป็นอย่างดี เรามีฮอตไลน์ให้คำปรึกษาแก่นักศึกษา อีกทั้งยังมีระบบอาจารย์ที่ปรึกษาที่ดูแลนักศึกษา 6-7 คน ต่ออาจารย์ 1 ท่าน ซึ่งจะสามารถดูแลนักศึกษาได้อย่างทั่วถึง อีกทั้งยังมีอาจารย์ฝ่ายกิจการนิสิตมาคอยช่วยดูแล ถ้าเห็นว่ามีนิสิตที่อาการหนักเราก็จะมีอาจารย์จากคณะแพทย์เข้ามาดูแล และยังมีการโทรคุยกับผู้ปกครองเป็นระยะอีกด้วย ส่วนเรื่องการเรียนหากมีใครเรียนอ่อน เราก็มีการจัดติวให้พิเศษด้วย
อย่างไรก็ตามสำหรับการผ่าชันสูตรศพนั้นโดยปกติพื้นที่ในมหาวิทยาลัยต้องเป็นแพทย์นิติเวช รพ.ตำรวจ แต่ทางเราขอร้องเป็นพิเศษขอให้อาจารย์ของจุฬาฯ เป็นผู้ผ่าเนื่องจากเราอยากดูแลนิสิตของเรา ซึ่งผลการผ่าชันสูตรนั้นสรุปได้ว่า มีกระดูกหักหลายแห่ง และอวัยวะภายในฉีกขาดหลายแห่ง และผู้ตายเสียชีวิตเนื่องจากเสียเลือดมาก ซึ่งก็สอดคล้องกับเหตุการณ์กระโดดตึก
ด้าน อ.เทพจำนงค์ แสงสุนทร อาจารย์ที่ปรึกษา กล่าวว่า น.ส.ชนินาถ เป็นนักศึกษาที่มีผลการเรียนดีมาก เกรดเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 3.9, 3.8 และ 3.7 มาโดยตลอด และมีผลการเรียนเป็นที่ 1 ของภาควิชาเคมี อีกทั้งยังเป็นนักเรียนทุน พสทว. อีกทั้งยังเคยเข้ารอบติด 1 ใน 10 ของการแข่งขันเคมีโอลิมปิก เมื่อปี 2548 อีกด้วย ล่าสุดเมื่ออาทิตย์ก่อน น.ส.ชนินาถ ยังได้มาพูดคุยเพื่อขอเพิ่มวิชาเรียน โดยบอกว่าวิชาเรียนเทอมนี้น้อยไป ซึ่งก็ไม่มีอาการอะไรผิดปกติ ยังสดใสร่าเริงเหมือนปกติ แต่ทั้งนี้ทางมหาวิทยาลัยเพิ่งจะเปิดเทอมมาได้เพียงอาทิตย์เดียว อาจจะยังไม่ได้มีการพูดคุยกันนิสิตมากนัก
วันนี้ (9 มิ.ย.) เมื่อเวลา 07.00 น.ร.ต.ท.ชนิทร ง่วนสน พนักงานสอบสวน (สบ.1) สน.ปทุมวัน รับแจ้งมีเหตุหญิงพลัดตกจากที่สูงภายในอาคารมหามงกุฏ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถนนพญาไท แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวชจากโรงพยาบาลจุฬาฯ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเป็นอาคารสูง 19 ชั้น ภายในรั้วหม้อแปลงไฟฟ้าประจำอาคารดังกล่าว เจ้าหน้าที่พบศพ น.ส.ชนินาถ รุ่งทิวาสุวรรณ อายุ 22 ปี นิสิตคณะวิทยาศาสตร์ชั้นปีที่ 4 สภาพศพนอนคว่ำหน้าอยู่ในชุดนิสิต เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว นุ่งกระโปรงสีดำ ไม่สวมรองเท้า ตรวจสอบตามร่างกายพบว่า คอ แขนและขาหัก ตรวจสอบภายในตัวพบแว่นตา นาฬิกา และบัตรประจำตัวนิสิตของผู้ตาย ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้ขึ้นไปตรวจตามชั้นต่างๆ ของอาคาร ก็พบรองเท้าคัตชู 1 คู่ถูกถอดทิ้งไว้บริเวณริมระเบียงชั้น 11 จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวน น.ส.อรุณี สีภักดี อายุ 22 แม่บ้านประจำอาคารที่เกิดเหตุ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงเวลาประมาณ 06.30 น.ขณะที่ตนกำลังนั่งกินข้าวอยู่บนชั้น 11 เห็นผู้ตายเดินหน้าตาเศร้าผ่านมาแล้วผลักประตูออกไปที่ริมระเบียง ก่อนจะเดินเลาะระเบียงไปจนพ้นช่วงมุมตึก ซึ่งตนก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่หลังจากนั้นประมาณ 5 นาที ก็ได้ยินเสียงคนร้องตะโกนว่ามีคนตกตึกจึงรีบวิ่งออกไปดูที่ระเบียง ก็เห็นแต่รองเท้าคัตชูตกอยู่ 1 คู่ พอชะโงกออกไปดูด้านล่างก็พบว่านิสิตคนดังกล่าวกลายเป็นศพไปแล้ว
ด้าน นายประทีป ไพบูลย์วัฒน์ พนักงานรักษาความปลอดภัย กล่าวว่า ขณะที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่อาคารที่เกิดเหตุ ช่วงเวลาประมาณ 06.30 น.ได้ยินเสียงคล้ายของหนักตกลงมาจากอาคารจึงเดินไปตรวจสอบก็พบผู้ตายตกลงมากระแทกหม้อไฟฟ้าของอาคาร และร่วงลงพื้นเสียชีวิต
จาการสอบปากคำของเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่าได้ทำการสอบปากคำแม่บ้านของอาคารที่เกิดเหตุ เพื่อนสนิทผู้ตาย และครอบครัวแล้ว โดยแม่บ้านได้ให้การว่าเมื่อก่อนเกิดเหตุเดินสวนกับผู้ตายที่ชั้น 11 เห็นผู้ตายเดินเข้าไปในห้องพักนิสิตเอากระเป๋าไปวางจากนั้นเพียง 5 นาที ก็เดินออกมาก่อนที่จะมายืนที่บริเวณระเบียงแล้วกระโดดลงไป ขณะที่คนในครอบครัวของผู้ตายให้การว่าผู้ตายเคยป่วยเป็นโรคซึมเศร้ามานาน 2 ปีแล้ว แต่ได้เข้ารับการรักษาตัวจนหาย แต่เทอมที่ผ่านมามีอาการจึงเข้ารักษาตัวอีกครั้ง จากนั้นในช่วงประมาณ 1 เดือนก่อน ก็เห็นผู้ตายมีอาการซึมๆ อีกทั้งระยะผลการเรียนตกเนื่องจากผู้ตายเริ่มเก็บตัว และซึมเศร้า ซึ่งตรงกับเพื่อนสนิทของผู้ตายที่ได้ให้การว่าผู้ตายมักจะเก็บตัวไม่สุงสิงกับเพื่อนๆ ส่วนในเรื่องความรักไม่น่าจะมี เนื่องจากผู้ตายเป็นเด็กขยันเรียน และไม่มีเรื่องชู้สาว
ต่อมาที่ตึกนิติเวชศาสตร์ เวลา 10.00 น.นายไกรศักดิ์ รุ่งทิวาสุวรรณ อายุ 61 ปี และนางรัตนาภรณ์ รุ่งทิวาสุวรรณ บิดาและมารดา พร้อมด้วยครอบครัวของ น.ส.ชนินาถ รุ่งทิวาสุวรรณ หรือน้องกิ่ง อายุ 21 ปี นิสิตภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เดินทางเพื่อมาติดต่อรับศพบุตรสาว ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของครอบครัว
โดยนายไกรศักดิ์ เปิดเผยว่า บุตรสาวเป็นเด็กเรียนดี ได้ทุนฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถทางวิทยาศาสตร์ หรือ พสทว.ตั้งแต่เรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนบดินทรเดชา และได้รับทุนต่อเนื่องมาจนถึงระดับมหาวิทยาลัย โดยผลการเรียนเฉลี่ยรวม 3 ปี ได้ 3.69 และเคยเข้ารอบหนึ่งใน 10 ในการแข่งขันเคมีโอลิมปิกด้วย ส่วนสาเหตุที่แท้จริงนั้นตนไม่ทราบ เนื่องจากบุตรสาวไม่เคยพูดหรือบ่นอะไรให้ฟัง ทั้งนี้ตนมีบุตรสาว 4 คน น้องกิ่งเป็นบุตรคนที่ 2 เราก็สนิทกัน ไปไหนก็ไปด้วยกันหมด 6 คน พ่อแม่ลูก เมื่อช่วงปิดเทอมลูกสาวาไปฝึกงานก็ไม่มีอาการอะไร ปกติลูกสาวจะได้เกรดเฉลี่ยประมาณ 3.90 แต่ช่วงเทอมล่าสุดได้ 3.28 ทำให้เกรดโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 3.69 ซึ่งลูกสาวเคยมาถามตนว่าเกรด 3.69 จะได้เกียรตินิยมหรือไม่ ตนก็บอกว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะทราบมาว่าเกียรตินิยมอันดับ 1 คือตั้งแต่ 3.6 ขึ้นไป จึงไม่คิดว่าเขาจะเครียดในเรื่องนี้
“ปกติลูกสาวเป็นเด็กพูดน้อย แต่เราก็สนิทกัน ที่ผ่านมาก็ไม่เห็นลูกจะมีอาการผิดปกติอะไรเลย อย่างไรก็ตามจะนำศพบุตรสาวไปบำเพ็ญกุศลที่วัดบึงทองหลาง ซอยลาดพร้าว 101” นายไกรศักดิ์ กล่าว
จากนั้นเวลา 13.30 น. วันเดียวกัน นายเจษฎา แสงสุพรรณ รองอธิการบดี พร้อมทีมผู้บริหาร รวมถึงคณาจารย์จากคณะวิทยาศาสตร์ และภาควิชาเคมี ได้เดินทางมาแถลงข่าวที่ห้องประชุมชั้น 2 อาคารอานันทมหิดล รพ.จุฬาลงกรณ์ พรอมเปิดเผยว่า ทางมหาวิทยาลัยเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยปกติทางมหาวิทยาลัยมีมาตรการในการดูแลนักศึกษาเป็นอย่างดี เรามีฮอตไลน์ให้คำปรึกษาแก่นักศึกษา อีกทั้งยังมีระบบอาจารย์ที่ปรึกษาที่ดูแลนักศึกษา 6-7 คน ต่ออาจารย์ 1 ท่าน ซึ่งจะสามารถดูแลนักศึกษาได้อย่างทั่วถึง อีกทั้งยังมีอาจารย์ฝ่ายกิจการนิสิตมาคอยช่วยดูแล ถ้าเห็นว่ามีนิสิตที่อาการหนักเราก็จะมีอาจารย์จากคณะแพทย์เข้ามาดูแล และยังมีการโทรคุยกับผู้ปกครองเป็นระยะอีกด้วย ส่วนเรื่องการเรียนหากมีใครเรียนอ่อน เราก็มีการจัดติวให้พิเศษด้วย
อย่างไรก็ตามสำหรับการผ่าชันสูตรศพนั้นโดยปกติพื้นที่ในมหาวิทยาลัยต้องเป็นแพทย์นิติเวช รพ.ตำรวจ แต่ทางเราขอร้องเป็นพิเศษขอให้อาจารย์ของจุฬาฯ เป็นผู้ผ่าเนื่องจากเราอยากดูแลนิสิตของเรา ซึ่งผลการผ่าชันสูตรนั้นสรุปได้ว่า มีกระดูกหักหลายแห่ง และอวัยวะภายในฉีกขาดหลายแห่ง และผู้ตายเสียชีวิตเนื่องจากเสียเลือดมาก ซึ่งก็สอดคล้องกับเหตุการณ์กระโดดตึก
ด้าน อ.เทพจำนงค์ แสงสุนทร อาจารย์ที่ปรึกษา กล่าวว่า น.ส.ชนินาถ เป็นนักศึกษาที่มีผลการเรียนดีมาก เกรดเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 3.9, 3.8 และ 3.7 มาโดยตลอด และมีผลการเรียนเป็นที่ 1 ของภาควิชาเคมี อีกทั้งยังเป็นนักเรียนทุน พสทว. อีกทั้งยังเคยเข้ารอบติด 1 ใน 10 ของการแข่งขันเคมีโอลิมปิก เมื่อปี 2548 อีกด้วย ล่าสุดเมื่ออาทิตย์ก่อน น.ส.ชนินาถ ยังได้มาพูดคุยเพื่อขอเพิ่มวิชาเรียน โดยบอกว่าวิชาเรียนเทอมนี้น้อยไป ซึ่งก็ไม่มีอาการอะไรผิดปกติ ยังสดใสร่าเริงเหมือนปกติ แต่ทั้งนี้ทางมหาวิทยาลัยเพิ่งจะเปิดเทอมมาได้เพียงอาทิตย์เดียว อาจจะยังไม่ได้มีการพูดคุยกันนิสิตมากนัก
