ปดส.รวบ 2 ผู้ต้องหา พัวพันขบวนการส่งผู้หญิงไปค้าประเวณีที่ประเทศอังกฤษ พฤติกรรมสุดแสบหลอกเหยื่อสามารถส่งไปทำงานต่างประเทศรายได้ดี ก่อนถูกส่งขายต่อให้นายหน้าชาวมาเลเซีย บังคับทรมานให้ขายตัวในซ่องเมืองผู้ดี เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 2 ยังปากแข็งขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น ด้าน ตร.เตรียมลากคอผู้ร่วมแก๊งค้ากามที่เหลือมาดำเนินคดี
วันนี้ (2 พ.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น.ที่ บก.ปดส.พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ ผบก.ปดส. พ.ต.อ.นิพนธ์ เจริญผล พ.ต.อ.นรศักดิ์ เหมนิธิ รอง ผบก.ปดส.และเจ้าหน้าที่ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายวรพจน์ พิทยานุกุล อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 131/5 ต.บางกรวย อ.บางกรวย จ.นนทบุรี และนางพิไลพร เสถียรธนากร อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 797/124 ซ.สุทธิพร แขวงและเขตดินแดง กทม.ตามหมายจับศาลอาญา ที่1459/2551 และ 1490/2551 ลงวันที่ 24 เม.ย.2551 ข้อหาร่วมกันเป็นธุระจัดหาหญิงและเด็กเพื่อการค้าประเวณี
พล.ต.ต.วิมล กล่าวว่า เมื่อวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศอังกฤษ ได้จับกุม นายพงศ์พจน์ พิทยานุกุล อายุ 31 ปี พร้อมพวกอีก 9 คน ในความผิดฐานแสวงหาผลประโยชน์จากการบังคับหญิงสาวให้ค้าประเวณีและฟอกเงิน ตนเห็นว่าคดีดังกล่าวส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทสไทย จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่สืบสวน ขยายผลกลุ่มขบวนการที่เหลือซึ่งทราบว่า มี น.ส.พัชรี หรือ อร วงศ์ใหญ่ ร่วมกับเจ๊จู ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง นายเจษฏากร สุรัตนสกุลชัย หรือ เฮียชัย ที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ นายราเชนไม่ทราบนามสกุล, นายพิไลพร เสถียรธนากร, เจ๊ปอ ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง นายแจ๊ค ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง นายมาร์ค ชาวอังกฤษ นายมาร์ค ชาวมาเลเซีย เป็นขบวนการที่ร่วมกันเป็นธุระจัดหาให้หญิงไทยไปค้าประเวณีที่ประเทศอังกฤษ
พล.ต.ต.วิมล กล่าวต่อว่า ส่วนพฤติการณ์ของขบวนการนี้จะหลอกลวงเหยื่อ ว่า สามารถจัดส่งไปทำงานที่ต่างประเทศมีรายได้ดี เมื่อเหยื่อหลงเชื่อจึงให้เปลี่ยนนามสุกล มาใช้นามสกุล “เสถียรธนากร” ซึ่งเป็นนามสกุลของ นายพิไลพร หลังจากนั้น จึงพาผู้เสียหายเดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศมาเลซีย หรือประเทศใกล้เคียงเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ก่อนจะไปขอ วีซ่า เข้าประเทศอังกฤษ นอกจากนี้ก็จะให้เหยื่อทำหนังสือสัญญากู้ จำนวน 700,000 บาท อีกด้วย จากนั้นเมื่อผู้เสียหายเดินทางเข้าประเทศอังกฤษแล้ว ขบวนการนี้ก็จะนำไปขายต่อให้กับนายหน้าชาวมาเลเซีย ก่อนจะถูกส่งไปขายต่อที่ซ่องในเมืองพลีมัธ และบังคับให้ค้าประเวณี ซึ่งเหยื่อจะถูกบังคับอย่าง ทรมานโดยไม่ได้ค่าตอบแทน กระทั่งมีผู้เสียหายรายหนึ่งได้รับการช่วยเหลือ ทางตำรวจประเทศอังกฤษจึงบุกเข้าจับกุมผู้ต้องหา และจากการสอบสวนขยายผลจึงทราบว่า นายราเชน ไม่ทราบนามสกุล ก็คือ นายวรพจน์ เป็นบิดาของนายพงษ์พจน์ ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมที่อังกฤษ ส่วนเจ๊ปอ คือ นางจิราภา ศรีวิชา เจ้าหน้าที่ได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับแล้ว
พล.ต.ต.วิมล กล่าวต่อว่า นางพิไลพร เป็นหัวหน้าแก๊งขบวนการดังกล่าวที่ดำเนินการมายาวนาน อีกทั้งยังมีหมายจับของกองปราบปรามในคดีจัดหาหญิงไปค้าประเวณีส่งประเทศมาเลเซียด้วย อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องหาในขบวนการดังกล่าวมีทั้งสิ้น 11 คน สามารถจับกุมได้แล้ว 3 คน และยังหลบหนีอีก 6 คน และอยู่ระหว่างการออกหมายจับอีก 2 คน ประกอบด้วยเจ๊แดงและนีน่า โดยผู้ต้องหาที่สามารถจับกุมได้จะถูกดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันเป็นธุระจัดหาหญิงไปค้าประเวณี กักขังหน่วงเหนี่ยวผู้อื่น ทั้งนี้ภายหลังจากพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำ 2 ผู้ต้องหาแล้วเสร็จจะไปขออำนาจศาลอาญาฝากขังต่อไป
สอบสวน นายวรพจน์ ให้การปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยอ้างว่าเคยเป็นเจ้าของบริษัท ดีทีแอนด์ที จำกัด ซึ่งเป็นบริษัท ลิซซิ่งรถยนต์ ต่อมาเมื่อปี 2540 ธุรกิจของตนประสบปัญหา ขาดทุนไปถึง 40 ล้านบาท ส่วนบุตรชายทั้งสอง คือ นายพงษ์พจน์และนายบดี นั้น ถูกส่งไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ก่อนหน้าที่ธุรกิจจะเกิดปัญหา
“ที่ผ่านมา บุตรชายทั้งสองคอยช่วยเหลือผมมาตลอด และผมก็เคยเดินทางไปเยี่มบุตรชายที่ประเทศอังกฤษมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งเห็นว่าที่บ้านของเขาไม่มีอะไรผิดปกติ และบ่งบอกว่าจะมีการลักลอบค้าประเวณีแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม หากผมรู้ว่าบุตรชายกระทำการหลอกลวงหญิงสาวไปค้าประเวณีก็ ห้ามไปแล้ว แต่ในระยะหลังบุตรชายมักบ่นให้ฟังเรื่องเงินไม่พอใช้อยู่เสมอ โดยทราบว่าเขาไปติดการพนันฟุตบอล และก็เข้าไปทำงานที่เว็บไซต์โฆษณาแห่งหนึ่งไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นโฆษณาอะไร กระทั่งมาทราบข่าวว่าเขาถูกจับ” นายวรพจน์ กล่าว
ขณะที่ นางพิไลพร ให้การปฏิเสธว่า ไม่เคยรู้จักกับนายวรพจน์ มาก่อน และขอให้การใช้ชั้นศาลเท่านั้น
วันนี้ (2 พ.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น.ที่ บก.ปดส.พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ ผบก.ปดส. พ.ต.อ.นิพนธ์ เจริญผล พ.ต.อ.นรศักดิ์ เหมนิธิ รอง ผบก.ปดส.และเจ้าหน้าที่ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายวรพจน์ พิทยานุกุล อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 131/5 ต.บางกรวย อ.บางกรวย จ.นนทบุรี และนางพิไลพร เสถียรธนากร อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 797/124 ซ.สุทธิพร แขวงและเขตดินแดง กทม.ตามหมายจับศาลอาญา ที่1459/2551 และ 1490/2551 ลงวันที่ 24 เม.ย.2551 ข้อหาร่วมกันเป็นธุระจัดหาหญิงและเด็กเพื่อการค้าประเวณี
พล.ต.ต.วิมล กล่าวว่า เมื่อวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศอังกฤษ ได้จับกุม นายพงศ์พจน์ พิทยานุกุล อายุ 31 ปี พร้อมพวกอีก 9 คน ในความผิดฐานแสวงหาผลประโยชน์จากการบังคับหญิงสาวให้ค้าประเวณีและฟอกเงิน ตนเห็นว่าคดีดังกล่าวส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทสไทย จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่สืบสวน ขยายผลกลุ่มขบวนการที่เหลือซึ่งทราบว่า มี น.ส.พัชรี หรือ อร วงศ์ใหญ่ ร่วมกับเจ๊จู ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง นายเจษฏากร สุรัตนสกุลชัย หรือ เฮียชัย ที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ นายราเชนไม่ทราบนามสกุล, นายพิไลพร เสถียรธนากร, เจ๊ปอ ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง นายแจ๊ค ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง นายมาร์ค ชาวอังกฤษ นายมาร์ค ชาวมาเลเซีย เป็นขบวนการที่ร่วมกันเป็นธุระจัดหาให้หญิงไทยไปค้าประเวณีที่ประเทศอังกฤษ
พล.ต.ต.วิมล กล่าวต่อว่า ส่วนพฤติการณ์ของขบวนการนี้จะหลอกลวงเหยื่อ ว่า สามารถจัดส่งไปทำงานที่ต่างประเทศมีรายได้ดี เมื่อเหยื่อหลงเชื่อจึงให้เปลี่ยนนามสุกล มาใช้นามสกุล “เสถียรธนากร” ซึ่งเป็นนามสกุลของ นายพิไลพร หลังจากนั้น จึงพาผู้เสียหายเดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศมาเลซีย หรือประเทศใกล้เคียงเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ก่อนจะไปขอ วีซ่า เข้าประเทศอังกฤษ นอกจากนี้ก็จะให้เหยื่อทำหนังสือสัญญากู้ จำนวน 700,000 บาท อีกด้วย จากนั้นเมื่อผู้เสียหายเดินทางเข้าประเทศอังกฤษแล้ว ขบวนการนี้ก็จะนำไปขายต่อให้กับนายหน้าชาวมาเลเซีย ก่อนจะถูกส่งไปขายต่อที่ซ่องในเมืองพลีมัธ และบังคับให้ค้าประเวณี ซึ่งเหยื่อจะถูกบังคับอย่าง ทรมานโดยไม่ได้ค่าตอบแทน กระทั่งมีผู้เสียหายรายหนึ่งได้รับการช่วยเหลือ ทางตำรวจประเทศอังกฤษจึงบุกเข้าจับกุมผู้ต้องหา และจากการสอบสวนขยายผลจึงทราบว่า นายราเชน ไม่ทราบนามสกุล ก็คือ นายวรพจน์ เป็นบิดาของนายพงษ์พจน์ ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมที่อังกฤษ ส่วนเจ๊ปอ คือ นางจิราภา ศรีวิชา เจ้าหน้าที่ได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับแล้ว
พล.ต.ต.วิมล กล่าวต่อว่า นางพิไลพร เป็นหัวหน้าแก๊งขบวนการดังกล่าวที่ดำเนินการมายาวนาน อีกทั้งยังมีหมายจับของกองปราบปรามในคดีจัดหาหญิงไปค้าประเวณีส่งประเทศมาเลเซียด้วย อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องหาในขบวนการดังกล่าวมีทั้งสิ้น 11 คน สามารถจับกุมได้แล้ว 3 คน และยังหลบหนีอีก 6 คน และอยู่ระหว่างการออกหมายจับอีก 2 คน ประกอบด้วยเจ๊แดงและนีน่า โดยผู้ต้องหาที่สามารถจับกุมได้จะถูกดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันเป็นธุระจัดหาหญิงไปค้าประเวณี กักขังหน่วงเหนี่ยวผู้อื่น ทั้งนี้ภายหลังจากพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำ 2 ผู้ต้องหาแล้วเสร็จจะไปขออำนาจศาลอาญาฝากขังต่อไป
สอบสวน นายวรพจน์ ให้การปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยอ้างว่าเคยเป็นเจ้าของบริษัท ดีทีแอนด์ที จำกัด ซึ่งเป็นบริษัท ลิซซิ่งรถยนต์ ต่อมาเมื่อปี 2540 ธุรกิจของตนประสบปัญหา ขาดทุนไปถึง 40 ล้านบาท ส่วนบุตรชายทั้งสอง คือ นายพงษ์พจน์และนายบดี นั้น ถูกส่งไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ก่อนหน้าที่ธุรกิจจะเกิดปัญหา
“ที่ผ่านมา บุตรชายทั้งสองคอยช่วยเหลือผมมาตลอด และผมก็เคยเดินทางไปเยี่มบุตรชายที่ประเทศอังกฤษมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งเห็นว่าที่บ้านของเขาไม่มีอะไรผิดปกติ และบ่งบอกว่าจะมีการลักลอบค้าประเวณีแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม หากผมรู้ว่าบุตรชายกระทำการหลอกลวงหญิงสาวไปค้าประเวณีก็ ห้ามไปแล้ว แต่ในระยะหลังบุตรชายมักบ่นให้ฟังเรื่องเงินไม่พอใช้อยู่เสมอ โดยทราบว่าเขาไปติดการพนันฟุตบอล และก็เข้าไปทำงานที่เว็บไซต์โฆษณาแห่งหนึ่งไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นโฆษณาอะไร กระทั่งมาทราบข่าวว่าเขาถูกจับ” นายวรพจน์ กล่าว
ขณะที่ นางพิไลพร ให้การปฏิเสธว่า ไม่เคยรู้จักกับนายวรพจน์ มาก่อน และขอให้การใช้ชั้นศาลเท่านั้น
