xs
xsm
sm
md
lg

“สันติบาล” เปิดอีเมล-เว็บรับข้อมูลคดี “เจ๊เพ็ญ” หมิ่นเบื้องสูง

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พล.ต.ท.ระพีพัฒน์ ปาละวงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล (ผบช.ส.) โชว์ที่อยู่อยู่อีเมลื และเว็บไซด์ ให้ประชาชนแจ้งเบาะแส
“สันติบาล” เผยมีพลเมืองดีร้องผ่านเว็บสันติบาล คดีหมิ่นเหม่เบื้องสูง และอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมเปิดอีเมลและเว็บรับข้อมูลเตรียมส่ง ตร.ประกอบสำนวนของ บช.ก.เต็มที่ ขณะเดียวกันไม่นิ่งนอนใจเอาผิดเว็บหมิ่นสถาบัน แต่ขออุบเผยกระบวนการทำงานเชือดผู้กระทำผิด ย้ำตั้งชุดเฉพาะกิจจับตาเว็บที่หาช่องทำผิดตลอด 24 ชม. ระบุมีเว็บทั้งในและนอกประเทศ 20 เว็บเข้าข่ายน่าจะหมิ่นเหม่ เช่น ยูทิวบ์ ประชาไท ฟ้าเดียวกัน แย้มมีบางส่วนเกี่ยวการเมือง แต่ปัดไม่ตอบเอี่ยวตัวนักการเมืองหรือไม่

วันนี้ (22 พ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ระพีพัฒน์ ปาละวงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล (ผบช.ส.) กล่าวถึงการดำเนินคดีต่อนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในคดีกล่าวจาบจ้วงหมิ่นสถาบันเบื้องสูง และหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยสันติบาลได้รับข้อมูลส่วนหนึ่งจากประชาชนและสื่อสิ่งพิมพ์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ส่วนในเรื่องคดีนั้นทราบว่าทาง ตร.ได้มอบหมายให้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางดำเนินการแล้ว ซึ่งสันติบาลเองจะรวบรวมข้อมูล ก่อนที่จะเสนอไปยัง ตร.เพื่อประกอบสำนวนของ บช.ก.

“เรื่องนี้เคยมีประชาชนร้องเรียนผ่านยังเว็บไซต์ของสันติบาล แต่เรื่องยังไม่เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการเนื่องจากกำลังรวบรวมพยานหลักฐาน รอคำแปลจากหน่วยงานเป็นกลาง คือกระทรวงต่างประเทศ และกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขณะเดียวกัน ในส่วนคำแปลของนายจักรภพเองหากมีการเผยแพร่มาก็จะนำมาพิจารณาด้วย ทั้งนี้ หากประชาชนจะร้องเรียนหรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับคดีหมิ่น สถาบัน เรื่องความมั่นคง หรือยาเสพติดสามารถได้แจ้งได้ที่ www.sbpolice.go.th หรืออีเมล sb@sbpolice.go.th” ผบช.ส.กล่าว

นอกจากนี้ พล.ต.ท.ระพีพัฒน์ กล่าวถึงการดำเนินคดีกับเว็บไซต์หมิ่นสถาบันว่า เรื่องดังกล่าวตำรวจสันติบาลไม่ได้นิ่งนอนใจได้มีการดำเนินการมาโดยตลอด แต่กระบวนการทุกอย่างไม่สามารถเปิดเผยได้ ทั้งนี้ สันติบาลมีหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับความมั่นคง คดีเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ความผิดเกี่ยวกับสื่อสิ่งพิมพ์ โดยเฉพาะคดีหมิ่นสถาบันตั้งแต่ตนมารับตำแหน่งได้มีการตั้งชุดเฉพาะกิจขึ้นมาดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ ซึ่งจะคอยเฝ้าจับตาเว็บไซต์ตลอด 24 ชั่วโมง

“สำหรับกระบวนการดำเนินการกับเว็บไซต์เหล่านี้ ที่ผ่านมาเมื่อประชาชนร้องเรียนมา หรือสืบทราบ สันติบาลก็จะเข้าไปตรวจสอบเว็บไซต์ดังกล่าว และพิจารณาว่าลักษณะนั้นเข้าข่ายความผิดหมิ่นสถาบันหรือไม่ ก่อนนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการระดับกองบัญชาการ ก่อนเสนอไปยังตร. ส่วนบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือกระทำผิด ก็ตั้งทีมเข้าไปพิสูจน์ว่าเป็นใคร ซึ่งจะดำเนินการทั้งในทางลับและเปิดเผย หากพยานหลักฐานถึงก็จะส่งให้ตำรวจท้องที่ดำเนินคดี” ผบช.ส.กล่าว

พล.ต.ท.ระพีพัฒน์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับคดีเกี่ยวกับสถาบันในรอบปีที่ผ่านมาได้มีการดำเนินการไปแล้ว 28 คดี โดยบางเรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการระดับ ตร. บางเรื่องได้มีการชี้มูลความผิดไปแล้วและอยู่ระหว่างการดำเนินคดีของกองปราบปราม ขณะที่บางเรื่องศาลได้ตัดสินลงโทษไปแล้ว สำหรับเว็บไซต์ที่มีการเผยแพร่ข้อมูล ซึ่งมีลักษณะเข้าข่ายหมิ่นสถาบัน มีจำนวนหลายเว็บไซต์ทั้งในและนอกประเทศ ซึ่งสันติบาลมีข้อมูลอยู่เกือบ 20 แห่ง ซึ่งบางเว็บไซต์ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน หากเผยแพร่ออกไปจะเป็นการชี้นำส่งเสริมให้ประชาชนไปเปิดอ่าน

อย่างไรก็ตาม  มีบางเว็บไซต์สามารถเปิดเผยได้ เช่น ยูทิวบ์ ประชาไท ฟ้าเดียวกัน และไฮ-ทักษิณ ซึ่งในส่วนของเว็บไฮ-ทักษิณ ได้ปิดตัวไปแล้วเมื่อวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยเว็บไซต์นี้มีเจตนาชัดเจนที่เปิดเผยข้อมูลที่กระทบต่อองคมนตรี และสถาบัน ซึ่งที่ผ่านมาสันติบาลได้มีการประสานไปยังกระทรวงสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที เพื่อให้ปิดเว็บไซต์เหล่านี้ เพราะสันติบาลไม่มีอำนาจที่จะปิดได้เอง ในส่วนของเว็บไซต์ต่างประเทศก็ได้ประสานไปยังกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงไอซีที และสำนักงานสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง

ผู้สื่อข่าวถามว่าจากข้อมูลของสันติบาล กลุ่มที่ดำเนินการในแต่ละเว็บไซต์มีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ พล.ต.ท.ระพีพัฒน์ กล่าวว่า บางเว็บไซต์บางกลุ่มก็มีความเชื่อมโยงกัน ขณะที่บางเว็บไซต์ก็ไม่เชื่อมโยงกัน ซึ่งขบวนการเหล่านี้มีการเคลื่อนไหวอย่างครบวงจร ผ่านทางหนังสือพิมพ์ วิทยุที่มีการนำเสนอผ่านทางเว็บไซต์ คลื่นวิทยุชุมชน ซึ่งเปิดในช่วงกลางวัน ส่วนเรื่องการนัดแนะเพื่อรวมตัวกันนั้น ยังไม่พบ

ต่อข้อถามว่ากลุ่มคนเหล่านี้มีการเคลื่อนไหวดำเนินการอย่างไร พล.ต.ท.ระพีพัฒน์ กล่าวว่า ในการดำเนินการก็ต้องมีทุน ขณะที่บางกลุ่มก็อาศัยเว็บไซต์เหล่านี้ในการแสวงหาผลประโยชน์ หรือระดมทุน อาจเป็นในรูปของการบริจาคเงิน ซึ่งเท่าที่ตรวจสอบเป้าหมายของการระดมทุน มีหลายอย่าง อาจจะเอาไปเพื่อแบ่งแยกเป็น กลุ่มที่ไม่ชอบสถาบัน

เมื่อถามว่าขบวนการที่อยู่เบื้องหลังเว็บไซต์เหล่านี้เกี่ยวข้องกับการเมืองหรือไม่ พล.ต.ท.ระพีพัฒน์ กล่าวว่า มีบางส่วนเกี่ยวข้องกับการเมือง ส่วนจะเกี่ยวข้องกับตัวนักการเมืองโดยตรงหรือไม่ ตนขอไม่พูดดีกว่า แต่ยืนยันว่าแม้จะเกี่ยวข้องกับการเมืองตนก็ไม่หนักใจ เพราะทำตามหน้าที่
กำลังโหลดความคิดเห็น