นครบาลโชว์ จับ 3 ผู้ต้องหาแก๊งค้ายาบ้า พร้อมของกลาง 1 แสนเม็ด หลัง ตร.ใช้เวลาติดตามดูพฤติกรรมกว่า 2 เดือน ก่อนบุกรวบได้คารถเก๋ง ขณะนำยาไปส่งให้ลูกค้า สารภาพรับส่งยาให้ขาใหญ่ในเรือนจำคลองเปรม ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ ตร.เชื่อขาใหญ่ในคุกโทร.สั่งยาจริง พบสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ตรวจสอบไม่มีชื่อผู้ครอบครอง แจ้งกรมราชทัณฑ์ให้ดำเนินการต่อไป
วันนี้ (4 พ.ค.) เมื่อเวลา 12.30 น. พ.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบก.จร.ช่วยราชการ สำนักงาน ผบช.น.แถลงข่าว ชุด ชปส.บช.น.นำโดย พ.ต.ท.ประสงค์ อานมณี รอง ผกก.สส.บก.น.1 และรถสายตรวจ 191 จับกุม นายธวัชชัย หรือ ต่าย ท้องคุ้ง อายุ 36 ปี อยู่ที่ 14/5 หมู่ 6 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม. น.ส.มันทนา หรือ เล็ก ประเสริฐศรี อายุ 32 ปี อยู่ที่ 901/77 ซอยภาวนา แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กทม.และ น.ส.ธัญวรรณ แพทย์วงษ์ อายุ 33 ปี อยู่ที่ 98 หมู่ 6 ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี พร้อมของกลางยาบ้ารวม 100,000 เม็ด โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง และรถยนต์โตโยต้า ทะเบียน ภภ 8666 กทม. จับกุมได้ที่ถนนเกษตร-นวมินทร์ ฝั่งมุ่งหน้าแยกเสนานิเวศน์ ปากซอยพวงทอง แขวงจรเข้บัว เขตลาดพร้าว กทม. และห้องพักเลขที่ 67/47 ธนาเพลสคอนโด ตึก 45 บี แขวง-เขตลาดพร้าว กทม.
พ.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด ชปส.บช.น.ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่านายธวัชชัย มีพฤติกรรมน่าจะเกี่ยวข้องกับการค้ายาบ้า จึงได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ประสงค์ จัดกำลังชุด ชปส. เฝ้าติดตามพฤติการณ์ โดยคดีนี้ใช้เวลาในการสืบสวนเป็นเวลา 2 เดือน จนกระทั่งเมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 3 พฤษภาคม นายธวัชชัยและน.ส.มันทนา เดินออกจากคอนโดฯ ไปขึ้นรถ และถือตะกร้าที่สงสัยว่าจะมียาบ้าซุกซ่อนจึงติดตามไป เมื่อถึงปากซอยตัดกับถนนเกษตร-นวมินทร์ ได้จอดรับ น.ส.ธัญวรรณ ขึ้นมา เมื่อขับไป 300 เมตร ได้จอดให้ลงพร้อมกระเป๋าสะพายเชื่อว่าเป็นยาบ้า กำลังตำรวจที่ติดตามได้ขับรถปาดหน้าให้จอดก่อนเข้าจับกุม จากการตรวจค้นในรถพบยาบ้า 30,000 เม็ด ในกระเป๋าสะพายน.ส.ธัญวรรณ พบยาบ้า 20,000 เม็ด จากนั้นไปค้นห้องผู้ต้องหาพบยาบ้าอีก 50,000 เม็ด รวมทั้งสิ้น 100,000 เม็ด
พ.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวต่อว่า ตามนโยบายของ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. ได้สั่งให้ติดตามจับกุมแก๊งยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง เพราะทราบว่ามีการกลับมาระบาดอีกครั้ง ซึ่งแก๊งนี้ พ.ต.ท.ประสงค์ ได้ร่วมกับรถสายตรวจ 191 ของ พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบก.ตปพ. จึงใช้เวลากว่า 2 เดือนตามจับ โดยพบว่าเป็นแก๊งที่เกี่ยวพันกับผู้ต้องหาในเรือนจำ ส่วนค่าจ้างได้ค่าจ้างขนเม็ดละ 1 บาท หรือมัดละ 2,000 บาท
นายธวัชชัย รับสารภาพว่า ตนมีอาชีพรับจ้างรับรถจักรยานยนต์อยู่วินพหลโยธิน 55 ได้รับการชักชวนจาก น.ส.มันทนา อดีตเมียเก่าที่เลิกไปติดคุกคดีครอบครองฯ ไว้จำหน่าย 6 ปี ออกจากคุกมาได้ 2 ปี เขาก็มาชวนให้ไปช่วยขับรถเพื่อส่งของ โดยแบ่งค่าเหนื่อยให้คนละครึ่ง ทำครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ได้เงินครั้งแรกมารวมกับเงินเก็บจากเล่นพนันมาซื้อรถเก๋งมือสอง เอามารับส่งยากัน
ด้าน น.ส.มันทนา ให้การว่า ชายชื่อ น้าบูลย์ เป็นผู้ติดต่อแนะนำให้รับส่งยาให้กับขาใหญ่ในเรือนจำคลองเปรม ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ เมื่อติดต่อกันแล้วก็ไม่สามารถติดต่อได้อีก ครั้งนี้ทำเป็นครั้งที่ 2 โดยครั้งแรกได้เงินค่าขนยาบ้ามาเม็ดละ 1 บาท เป็นเงินประมาณ 30,000 บาท ส่วนครั้งล่าสุดขาใหญ่ในเรือนจำคลองเปรมโทรมาให้ไปรับยาที่ด่านชั่งน้ำหนัก จ.พระนครศรีอยุธยา โดยวางอยู่ข้างทาง ก่อนให้นำมาส่งต่อลูกค้าอีกทอดหนึ่ง โดยจะมีผู้เข้ามาติดต่ออีกครั้ง ทางตำรวจชุดจับกุมเชื่อว่าขาใหญ่ที่สั่งยาเสพติดน่าจะเป็นผู้อยู่ในเรือนจำคลองเปรมจริง เพราะตรวจสอบพบว่าสัญญาณโทรศัพท์มือถืออยู่ในย่านดังกล่าว เป็นเบอร์โทร.ของบริษัทดีพร้อม ไม่มีชื่อผู้ครอบครอง จึงไม่สามารถสืบสวนขยายผลต่อไปได้อีก ทำได้เพียงส่งรายงานให้ทางกรมราชทัณฑ์ไปดำเนินการต่อไป
ส่วน น.ส.ธัญวรรณ ตำรวจเชื่อว่า เป็นลูกค้ามารับยาบ้าไปกระจายต่ออีกทอดหนึ่ง ยังไม่ยอมให้การที่เป็นประโยชน์เท่าที่ควร ซึ่งเมื่อแถลงข่าวเสร็จแล้วจะส่งตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ให้ บช.ปส.รับไปสืบสวนขยายผลต่อไป
วันนี้ (4 พ.ค.) เมื่อเวลา 12.30 น. พ.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบก.จร.ช่วยราชการ สำนักงาน ผบช.น.แถลงข่าว ชุด ชปส.บช.น.นำโดย พ.ต.ท.ประสงค์ อานมณี รอง ผกก.สส.บก.น.1 และรถสายตรวจ 191 จับกุม นายธวัชชัย หรือ ต่าย ท้องคุ้ง อายุ 36 ปี อยู่ที่ 14/5 หมู่ 6 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม. น.ส.มันทนา หรือ เล็ก ประเสริฐศรี อายุ 32 ปี อยู่ที่ 901/77 ซอยภาวนา แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กทม.และ น.ส.ธัญวรรณ แพทย์วงษ์ อายุ 33 ปี อยู่ที่ 98 หมู่ 6 ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี พร้อมของกลางยาบ้ารวม 100,000 เม็ด โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง และรถยนต์โตโยต้า ทะเบียน ภภ 8666 กทม. จับกุมได้ที่ถนนเกษตร-นวมินทร์ ฝั่งมุ่งหน้าแยกเสนานิเวศน์ ปากซอยพวงทอง แขวงจรเข้บัว เขตลาดพร้าว กทม. และห้องพักเลขที่ 67/47 ธนาเพลสคอนโด ตึก 45 บี แขวง-เขตลาดพร้าว กทม.
พ.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด ชปส.บช.น.ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่านายธวัชชัย มีพฤติกรรมน่าจะเกี่ยวข้องกับการค้ายาบ้า จึงได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ประสงค์ จัดกำลังชุด ชปส. เฝ้าติดตามพฤติการณ์ โดยคดีนี้ใช้เวลาในการสืบสวนเป็นเวลา 2 เดือน จนกระทั่งเมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 3 พฤษภาคม นายธวัชชัยและน.ส.มันทนา เดินออกจากคอนโดฯ ไปขึ้นรถ และถือตะกร้าที่สงสัยว่าจะมียาบ้าซุกซ่อนจึงติดตามไป เมื่อถึงปากซอยตัดกับถนนเกษตร-นวมินทร์ ได้จอดรับ น.ส.ธัญวรรณ ขึ้นมา เมื่อขับไป 300 เมตร ได้จอดให้ลงพร้อมกระเป๋าสะพายเชื่อว่าเป็นยาบ้า กำลังตำรวจที่ติดตามได้ขับรถปาดหน้าให้จอดก่อนเข้าจับกุม จากการตรวจค้นในรถพบยาบ้า 30,000 เม็ด ในกระเป๋าสะพายน.ส.ธัญวรรณ พบยาบ้า 20,000 เม็ด จากนั้นไปค้นห้องผู้ต้องหาพบยาบ้าอีก 50,000 เม็ด รวมทั้งสิ้น 100,000 เม็ด
พ.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวต่อว่า ตามนโยบายของ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. ได้สั่งให้ติดตามจับกุมแก๊งยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง เพราะทราบว่ามีการกลับมาระบาดอีกครั้ง ซึ่งแก๊งนี้ พ.ต.ท.ประสงค์ ได้ร่วมกับรถสายตรวจ 191 ของ พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบก.ตปพ. จึงใช้เวลากว่า 2 เดือนตามจับ โดยพบว่าเป็นแก๊งที่เกี่ยวพันกับผู้ต้องหาในเรือนจำ ส่วนค่าจ้างได้ค่าจ้างขนเม็ดละ 1 บาท หรือมัดละ 2,000 บาท
นายธวัชชัย รับสารภาพว่า ตนมีอาชีพรับจ้างรับรถจักรยานยนต์อยู่วินพหลโยธิน 55 ได้รับการชักชวนจาก น.ส.มันทนา อดีตเมียเก่าที่เลิกไปติดคุกคดีครอบครองฯ ไว้จำหน่าย 6 ปี ออกจากคุกมาได้ 2 ปี เขาก็มาชวนให้ไปช่วยขับรถเพื่อส่งของ โดยแบ่งค่าเหนื่อยให้คนละครึ่ง ทำครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ได้เงินครั้งแรกมารวมกับเงินเก็บจากเล่นพนันมาซื้อรถเก๋งมือสอง เอามารับส่งยากัน
ด้าน น.ส.มันทนา ให้การว่า ชายชื่อ น้าบูลย์ เป็นผู้ติดต่อแนะนำให้รับส่งยาให้กับขาใหญ่ในเรือนจำคลองเปรม ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ เมื่อติดต่อกันแล้วก็ไม่สามารถติดต่อได้อีก ครั้งนี้ทำเป็นครั้งที่ 2 โดยครั้งแรกได้เงินค่าขนยาบ้ามาเม็ดละ 1 บาท เป็นเงินประมาณ 30,000 บาท ส่วนครั้งล่าสุดขาใหญ่ในเรือนจำคลองเปรมโทรมาให้ไปรับยาที่ด่านชั่งน้ำหนัก จ.พระนครศรีอยุธยา โดยวางอยู่ข้างทาง ก่อนให้นำมาส่งต่อลูกค้าอีกทอดหนึ่ง โดยจะมีผู้เข้ามาติดต่ออีกครั้ง ทางตำรวจชุดจับกุมเชื่อว่าขาใหญ่ที่สั่งยาเสพติดน่าจะเป็นผู้อยู่ในเรือนจำคลองเปรมจริง เพราะตรวจสอบพบว่าสัญญาณโทรศัพท์มือถืออยู่ในย่านดังกล่าว เป็นเบอร์โทร.ของบริษัทดีพร้อม ไม่มีชื่อผู้ครอบครอง จึงไม่สามารถสืบสวนขยายผลต่อไปได้อีก ทำได้เพียงส่งรายงานให้ทางกรมราชทัณฑ์ไปดำเนินการต่อไป
ส่วน น.ส.ธัญวรรณ ตำรวจเชื่อว่า เป็นลูกค้ามารับยาบ้าไปกระจายต่ออีกทอดหนึ่ง ยังไม่ยอมให้การที่เป็นประโยชน์เท่าที่ควร ซึ่งเมื่อแถลงข่าวเสร็จแล้วจะส่งตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ให้ บช.ปส.รับไปสืบสวนขยายผลต่อไป
