บก.ป.บุกจับ “พระมหาสามารถ กิตติปัญโญ” ที่อ้างตัวเป็นพระจุลนายก สามารถแต่งตั้งพระอธิการเป็นพระครูได้ หลังเลขานุการสมเด็จพระสังฆราชตรวจพบ ออกใบพระบัญชาปลอมแต่งตั้งอธิการวัดในจ.นครปฐมเป็นพระครู เจ้าตัวอ้างถูกหลอกจาก “ผศ.ดร.” อีกทอด ระบุสูญเงินเกือบ 3 พันจ่ายเพื่อแลกเอกสารรับที่หน้าวัดบวรฯ ก่อน ตร.ควบคุมตัวดำเนินคดี
วันนี้ (30 เม.ย.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 12.30 น. พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบก.ป. สั่งการให้ พ.ต.อ.สมยศ พรหมนิ่ม รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก.ฝป.7 บก.ป. พ.ต.ต.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง สว.ฝป.7 บก.ป.นำกำลังเข้าจับกุม พระมหาสามารถ กิตติปัญโญ หรือ นายสามารถ แสงใส อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 268 หมู่ 15 ต.ท่ากระดาน อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5599/2546 ลงวันที่ 29 ก.ค.2546 ข้อหาปลอมเอกสารราชการ เพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริงและใช้เอกสารราชการปลอม โดยจับกุมได้ที่บริเวณหน้าศาลจังหวัดแม่สอด จ.ตาก
ทั้งนี้ เมื่อปี 2546 นายวิศิษฏ์ พงษ์พัฒนจิต รับมอบอำนาจจากพระเทพสารเวที ผู้ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ให้ตรวจสอบใบพระบัญชาแต่งตั้งฐานานุกรมที่พระอธิการฉอ้อน อัคคจโร เจ้าอาวาสวัดบัวหวั่น หมู่ 3 ต.บัวปากท่า อ.บางเลน จ.นครปฐม ซึ่งได้มาอย่างไม่ถูกต้อง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 เม.ย.2546 ในพิธีมอบและรับใบพระบัญชาแต่งตั้งพระอธิการฉอ้อน เป็นพระครูสมุห์ โดยครั้งนั้นมีนายสามารถอ้างตัวเป็นพระจุลนายก นำใบพระบัญชาแต่งตั้งพระอธิการฉอ้อน แต่ภายหลังการตรวจสอบปรากฏว่าไม่พบใบพระบัญชาแต่งตั้งดังกล่าวอยู่ในสารบบการแต่งตั้งฐานานุกรม จึงเชื่อว่ามีการปลอมแปลงเกิดขึ้นและกระทำเป็นขบวนการ จึงเข้าแจ้งความไว้ที่กองบังคับการปราบปราม
สอบสวนนายสามารถ ให้การปฏิเสธว่า ก่อนหน้านั้นเมื่อช่วงปี 2545 ขณะที่ตนบวชเป็นพระ จำวัดอยู่ที่วัดศรีสง่าประชาธรรม ต.พรสวรรค์ อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ได้รู้จักกับ ผศ.ดร.รัชธัม ไม่ทราบนามสกุล อายุประมาณ 30 ปี อ้างตัวว่าเป็นนิติไทยในพระสังฆาธิการ สามารถช่วยเลื่อนสมณศักดิ์ให้กับพระสงฆ์ได้ ต่อมาเมื่อตนพบกับ ร.ต.อ.สมเกียรติ ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งเป็นตำรวจที่รู้จักกันได้แนะนำให้รู้จักกับพระฉอ้อนที่ต้องการจะเลื่อนสมณศักดิ์ ตนจึงบอกว่าสามารถช่วยเหลือได้ โดยขอสำเนาเอกสารหลักฐานต่างๆ และคิดเงินค่าดำเนินการจำนวน 2,800 บาท ก่อนจะนำไปให้ ผศ.ดร.รัชธัม ที่บริเวณโบสถ์หน้าวัดบวรนิเวศวิหาร
นายสามารถ ให้การอีกว่า เมื่อถึงวันพิธีมอบใบพระบัญชาแต่งตั้งพระอธิการฉอ้อน ตนได้ทำหน้าที่แทน ผศ.ดร.รัชธัม ซึ่งอ้างว่าติดภารกิจสำคัญไม่สามารถมามอบใบพระบัญชาแต่งตั้งดังกล่าวได้ หลังจากนั้นประมาณ 10 วัน ตนจึงได้รับโทรศัพท์จาก ร.ต.อ.สมเกียรติ และพระอธิการฉอ้อน บอกกับตนว่าใบแต่งตั้งสมณศักดิ์เป็นของปลอม ตนจึงยอมบอกไปว่าเรื่องทั้งหมดมี ผศ.ดร.รัชภูมิ เป็นผู้ดำเนินการอีกทอดหนึ่ง ต่อมาตนได้เดินทางไปจำวัดที่สำนักสงฆ์วัดป่า ใน จ.ปราจีนบุรี เป็นเวลา 3 ปี โดยไม่ได้ติดต่อกับใครกระทั่งถูกจับกุมดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเรียก ผศ.ดร.รัชภูมิ มาสอบสวนหากพบมีความผิดจะดำเนินคดีต่อไป
วันนี้ (30 เม.ย.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 12.30 น. พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบก.ป. สั่งการให้ พ.ต.อ.สมยศ พรหมนิ่ม รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก.ฝป.7 บก.ป. พ.ต.ต.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง สว.ฝป.7 บก.ป.นำกำลังเข้าจับกุม พระมหาสามารถ กิตติปัญโญ หรือ นายสามารถ แสงใส อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 268 หมู่ 15 ต.ท่ากระดาน อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5599/2546 ลงวันที่ 29 ก.ค.2546 ข้อหาปลอมเอกสารราชการ เพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริงและใช้เอกสารราชการปลอม โดยจับกุมได้ที่บริเวณหน้าศาลจังหวัดแม่สอด จ.ตาก
ทั้งนี้ เมื่อปี 2546 นายวิศิษฏ์ พงษ์พัฒนจิต รับมอบอำนาจจากพระเทพสารเวที ผู้ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ให้ตรวจสอบใบพระบัญชาแต่งตั้งฐานานุกรมที่พระอธิการฉอ้อน อัคคจโร เจ้าอาวาสวัดบัวหวั่น หมู่ 3 ต.บัวปากท่า อ.บางเลน จ.นครปฐม ซึ่งได้มาอย่างไม่ถูกต้อง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 เม.ย.2546 ในพิธีมอบและรับใบพระบัญชาแต่งตั้งพระอธิการฉอ้อน เป็นพระครูสมุห์ โดยครั้งนั้นมีนายสามารถอ้างตัวเป็นพระจุลนายก นำใบพระบัญชาแต่งตั้งพระอธิการฉอ้อน แต่ภายหลังการตรวจสอบปรากฏว่าไม่พบใบพระบัญชาแต่งตั้งดังกล่าวอยู่ในสารบบการแต่งตั้งฐานานุกรม จึงเชื่อว่ามีการปลอมแปลงเกิดขึ้นและกระทำเป็นขบวนการ จึงเข้าแจ้งความไว้ที่กองบังคับการปราบปราม
สอบสวนนายสามารถ ให้การปฏิเสธว่า ก่อนหน้านั้นเมื่อช่วงปี 2545 ขณะที่ตนบวชเป็นพระ จำวัดอยู่ที่วัดศรีสง่าประชาธรรม ต.พรสวรรค์ อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ได้รู้จักกับ ผศ.ดร.รัชธัม ไม่ทราบนามสกุล อายุประมาณ 30 ปี อ้างตัวว่าเป็นนิติไทยในพระสังฆาธิการ สามารถช่วยเลื่อนสมณศักดิ์ให้กับพระสงฆ์ได้ ต่อมาเมื่อตนพบกับ ร.ต.อ.สมเกียรติ ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งเป็นตำรวจที่รู้จักกันได้แนะนำให้รู้จักกับพระฉอ้อนที่ต้องการจะเลื่อนสมณศักดิ์ ตนจึงบอกว่าสามารถช่วยเหลือได้ โดยขอสำเนาเอกสารหลักฐานต่างๆ และคิดเงินค่าดำเนินการจำนวน 2,800 บาท ก่อนจะนำไปให้ ผศ.ดร.รัชธัม ที่บริเวณโบสถ์หน้าวัดบวรนิเวศวิหาร
นายสามารถ ให้การอีกว่า เมื่อถึงวันพิธีมอบใบพระบัญชาแต่งตั้งพระอธิการฉอ้อน ตนได้ทำหน้าที่แทน ผศ.ดร.รัชธัม ซึ่งอ้างว่าติดภารกิจสำคัญไม่สามารถมามอบใบพระบัญชาแต่งตั้งดังกล่าวได้ หลังจากนั้นประมาณ 10 วัน ตนจึงได้รับโทรศัพท์จาก ร.ต.อ.สมเกียรติ และพระอธิการฉอ้อน บอกกับตนว่าใบแต่งตั้งสมณศักดิ์เป็นของปลอม ตนจึงยอมบอกไปว่าเรื่องทั้งหมดมี ผศ.ดร.รัชภูมิ เป็นผู้ดำเนินการอีกทอดหนึ่ง ต่อมาตนได้เดินทางไปจำวัดที่สำนักสงฆ์วัดป่า ใน จ.ปราจีนบุรี เป็นเวลา 3 ปี โดยไม่ได้ติดต่อกับใครกระทั่งถูกจับกุมดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเรียก ผศ.ดร.รัชภูมิ มาสอบสวนหากพบมีความผิดจะดำเนินคดีต่อไป