สน.ประชาชื่น โชว์งานจับ 2 คู่หูชิงทรัพย์คนแก่ สารภาพขับมอร์ไซค์ดูลาดเลาก่อนก่อเหตุ งัดประตูจับมัดใช้มีดจี้มือทุบตีบังคับให้ยื่นทรัพย์กวาดเงินสดแสนเจ็ด มือถือ-พระท้าวจตุคามสูญทรัพย์เหยียบ 2 แสน ก่อนจนมุมถูกจับได้หลังสืบตามหลักฐานรอยนิ้วมือแฝง ตร.ระบุ คนร้ายเคยมีประวัติข้อหายาเสพติดพื้นที่สน.โชคชัย
วันนี้(23 เม.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. พ.ต.อ.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ ผกก.สน.ประชาชื่น พ.ต.ท.เอนก อุ่นเดช สว.สส.สน.ประชาชื่น ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาร่วมกันชิงทรัพย์ โดยมีและใช้อาวุธและยานพาหนะ ประกอบด้วย 1.นายสมภพ หรือ ต้น อินทศิริ อายุ18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10/23 ม.10 แขวงและเขตลาดพร้าว กทม. 2.นายอเนกนรินทร์ หรือแจ้ สุขทรัพย์ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/42 ม.06 แขวงออเงิน เขตสายไหม กทม.ซึ่งทั้ง 2 รายเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา เลขที่ 1482/2551 ลงวันที่ 18 เมษายน 2551 พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นคลิก สีน้ำเงิน เลขทะเบียน ลบษ 194 กทม. อาวุธมีดทำจากใบเลื่อยเหล็กยาว 1 ฟุต จำนวน 1 เล่ม
พ.ต.อ.มานพ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 17 มีนาคม ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 22.00 น.ผู้ต้องหาทั้ง 2 รายได้เข้าไปก่อเหตุชิงทรัพย์นางวนิดา ตรัสนิ่ม อายุ 66 ปี ภายในบ้านเลขที่ 117 ซอยประชาชื่น 37 (นพเก้า) แยก3 แขวงและเขตบางซื่อ โดยคนร้ายได้ใช้อาวุธมีดงัดประตูบ้านเข้าไป และจับตัวผู้เสียหายเอาไว้ จากนั้นก็ใช้มีดจี้บังคับให้พาไปเอาทรัพย์สิน และใช้มือทุบตีผู้เสียหายหลายครั้ง ส่วนทรัพย์สินที่ผู้ต้องหาได้ไปนั้น ประกอบด้วยเงินสด จำนวน 169,000 บาท โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง พระจตุคามรามเทพ จำนวน 9 องค์ รวมมูลค่ากว่า 200,000 บาท ก่อนหลบหนีไป หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้เก็บรอยนิ้วมือแฝงไว้เป็นหลักฐาน และตรวจสอบพบว่ารอยนิ้วมือตรงกับของนายเอกนรินทร์ ซึ่งมีประวัติเคยถูกจับที่ สน.โชคชัย ในข้อหายาเสพติด จึงตามไปจับกุมได้ที่หน้าบ้านเลขที่ 10/23 แขวงและเขตลาดพร้าว กทม.และสามารถขยายผลจับกุมนายสมภพได้อีกด้วย
จากการสอบปากคำนายเอกนรินทร์ ให้การรับสารภาพว่า ก่อนก่อเหตุจะขับรถจักรยานยนต์ไปดูลาดเลาก่อน เมื่อพบว่ามีคนอยู่บ้านเพียงคนเดียวและเป็นผู้สูงอายุก็จะไปดักรอและวางแผนเพื่อเตรียมก่อเหตุ แล้วจะกลับไปยังบ้านเป้าหมายอีกครั้งเพื่อก่อเหตุ สำหรับเงินที่ได้จะนำไปเที่ยวเตร่และซื้อยาบ้ามาเสพ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ โดยมีและใช้อาวุธ(มีด) จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ พาอาวุธ(มีด)ติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป
