“เลขาฯ มูลนิธิคุ้มครองเด็ก” พาเหยื่อ 4 รายแจ้งจับครูโฉดล่อลวงศิษย์บำบัดกาม หลังเสร็จกิจจ่าย 1,800 ย่ามใจบังคับขายประเวณีซ้ำเด็กทนไม่ไหวรวมตัวต่อต้าน ครูเสนอจ่ายหลายแสนค่าปิดปาก แต่กลุ่มผู้เสียหายยืนกรานเอาเรื่องถึงที่สุด ขณะที่ “ครูหยุ่น” ฝากถึงกระทรวงศึกษาฯ เข้มงวดคัดบุคคลากรครู
วันนี้ (28 มี.ค.) ที่ บก.ปดส. เมื่อเวลา 13.00 น. นายมนตรี สินทวิชัย หรือครูยุ่น เลขาธิการมูลนิธิคุ้มครองเด็ก และอดีต ส.ว.สมุทรสงคราม พาตัว ด.ญ.ส้ม อายุ 13 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.1 โรงเรียนขยายโอกาสแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น ด.ญ.แก้ม ด.ญ.ตี่ และ ด.ญ.เปีย (นามสมมติ) อายุ 15 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.3 โรงเรียนเดียวกัน เข้าพบ พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ ผบก.ปดส.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ นายชัยวัฒน์ ธรรมมา อาจารย์ระดับ 8 ครูประจำชั้นและครูสอนภาษาไทยของโรงเรียนดังกล่าว
นายมนตรี กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ด.ญ.แก้ม และ ด.ญ.ส้ม ได้ถูกนายชัยวัฒน์ซึ่งเป็นครูใช้อุบายหว่านล้อมให้ขายประเวณี โดย ด.ญ.ส้ม ทนกับการหว่านล้อมและอุบายล่อลวงของนายชัยวัฒน์ไม่ได้จึงยอมเดินทางไปหานายชัยวัฒน์ จากนั้นนายชัยวัฒน์ได้พา ด.ญ.ส้ม ไปกระทำชำเราภายในห้องเรียน ซึ่งวันเกิดเหตุเป็นเวลาเย็นและตรงกับวันหยุด เมื่อเสร็จกิจจึงให้เงินกับ ด.ญ.ส้ม จำนวน 1,800 บาท พร้อมกับขู่ไม่ให้นำเรื่องที่เกิดขึ้นไปเล่าให้ใครฟัง
นายมนตรี กล่าวต่อว่า จากนั้นนายชัยวัฒน์ได้ติดต่อกับ ด.ญ.แก้ม เพื่อให้พา ด.ญ.ส้ม ไปค้าประเวณีกับตนอีกในวันรุ่งขึ้น ซึ่งครั้งนี้นายชัยวัฒน์ได้พาผู้เสียหายไปร่วมประเวณีที่สวนเกษตรด้านหลังโรงเรียน โดยนายชัยวัฒน์ได้เตรียมเสื่อมาปูรอไว้ล่วงหน้าด้วย และครั้งนี้ก็ได้มอบเงินให้ ด.ญ.ส้ม อีกจำนวน 1,800 บาท หลังจากนั้น ด.ญ.ส้ม ได้ตัดสินใจที่จะไม่ทำเช่นนี้อีก โดยอ้างว่าตั้งครรภ์กับแฟนหนุ่ม แต่นายชัยวัฒน์ไม่ยินยอมและพยายามใช้อุบายเพื่อซื้อประเวณีกับ ด.ญ.ส้ม อีกหลายครั้ง ในที่สุด ด.ญ.ส้ม จึงปรึกษากับ ด.ญ.แก้ม ด.ญ.ตี่ และ ด.ญ.เปีย ทำให้ทราบว่าต่างก็เคยถูกนายชัยวัฒน์ ชักชวนไปร่วมประเวณีเช่นกัน
“หลังทราบว่าทั้งหมดได้ตกเป็นเหยื่อของครูคนดังกล่าวจึงพากันไปปรึกษาครูที่โรงเรียนคนหนึ่ง ก่อนที่เรื่องราวจะถูกเปิดเผยขึ้น ขณะที่นายชัยวัฒน์ได้ออกมาปฏิเสธเรื่องที่เกิดขึ้นโดยอ้างว่าเด็กนักเรียนหญิงทั้งหมดโกหก อย่างไรก็ตาม ทางมูลนิธิฯ ได้สืบข้อเท็จจริงของเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วพบว่า ก่อนหน้านี้เพื่อนของนายชัยวัฒน์ได้พยายามติดต่อผู้ปกครองของ ด.ญ.ส้ม โดยเสนอเงินเป็นจำนวนหลายแสนบาท เพื่อให้ ด.ญ.ส้ม กลับคำให้การว่าเป็นผู้กุเรื่องขึ้นเพื่อกลั่นแกล้งนายชัยวัฒน์ ซึ่งทางมูลนิธิฯ ได้ทำความเข้าใจกับผู้ปกครองผู้เสียหายไปแล้ว ซึ่งยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด” นายมนตรี กล่าว
นายมนตรี กล่าวอีกว่า ขณะนี้เด็กที่ตกเป็นเหยื่อครูอยู่ในความดูแล เพื่อความปลอดภัยและฟื้นฟูสภาพจิตใจที่มูลนิธิคุ้มครองเด็ก อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม แล้ว โดยความยินยอมจากผู้ปกครองของนักเรียนหญิงทั้งหมด อย่างไรก็ตาม อยากฝากไปยังกระทรวงศึกษาธิการให้คัดสรรบุคคลที่จะมาเป็นครูให้ดีกว่านี้ พร้อมทั้งให้ออกระเบียบการนัดเด็กมาติว หรือมาทำกิจกรรมในวันหยุดให้ละเอียดและรอบคอบกว่านี้ โดยเฉพาะอาจารย์ผู้ชายกับเด็กนักเรียนหญิง นอกจากนี้ จากการตรวจสอบพบว่า ครูคนดังกล่าวยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่โรงเรียนดังกล่าวเช่นเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนการตั้งกรรมการสอบสวนวินัยก็ยังไม่มีเลย ตนอยากให้ความเป็นธรรมแก่เด็กด้วย
ด้าน พล.ต.ต.วิมล กล่าวว่า ในเบื้องต้นทางพนักงานสอบสวน บก.ปดส.ได้รับเรื่องและประสานอัยการ นักจิตวิทยา และนักสังคมสงเคราะห์ ร่วมสอบปากคำเด็กหญิงผู้เสียหายแบบสหวิชาชีพ พร้อมกับได้นำรูปภาพหลายๆ รูปมาให้ผู้เสียหายชี้ ก่อนจะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับกุมนายชัยวัฒน์มาดำเนินคดีในข้อหากระทำชำเราเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 13 ปี ที่มิใช่ภรรยาต่อไป
วันนี้ (28 มี.ค.) ที่ บก.ปดส. เมื่อเวลา 13.00 น. นายมนตรี สินทวิชัย หรือครูยุ่น เลขาธิการมูลนิธิคุ้มครองเด็ก และอดีต ส.ว.สมุทรสงคราม พาตัว ด.ญ.ส้ม อายุ 13 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.1 โรงเรียนขยายโอกาสแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น ด.ญ.แก้ม ด.ญ.ตี่ และ ด.ญ.เปีย (นามสมมติ) อายุ 15 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.3 โรงเรียนเดียวกัน เข้าพบ พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ ผบก.ปดส.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ นายชัยวัฒน์ ธรรมมา อาจารย์ระดับ 8 ครูประจำชั้นและครูสอนภาษาไทยของโรงเรียนดังกล่าว
นายมนตรี กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ด.ญ.แก้ม และ ด.ญ.ส้ม ได้ถูกนายชัยวัฒน์ซึ่งเป็นครูใช้อุบายหว่านล้อมให้ขายประเวณี โดย ด.ญ.ส้ม ทนกับการหว่านล้อมและอุบายล่อลวงของนายชัยวัฒน์ไม่ได้จึงยอมเดินทางไปหานายชัยวัฒน์ จากนั้นนายชัยวัฒน์ได้พา ด.ญ.ส้ม ไปกระทำชำเราภายในห้องเรียน ซึ่งวันเกิดเหตุเป็นเวลาเย็นและตรงกับวันหยุด เมื่อเสร็จกิจจึงให้เงินกับ ด.ญ.ส้ม จำนวน 1,800 บาท พร้อมกับขู่ไม่ให้นำเรื่องที่เกิดขึ้นไปเล่าให้ใครฟัง
นายมนตรี กล่าวต่อว่า จากนั้นนายชัยวัฒน์ได้ติดต่อกับ ด.ญ.แก้ม เพื่อให้พา ด.ญ.ส้ม ไปค้าประเวณีกับตนอีกในวันรุ่งขึ้น ซึ่งครั้งนี้นายชัยวัฒน์ได้พาผู้เสียหายไปร่วมประเวณีที่สวนเกษตรด้านหลังโรงเรียน โดยนายชัยวัฒน์ได้เตรียมเสื่อมาปูรอไว้ล่วงหน้าด้วย และครั้งนี้ก็ได้มอบเงินให้ ด.ญ.ส้ม อีกจำนวน 1,800 บาท หลังจากนั้น ด.ญ.ส้ม ได้ตัดสินใจที่จะไม่ทำเช่นนี้อีก โดยอ้างว่าตั้งครรภ์กับแฟนหนุ่ม แต่นายชัยวัฒน์ไม่ยินยอมและพยายามใช้อุบายเพื่อซื้อประเวณีกับ ด.ญ.ส้ม อีกหลายครั้ง ในที่สุด ด.ญ.ส้ม จึงปรึกษากับ ด.ญ.แก้ม ด.ญ.ตี่ และ ด.ญ.เปีย ทำให้ทราบว่าต่างก็เคยถูกนายชัยวัฒน์ ชักชวนไปร่วมประเวณีเช่นกัน
“หลังทราบว่าทั้งหมดได้ตกเป็นเหยื่อของครูคนดังกล่าวจึงพากันไปปรึกษาครูที่โรงเรียนคนหนึ่ง ก่อนที่เรื่องราวจะถูกเปิดเผยขึ้น ขณะที่นายชัยวัฒน์ได้ออกมาปฏิเสธเรื่องที่เกิดขึ้นโดยอ้างว่าเด็กนักเรียนหญิงทั้งหมดโกหก อย่างไรก็ตาม ทางมูลนิธิฯ ได้สืบข้อเท็จจริงของเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วพบว่า ก่อนหน้านี้เพื่อนของนายชัยวัฒน์ได้พยายามติดต่อผู้ปกครองของ ด.ญ.ส้ม โดยเสนอเงินเป็นจำนวนหลายแสนบาท เพื่อให้ ด.ญ.ส้ม กลับคำให้การว่าเป็นผู้กุเรื่องขึ้นเพื่อกลั่นแกล้งนายชัยวัฒน์ ซึ่งทางมูลนิธิฯ ได้ทำความเข้าใจกับผู้ปกครองผู้เสียหายไปแล้ว ซึ่งยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด” นายมนตรี กล่าว
นายมนตรี กล่าวอีกว่า ขณะนี้เด็กที่ตกเป็นเหยื่อครูอยู่ในความดูแล เพื่อความปลอดภัยและฟื้นฟูสภาพจิตใจที่มูลนิธิคุ้มครองเด็ก อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม แล้ว โดยความยินยอมจากผู้ปกครองของนักเรียนหญิงทั้งหมด อย่างไรก็ตาม อยากฝากไปยังกระทรวงศึกษาธิการให้คัดสรรบุคคลที่จะมาเป็นครูให้ดีกว่านี้ พร้อมทั้งให้ออกระเบียบการนัดเด็กมาติว หรือมาทำกิจกรรมในวันหยุดให้ละเอียดและรอบคอบกว่านี้ โดยเฉพาะอาจารย์ผู้ชายกับเด็กนักเรียนหญิง นอกจากนี้ จากการตรวจสอบพบว่า ครูคนดังกล่าวยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่โรงเรียนดังกล่าวเช่นเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนการตั้งกรรมการสอบสวนวินัยก็ยังไม่มีเลย ตนอยากให้ความเป็นธรรมแก่เด็กด้วย
ด้าน พล.ต.ต.วิมล กล่าวว่า ในเบื้องต้นทางพนักงานสอบสวน บก.ปดส.ได้รับเรื่องและประสานอัยการ นักจิตวิทยา และนักสังคมสงเคราะห์ ร่วมสอบปากคำเด็กหญิงผู้เสียหายแบบสหวิชาชีพ พร้อมกับได้นำรูปภาพหลายๆ รูปมาให้ผู้เสียหายชี้ ก่อนจะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับกุมนายชัยวัฒน์มาดำเนินคดีในข้อหากระทำชำเราเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 13 ปี ที่มิใช่ภรรยาต่อไป
