ตร.ประเมินสถานการณ์ชุมนุมคืนวันเสาร์ เผย พันธมิตรฯชุมนุมมีแค่ 9,000 คน คุย มีอำนาจสั่งให้รื้อถอนสิ่งกีดขวางการจราจร แต่สั่งระงับเกรงก่อชนวนความรุนแรง ย้ำ ใช้แนวทางเจรจากับพันธมิตรฯ เพื่อลดปัญหา พร้อมสั่งปิดการจราจรแยกสวนมิสกวัน มุ่งหน้าทำเนียบรัฐบาลอีกหนึ่งเส้นเฉพาะช่วงเวลากลางคืน วอน ผู้ชุมนุมอย่าใช้คันธงไม้ ท่อนเหล็ก และวัตถุอื่นเป็นอาวุธไปใช้ทำร้ายผู้อื่น
วันนี้ (1 มิ.ย.) เมื่อเวลา 15.00 น.ที่ห้องประชุมปารุสกวัน 1 กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รอง ผบ.ตร.เรียกประชุมประเมินสถานการณ์ประจำวันและปรับแผนให้สอดคล้องตามสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ร่วมกับ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น.พล.ต.ท.ระพีพัฒน์ ปาละวงศ์ ผบช.ตำรวจสันติบาล และผู้แทนหน่วยที่เกี่ยวข้อง โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมง
พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงหลังประชุมว่า สถานการณ์เมื่อคืนวันที่ 31 พ.ค.มีผู้เข้าชุมนุมบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ยอดสูงสุด 9,000 คน ส่วนบริเวณสนามหลวงมีกลุ่มต่อต้านพันธมิตรฯ ชุมนุม 800 คน ในจำนวนนี้มีกลุ่มจักรยานยนต์ประมาณ 100 คัน พยายามเคลื่อนขบวนไปยังสะพานมัฆวาน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดกั้นไว้ได้
พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า เจ้าพนักงานได้ขอร้องให้เลิกการชุมนุม หรือหากต้องการชุมนุมก็ให้ไปใช้พื้นที่อื่นที่ไม่กีดขวางการขราจร เพื่อไม่ให้กระทบต่อการใช้เส้นทางของประชาชนทั่วไป แต่ปัจจุบันผู้ชุมนุมยังคงปิดกั้นการจราจร โดยตั้งเวทีปราศรัย กางเต็นท์ วางแผงเหล็ก กั้นลวดสลิงปิดกั้นถนนราชดำเนินนอก ทำให้ประชาชนไม่สามารถใช้เส้นทางได้ แม้ว่าตำรวจจะมีอำนาจเจ้าพนักงานจราจร มีสิทธิสั่งให้รื้อถอนสิ่งกีดขวางการจราจรได้ก็ตาม แต่ขณะนี้ พล.ต.อ.วิเชียร ได้สั่งระงับคำสั่งดังกล่าวไว้ก่อน เพราะเกรงจะเป็นชนวนความรุนแรง
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงใช้แนวทางในการเจรจากับแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อลดปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน จนถึงขณะนี้มีการปิดเส้นทางการจราจรบริเวณแยกผ่านฟ้า แยก จ.ป.ร.แยกสะพานมัฆวานฯ และจะสั่งปิดการจราจรเพิ่มอีก บริเวณแยกสวนมิสกวันมุ่งหน้าทำเนียบรัฐบาลเฉพาะช่วงเวลากลางคืน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่พยายามประชาสัมพันธ์ทุกวิถีทางเพื่อให้กลุ่มผู้ชุมนุมดำเนินการรื้อถอน หรือเคลื่อนย้ายสิ่งกีดขวาง เพื่อให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนสามารถใช้เส้นทางสัญจรได้ตามปกติ
“ตำรวจยังคงใช้แนวทางการเจรจากับแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อลดปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน และขอร้องให้ผู้ชุมนุมอย่าใช้คันธงไม้ ท่อนเหล็ก และวัตถุอื่นเป็นอาวุธไปใช้ทำร้ายผู้อื่น ซึ่งขัดต่อหลักการชุมนุมโดยสงบตามหลักกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 63 วรรคแรก และขอให้ลดการเผชิญหน้าระหว่างกันจนนำไปสู่ปัญหากระทบกระทั่งกัน” รองโฆษก สตช.กล่าว