ปภ.สรุปยอดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลสงกรานต์ วันแรก ของช่วง 7 วันอันตราย ตายแล้ว 45 คน มากกว่าปีที่แล้ว 4 คน ยอดบาดเจ็บพุ่ง 577 ราย สาเหตุหลักยังคงมาจากเมาแล้วขับ จยย.ไม่สวมหมวกนิรภัย
วันนี้ (12 เม.ย.) ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สรุปยอดการปฏิบัติงานของศูนย์ปฏิบัติการร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2551 ในวันที่ 11 เม.ย. ซึ่งเป็นวันแรกในช่วง 7 วันระวังอันตรายในเทศกาลสงกรานต์ มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นรวม 477 ครั้ง มากกว่าวันเดียวกันของปี 2550 ถึง 42 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตแล้ว 45 คนมากกว่าปี 2550 ถึง 4 คน ส่วนผู้บาดเจ็บ 557 คน โดยสาเหตุหลักยังคงเกิดจากการเมาสุราและขับรถ ขับขี่จักรยานยนต์โดยไม่สวมหมวกนิรภัย ซึ่งอุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดขึ้นกับรถจักรยานยนต์มากที่สุด
สำหรับจังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุดคือ ประจวบคีรีขันธ์ 5 คน รองมาเป็นนครสวรรค์ พะเยา และพิษณุโลก ส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช มีผู้บาดเจ็บมากที่สุด 29 ราย อย่างไรก็ตามจังหวัดที่ยังไม่มีการเกิดอุบัติเหตุเลยมี 5 จังหวัด คือ จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดปัตตานี จังหวัดยโสธร จังหวัดระนอง และจังหวัดสิงห์บุรี
จุดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ทางตรง ร้อยละ 50.52 รองลงมา ได้แก่ บริเวณทางโค้ง ร้อยละ 18.03 สำหรับช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เวลากลางคืน ร้อยละ 65.20 โดยเฉพาะช่วงเวลา 16.01- 20.00 น. ร้อยละ 25.97 ส่วนผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ พบว่า มีอายุระหว่าง 15 -19 ปี ร้อยละ 19.27 รองลงมา อายุระหว่าง 30 - 39 ปี คิดเป็นร้อยละ 16.45 จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เชียงราย 28 ครั้ง รองลงมา ได้แก่ เชียงใหม่ 23 ครั้ง จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต รวม 47 จังหวัด อย่างไรก็ดีจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บ มากที่สุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช 29 ราย รองลงมา ได้แก่ เชียงราย 28 ราย
ทั้งนี้ ทั่วประเทศมีการจัดตั้งจุดตรวจเข้มงวดการปฏิบัติตามกฎจราจร และมาตรการ 3 ม 2ข 1ร รวม 3,009 จุด มีผู้ปฏิบัติงาน รวม 84,910 คน เฉลี่ยจุดตรวจละ 28 คน ซึ่งได้มีการเรียกตรวจยานพาหนะ 613,621 คัน พบผู้กระทำผิด รวม 35,320 คัน คิดเป็นร้อยละ 5.76 ซึ่งส่วนใหญ่ถูกดำเนินคดีเนื่องจาก ไม่มีใบขับขี่มากที่สุด 13,315 คัน ร้อยละ 37.70 รองลงมา ได้แก่ ไม่สวมหมวกนิรภัย 11,701 คัน ร้อยละ 33.13 ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย 4,463 คัน ร้อยละ 12.64
ขณะที่นายพงศ์โพยม วาศภูติ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ในช่วงนี้คาดว่าประชาชนส่วนใหญ่เริ่มเดินทางกลับถึงภูมิลำเนาแล้ว จึงได้สั่งการให้ทุกจังหวัดปรับจุดตรวจ ด่านตรวจ จากถนนสายหลักลงไปสู่ถนนสายรอง โดยเฉพาะเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างตำบล หมู่บ้าน และขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประสานความร่วมมือกับ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัคร และสมาชิก อปพร. ในพื้นที่ ร่วมปฏิบัติงานตามจุดตรวจในชุมชน สอดส่องดูแล ควบคุมไม่ให้ผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง ออกไปสร้างความเดือดร้อน หรือเป็นต้นเหตุของการเกิดอุบัติเหตุทางถนน รวมทั้งให้จังหวัดที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงประสานการจัดตั้งด่านตรวจ โดยเฉพาะในพื้นที่รอยต่อของแต่ละจังหวัด เพื่อไม่ให้ผู้ใช้รถใช้ถนนหลบเลี่ยงการตรวจจับ รวมถึงดูแลอำนวยความสะดวกและสร้างความปลอดภัยในการเดินทางให้กับประชาชนตลอดเส้นทาง
นายพงศ์โพยม กล่าวอีกว่า ในช่วงวันที่ 12-13 เม.ย.ซึ่งเป็นช่วงที่มีอัตราการเกิดอุบัติเหตุมาก ขอให้ตรวจเข้มกับผู้ขับขี่รถยนต์ที่ดื่มสุรา นอกจากนี้สภาพการจราจรในช่วงดังกล่าวตามเส้นทางหลักมักมีปริมาณรถหนาแน่น ทำให้ต้องใช้ระยะเวลาเดินทางนานกว่าปกติ อาจทำให้คนขับมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยล้าได้ง่าย ส่งผลให้เกิดอาการหลับใน ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ จึงขอให้ผู้ขับขี่แวะพักตามจุดบริการ จุดตรวจ หรือสถานีบริการน้ำมัน เพื่อให้ร่างกายได้ผ่อนคลาย และหายจากอาการเมื่อยล้า แล้วจึงขับรถต่อไป
"ที่สำคัญ ได้เน้นย้ำให้ด่านตรวจเข้มงวด กวดขัน รถโดยสารไม่ประจำทางในลักษณะของการเช่าเหมาคันเป็นพิเศษ เพื่อตรวจสอบสภาพความพร้อมของผู้ขับรถ โดยเฉพาะการง่วงและเมาแล้วขับ เพื่อไม่ให้เป็นต้นเหตุของการเกิดอุบัติเหตุขนาดใหญ่ ซึ่งจะทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ประกอบกับ ในวันพรุ่งนี้ (วันที่ 13 เม.ย.) เป็นวันมหาสงกรานต์ จึงคาดว่าจะมีประชาชนออกมาเล่นสาดน้ำสงกรานต์จำนวนมาก จึงขอให้ผู้ขับขี่รถยนต์ผ่านบริเวณที่มีการเล่นน้ำ เพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยรักษาระดับความเร็วให้เหมาะสม ไม่ขับรถเร็ว อย่าขับรถแซง เปลี่ยนช่องทางไปมา เพราะอาจชนถูกคนที่กำลังเพลิดเพลินอยู่กับการเล่นน้ำจนลืมระมัดระวังอันตรายจากรถบนท้องถนน ส่วนผู้ที่เล่นน้ำบริเวณริมสองข้างถนน ไม่ควรสาดน้ำใส่ผู้ที่ขี่รถจักรยานยนต์ เพราะผู้ขับขี่รถอาจไม่ทันระวังตัว ทำให้รถเสียหลัก จนเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ อีกทั้งไม่ควรไปวิ่งไล่สาดน้ำใส่รถบนท้องถนน เพราะอาจถูกรถเฉี่ยวชนได้ นอกจากนี้ ขอให้ผู้ใช้รถใช้ถนนร่วมกันปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เร็ว เมา ง่วง โทร ไม่ขับอย่างเด็ดขาด เพื่อให้เทศกาลสงกรานต์เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนของประเทศ "นายพงศ์โพยม กล่าว