ตำรวจบึงกุ่มตามจับโจรคนสุดท้ายที่เข้าไปปล้นบ้าน “โอ วรุต วรธรรม” ดาราดังได้แล้ว หลังหนีไปกบดานตามต่างจังหวัดนานถึง 4 ปี สารภาพเพื่อนชวนมาปล้นแต่ไม่ยอมให้ส่วนแบ่ง แค่เลี้ยงข้าวมื้อเดียวก่อนแยกย้ายหลบหนี อ้างได้หมายเรียกเกณฑ์ทหารก็กลับบ้านเกิดหวังรับใช้ชาติแต่มาถูกจับเสียก่อน
เมื่อเวลา 13.00 น.วันนี้ (5 เม.ย.) ที่ สน.บึงกุ่ม พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ อรัญวัฒน์ ผกก.สน.บึงกุ่ม พ.ต.ท.สุชัย พุ่มไพศาลชัย รอง ผกก.สส.สน.บึงกุ่ม พ.ต.ต.เกณฑ์ชยะ สกลชัย สว.สส.สน.บึงกุ่ม พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายบัณฑิต หรือลอย ชมบุญเรือง อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 22 หมู่ 2 บ้านฟ้าเหลื่อม ต.หน่อม อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธมีด เหตุเกิดภายในบ้านเลขที่ 122/29 ถนนนวมินทร์ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม.ซึ่งเป็นบ้านพักของนายวรุต วรธรรม ดารานักแสดงและพิธีกรชื่อดัง เมื่อวันที่ 5 ต.ค.46 ที่ผ่านมา โดยสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ที่บริเวณลานคัดเลือกทหารกองประจำการ ด้านหน้าที่ว่าการอำเภออาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด
พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 5 ต.ค.46 นายบัณฑิตได้ร่วมกันกับพวกอีก 3 คนที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ ประกอบด้วย นายวิโรจน์ หรือโอ หนูเกตุ นายต้น หรือเค สุขประเสริฐ และนายปราโมทย์ หรือปอ วงษ์กะพันธ์ ได้เข้าไปใช้อาวุธมีดจี้ผู้เสียหายในบ้านพักของนายวรุต วรธรรม ก่อนจะทำการปล้นทรัพย์สินเป็นนาฬิกาข้อมือจำนวน 6 เรือน มูลค่ากว่า 300,000 บาท และเงินสดจำนวน 10,000 บาท ก่อนจะหลบหนีไป ซึ่งในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมตัวเพื่อนๆ ที่ร่วมกันก่อเหตุมาดำเนินคดีได้แล้วทั้ง 3 คน
พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ทราบว่ายังมีผู้ร่วมก่อเหตุที่ยังหลบหนีอยู่อีก 1 คน คือนายบัณฑิต ทางฝ่ายสืบสวนจึงได้ลงพื้นที่ไปหาข่าวพร้อม ติดต่อกับสายลับเอาไว้ว่าหากพบตัวให้รีบแจ้งมาที่ สน.บึงกุ่ม ได้ตลอดเวลา จนกระทั่งเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา สายลับได้แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าในวันที่ 4 เม.ย.จะมีการคัดเลือกทหารกองประจำการที่บริเวณด้านหน้าที่ว่าการอำเภออาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด และคาดว่านายบัณฑิตน่าจะมาปรากฏตัวเพื่อรายงานตัวเข้าคัดเลือกทหารในครั้งนี้ด้วย จึงได้สั่งการให้ พ.ต.ต.เกณฑ์ชยะ นำกำลังไปดักซุ่มรอเอาไว้จนสามารถรวบตัวได้ในที่สุด
จากการสอบสวนนายบัณฑิต ยอมรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุนายปราโมทย์เพื่อนสนิทของตนที่ถูกจับกุมไปแล้วก่อนหน้านี้ได้ชวนให้ไปร่วมปล้นบ้านหลังดังกล่าว แต่เมื่อได้ทรัพย์สินมาแล้วนายปราโมทย์กลับไม่แบ่งให้ตนแต่อย่างใด แค่เลี้ยงข้าวตน 1 มื้อเท่านั้น จากนั้นก็แยกย้ายกันหลบหนี โดยตนอาศัยการเปลี่ยนที่ทำงานไปเรื่อย โดยทำงานอยู่ใน กทม.อยู่ 1 ปี แล้วย้ายไปทำงานที่ จ.ภูเก็ต อีก 3 ปี
“ระหว่างที่หลบหนีอยู่นั้น ผมรู้ข่าวว่าตำรวจจับตัวนายปราโมทย์ และเพื่อนๆ อีก 2 คนได้แล้ว และตอนนี้ทั้งหมดก็พ้นโทษออกมาจากสถานพินิจแล้วด้วย ก่อนที่ผมจะถูกจับก็ได้รับการติดต่อจากญาติว่ามีหมายเรียกตัวให้ไปคัดเลือกทหารส่งมาถึงที่บ้าน ผมเลยตัดสินใจเดินทางกลับมาที่บ้านก็เพราะหวังจะรับใช้ชาติ แต่ก็ถูกตำรวจจับ” นายบัณฑิต กล่าว
