โฆษก ตร.เห็นพ้อง มท.1 ร่วมรณรงค์ปราบปรามปัญหาอบายมุขภายใน 90 วัน ถือเป็นเรื่องดี พร้อมย้ำ ตร.ท้องที่หากปล่อยให้มีบ่อนการพนันต้องรับผิดชอบ ส่วน 2 ผกก.เด้งพิษตู้ม้า หากพบว่าบกพร่องจริงก็จะต้องถูกลงโทษ
วันนี้ (17 มี.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.วัชรพล ประสานราชกิจ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และโฆษก ตร. กล่าวถึงกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการรกระทรวงมหาดไทย ประกาศนโยบายเร่งรัดปราบปรามอบายมุขให้หมดสิ้นทุกพื้นที่ภายใน 90 วันว่า เรื่องดังกล่าว พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รรท.ผบ.ตร.เห็นว่าเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการปราบปรามอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว ทั้งนี้ สำหรับเรื่องอบายมุข ยาเสพติด และบ่อนการพนันถือเป็นนโยบายของ ตร. และเป็นหน้าที่ของตำรวจทุกนายต้องดำเนินการสืบสวนปราบปราม ส่วนเรื่องที่ฝ่ายปกครองจะมาร่วม หรือรณรงค์เพิ่มขึ้นก็เป็นสิ่งที่ดีจะได้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา เพราะทุกคนอยากเห็นบ้านเมืองปราศจากอบายมุข สิ่งผิดกฎหมาย และอาชญากรรมทุกรูปแบบ
พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม ระบุว่ายังมีบ่อนอีก 2 แห่งที่เปิดให้เล่นการพนัน และได้ส่งข้อมูลให้ พล.ต.อ.พัชรวาทแล้ว ซึ่งหากตำรวจไม่ดำเนินการจะส่งฝ่ายปกครองไปดำเนินการแทนว่า ตั้งแต่ พล.ต.อ.พัชรวาทเข้ารับตำแหน่งได้กำชับไปแล้วว่า เรื่องนี้ท่านไม่ยอม ซึ่งหากตำรวจบกพร่อง ไม่สอดส่องดูแลปล่อยให้มีการลักลอบเล่นการพนัน ตำรวจท้องที่ก็จะต้องรับผิดชอบ เพราะมีนโยบายและคำสั่งทางวินัยชัดเจนอยู่แล้ว ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติเน้นย้ำว่าทุกอย่างที่ผิดกฎหมาย เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องกวดขันจับกุมให้ได้
ต่อข้อถามกรณีมีการสั่งย้ายนายตำรวจระดับ ผกก.2 โรงพักที่ปล่อยปละละเลยให้มีตู้ม้าในพื้นที่ว่า พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นแนวทางในการดำเนินการทางวินัยอยู่แล้ว เมื่อเกิดกรณีการบกพร่องในพื้นที่ ผู้ที่รับผิดชอบจะต้องถูกเรียกตัวเข้ามาช่วยราชการ เพื่อเปิดโอกาสให้มีการตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ถ้าหากสืบสวนแล้วพบว่าบกพร่องจริงก็จะต้องถูกตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย และหากพบว่าบกพร่องก็จะต้องถูกลงโทษตามที่กำหนดไว้ ขณะเดียวกันหากตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องในการจัดให้มีก็จะถูกดำเนินคดีอาญา แต่หากบกพร่องปล่อยปละละเลยก็เป็นความผิดวินัย
เมื่อถามว่า พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น.ไม่สามารถที่จะควบคุมปัญหาอบายมุขได้ พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวว่า กทม.ถือเป็นเมืองใหญ่ มีปัญหาซับซ้อนหลายเรื่อง ทั้งปัญหาบ่อนการพนัน อบายมุขต่างๆ ซึ่งบช.น.มีโรงพัก 87 สถานี ซึ่งอยู่ในความผิดชอบของ ผกก. และยังมีผบก.อีก 9 คน ซึ่งการบังคับบัญชาเป็นขั้นเป็นตอน ความรับผิดชอบจึงลดหลั่นกันไป ซึ่งหากการสอบสวนปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้บังคับบัญชาไม่เคร่งครัด หรือไปรู้เห็นเป็นใจ ไม่เพียงแค่ถูกลงโทษทางวินัย แต่หากมีพยานหลักฐานจะถูกดำเนินคดีอาญาด้วย
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ บช.น.จะมีการปรับตำแหน่งฝ่ายสืบสวน พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวว่า ที่ผ่านมาในพื้นที่นครบาลมีสถิติคดีอาญาเกิดมากขึ้น ทำให้มีการปรับมาตรการในการสืบสวนปราบปราม ซึ่งก็เป็นอำนาจของ ผบช.น.ที่จะต้องบริหารจัดการ ตำรวจนายใดที่ไม่เหมาะสมกับหน้าที่ ผบช.น.ก็มีอำนาจที่จะโยกย้ายสับเปลี่ยน เอาตัวไปช่วยราชการ เพื่อให้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
พล.ต.ท.วัชรพล ยังกล่าวถึงมาตรการป้องกันคนร้ายโจรกรรมทรัพย์สินสาธารณะว่า เรื่องดังกล่าวฝ่ายปกครองได้ออกมาพูดเรื่อง พ.ร.บ.ควบคุมร้านค้าของเก่าจะได้หารือกันเรื่องมาตรการต่างๆ ซี่งหากตำรวจได้รับความร่วมมือจากเจ้าของร้านรับซื้อของเก่า ในการสอดส่องดูแลคนที่นำของเก่ามาขาย ก็จะเป็สิ่งที่ดีในการป้องปราม ในกรณีที่มีการลักทรัพย์สาธารณะมาขาย เจ้าของร้านเองจะได้เป็นข้อป้องกันตัวเองว่าไม่มีเจตนารับซื้อของโจร ซึ่งเรื่องนี้ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ผู้ประกอบการจะต้องร่วมมือกัน
“ผู้ประกอบการร้านรับซื้อของเก่าต้องทำหน้าที่ของเขาเพื่อให้มีผลกำไร แต่หากธุรกิจของเขาถูกใช้เป็นเครื่องมือ ในการให้ผู้ที่ลักเล็กขโมยน้อย เอาทรัพย์สินของราชการถึง แม้ราคาไม่มาก แต่เกิดความเสียหายที่เกิดขึ้นมากมายอย่างกรณีที่ลักน็อตเสาไฟฟ้าแรงสูง ซึ่งได้ราคาไม่มาก แต่ทำเกิดความเสียหายต่อทางราชการ และประชาชนอย่างมาก ดังนั้น เราต้องช่วยกันทุกฝ่ายทั้งผู้ประกอบการ ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ที่สำคัญประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตา แจ้งเบาะแส เชื่อว่าจะสามารถป้องกันปัญหาเหล่านี้ได้” โฆษก ตร.กล่าว
