เพิ่งตื่น! รอง ผบช.ภ.1 แจงคดี “สุนัย” หมิ่น “แม้ว” ปกปิดโครงสร้างเอสซีฯ ตร.ออกหมายเรียกหลายครั้ง แต่เจ้าตัวปฏิเสธเข้าพบพนักงานสอบ บอกไม่มีความผิดตามที่กล่าวหา จนเป็นเหตุให้ได้ออกหมายจับ อ้างมีหลักฐานเพียงพอชี้ชัด ส่วนการเข้าจับกุมเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน เยินยอ “สุนัย” เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ หลังออกหมายจับได้ประสานให้เกียรติทราบก่อน ขณะที่ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ยันไม่เคยส่งลูกน้องไปตามจับ เพราะไม่รู้ที่อยู่ชัดเจน
วันนี้ (7 มิ.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. พล.ต.ต.คำรบ ปัญญาแก้ว รอง ผบช.ภ.1 ในฐานะโฆษก ภ.1 พล.ต.ต.นเรศ นันทโชติ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา และพนักงานสอบสวนชุดที่ดำเนินคี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร้องทุกข์กล่าวโทษ นายสุนัย มโนมัยอุดม เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.)และอดีตอธิบดีดีเอสไอ ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ได้ร่วมกันแถลงข่าวเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีดังกล่าว
พล.ต.ต.คำรบ กล่าวว่า เพื่อที่จะชี้แจงการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ บางทีประชาชนอาจไม่เข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ สำหรับคดีดังกล่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ส่งทนายความส่วนตัวเข้ามาแจ้งความที่ สภ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา กับนายสุนัย เมื่อประมาณเดือนสิงหาคม 2550 ที่ผ่านมา หลังให้สัมภาษณ์ดำเนินคดีเรื่องหุ้นของ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงได้มีการเข้าแจ้งความไว้ดังกล่าว
พล.ต.ต.คำรบ กล่าวต่อไปว่า หลังรับแจ้งความ พล.ต.ต.นเรศ จึงได้ตั้งชุดพนักงานสอบสวนคดีจำนวน 8 นาย โดยที่ทางชุดพนักงานสอบสวนก็ได้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน ได้มีการเชิญพยานผู้เกี่ยวข้องในสาขาอาชีพต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดี และมีความเป็นกลางมาสอบสวนรวม 22 ปาก เป็นเวลา 6 เดือนแล้ว จากนั้นทางพนักงานสอบสวนก็ได้ประชุมพิจารณาแล้วเห็นว่าพยานหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินการต่อไป และมีมูลความจริงจึงได้ประสานไปทางนายสุนัยเพื่อให้เข้ามาชี้แจง มีทั้งการประสานส่วนตัว และส่งจดหมายไป แต่นายสุนัย ก็ยังไม่มาเข้าพบ และมีหนังสือชี้แจงต่อพนักงานสอบสวนว่า ไม่ได้ทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา หลังจากนั้นพนักงานสอบสวนจึงออกหมายเรียกเป็นครั้งที่ 1 ประมาณเดือน ก.พ.51 ครั้งที่ 2 เมื่อประมาณเดือน มี.ค.ซึ่งทั้ง 2 ครั้ง นายสุนัย ก็ไม่มาพบและส่งหนังสือมาเช่นเดิม
“กระทั่งมีการออกหมายเรียกครั้งที่ 3 นายสุนัยก็มีหนังสือตอบกลับมาว่าจะไม่เข้าพบ ถ้าพนักงานสอบสวนจะออกหมายจับก็ให้แนบหนังสือที่ตนส่งไปให้กับทางอัยการด้วย จากนั้นพนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและออกหมายจับเมื่อวันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา แต่วันที่ 4 มิ.ย.หมายจับดังกล่าวก็ยังอยู่ที่พนักงานสอบสวน ส่วนที่ว่าพนักงานสอบสวนจะเข้าไปจับกุม นายสุนัย นั้นคงเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เพราะหลังจากออกหมายจับก็ได้ประสานไปทาง นายสุนัย ให้ทราบ เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ การทำงานจึงต้องมีความรอบคอบและให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งทางพนักงานสอบสวนก็ทำงานเป็นขั้นตอนอยู่แล้ว เพราะมีกระบวนการทำงานอยู่” พล.ต.ต.คำรบ กล่าว
ด้าน พล.ต.ต.นเรศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทางเจ้าหน้าที่และพนักงานสอบสวนก็ทำงานตามอำนาจหน้าที่อยู่แล้ว ที่รวบรวมพยานหลักฐานนานก็เพราะว่าต้องการเปิดโอกาสให้ชี้แจงรับฟังข้อมูลอย่างเพียงพอ ที่มีข่าวว่าในวันที่ 4 มิ.ย.เจ้าหน้าที่ได้ส่งทีมชุดจับกุมเข้าไปจับกุม นายสุนัย นั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ซึ่งหลังจากออกหมายจับในวันที่ 3 มิ.ย.ทางพนักงานสอบสวนก็ได้เข้าร่วมประชุมเพื่อหาข้อยุติว่าให้มีหนังสือประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้บังคับบัญชาการของนายสุนัยด้วย ซึ่งขอยืนยันว่าทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปจับกุม นายสุนัยแต่อย่างใด เนื่องจากไม่รู้ว่านายสุนัยอยู่ที่ใหน ซึ่งตนก็ได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนประสานไปยังนายสุนัยอย่างสุภาพ เพราะนายสุนัย เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ โดยได้โทรศัพท์ประสาน นายสุนัยว่ามีหมายจับออกมาแล้ว เพื่อเปิดโอกาสให้นายสุนัยเข้ามาพบเอง และเจ้าหน้าที่ก็กำลังรอประสานงานอยู่แล้ว
ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.คำรบ กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ก็พยายามประสานงานรอพบอยู่แล้ว เพื่อสรุปคดี หากยังไม่มาพบก็คงต้องรอการประสานของทางนายสุนัยกลับมาอีกที ซึ่งตนคาดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะการดำเนินงานก็เป็นไปตามขั้นตอนของกระบวนการทางกฎหมายอยู่แล้ว จึงอยากทำความเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ก็กำลังทำงานอยู่ตลอด และไปตามขั้นตอนตามปกติ
อดีตอธิบดี DSI ลั่น หมายจับ “สุนัย” ทุเรศ ย้ำต้องมีศักดิ์ศรี
“สุนัย” ชำแหละการเมืองแทรกแซง DSI
“กิตติพงษ์” ยันคดี “สุนัย” หมิ่น “แม้ว” ต้องเป็นธรรมทุกฝ่าย
ตร.ไม่จับ “สุนัย” หลังประสานจะเข้าพบพนักงานสอบด้วยตัวเอง
วันนี้ (7 มิ.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. พล.ต.ต.คำรบ ปัญญาแก้ว รอง ผบช.ภ.1 ในฐานะโฆษก ภ.1 พล.ต.ต.นเรศ นันทโชติ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา และพนักงานสอบสวนชุดที่ดำเนินคี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร้องทุกข์กล่าวโทษ นายสุนัย มโนมัยอุดม เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.)และอดีตอธิบดีดีเอสไอ ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ได้ร่วมกันแถลงข่าวเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีดังกล่าว
พล.ต.ต.คำรบ กล่าวว่า เพื่อที่จะชี้แจงการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ บางทีประชาชนอาจไม่เข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ สำหรับคดีดังกล่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ส่งทนายความส่วนตัวเข้ามาแจ้งความที่ สภ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา กับนายสุนัย เมื่อประมาณเดือนสิงหาคม 2550 ที่ผ่านมา หลังให้สัมภาษณ์ดำเนินคดีเรื่องหุ้นของ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงได้มีการเข้าแจ้งความไว้ดังกล่าว
พล.ต.ต.คำรบ กล่าวต่อไปว่า หลังรับแจ้งความ พล.ต.ต.นเรศ จึงได้ตั้งชุดพนักงานสอบสวนคดีจำนวน 8 นาย โดยที่ทางชุดพนักงานสอบสวนก็ได้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน ได้มีการเชิญพยานผู้เกี่ยวข้องในสาขาอาชีพต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดี และมีความเป็นกลางมาสอบสวนรวม 22 ปาก เป็นเวลา 6 เดือนแล้ว จากนั้นทางพนักงานสอบสวนก็ได้ประชุมพิจารณาแล้วเห็นว่าพยานหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินการต่อไป และมีมูลความจริงจึงได้ประสานไปทางนายสุนัยเพื่อให้เข้ามาชี้แจง มีทั้งการประสานส่วนตัว และส่งจดหมายไป แต่นายสุนัย ก็ยังไม่มาเข้าพบ และมีหนังสือชี้แจงต่อพนักงานสอบสวนว่า ไม่ได้ทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา หลังจากนั้นพนักงานสอบสวนจึงออกหมายเรียกเป็นครั้งที่ 1 ประมาณเดือน ก.พ.51 ครั้งที่ 2 เมื่อประมาณเดือน มี.ค.ซึ่งทั้ง 2 ครั้ง นายสุนัย ก็ไม่มาพบและส่งหนังสือมาเช่นเดิม
“กระทั่งมีการออกหมายเรียกครั้งที่ 3 นายสุนัยก็มีหนังสือตอบกลับมาว่าจะไม่เข้าพบ ถ้าพนักงานสอบสวนจะออกหมายจับก็ให้แนบหนังสือที่ตนส่งไปให้กับทางอัยการด้วย จากนั้นพนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและออกหมายจับเมื่อวันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา แต่วันที่ 4 มิ.ย.หมายจับดังกล่าวก็ยังอยู่ที่พนักงานสอบสวน ส่วนที่ว่าพนักงานสอบสวนจะเข้าไปจับกุม นายสุนัย นั้นคงเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เพราะหลังจากออกหมายจับก็ได้ประสานไปทาง นายสุนัย ให้ทราบ เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ การทำงานจึงต้องมีความรอบคอบและให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งทางพนักงานสอบสวนก็ทำงานเป็นขั้นตอนอยู่แล้ว เพราะมีกระบวนการทำงานอยู่” พล.ต.ต.คำรบ กล่าว
ด้าน พล.ต.ต.นเรศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทางเจ้าหน้าที่และพนักงานสอบสวนก็ทำงานตามอำนาจหน้าที่อยู่แล้ว ที่รวบรวมพยานหลักฐานนานก็เพราะว่าต้องการเปิดโอกาสให้ชี้แจงรับฟังข้อมูลอย่างเพียงพอ ที่มีข่าวว่าในวันที่ 4 มิ.ย.เจ้าหน้าที่ได้ส่งทีมชุดจับกุมเข้าไปจับกุม นายสุนัย นั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ซึ่งหลังจากออกหมายจับในวันที่ 3 มิ.ย.ทางพนักงานสอบสวนก็ได้เข้าร่วมประชุมเพื่อหาข้อยุติว่าให้มีหนังสือประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้บังคับบัญชาการของนายสุนัยด้วย ซึ่งขอยืนยันว่าทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปจับกุม นายสุนัยแต่อย่างใด เนื่องจากไม่รู้ว่านายสุนัยอยู่ที่ใหน ซึ่งตนก็ได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนประสานไปยังนายสุนัยอย่างสุภาพ เพราะนายสุนัย เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ โดยได้โทรศัพท์ประสาน นายสุนัยว่ามีหมายจับออกมาแล้ว เพื่อเปิดโอกาสให้นายสุนัยเข้ามาพบเอง และเจ้าหน้าที่ก็กำลังรอประสานงานอยู่แล้ว
ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.คำรบ กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ก็พยายามประสานงานรอพบอยู่แล้ว เพื่อสรุปคดี หากยังไม่มาพบก็คงต้องรอการประสานของทางนายสุนัยกลับมาอีกที ซึ่งตนคาดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะการดำเนินงานก็เป็นไปตามขั้นตอนของกระบวนการทางกฎหมายอยู่แล้ว จึงอยากทำความเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ก็กำลังทำงานอยู่ตลอด และไปตามขั้นตอนตามปกติ
อดีตอธิบดี DSI ลั่น หมายจับ “สุนัย” ทุเรศ ย้ำต้องมีศักดิ์ศรี
“สุนัย” ชำแหละการเมืองแทรกแซง DSI
“กิตติพงษ์” ยันคดี “สุนัย” หมิ่น “แม้ว” ต้องเป็นธรรมทุกฝ่าย
ตร.ไม่จับ “สุนัย” หลังประสานจะเข้าพบพนักงานสอบด้วยตัวเอง
