จับบาร์เทนเดอร์ผับดังย่านพัทยาและเมีย รับจ้างเปิดบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ ให้แก๊งชาวต่างชาติลอบแฮคข้อมูลลูกค้าของธนาคารทางอินเตอร์เน็ต ก่อนเข้าไปโอนเงินเข้าบัญชีที่เปิดไว้ สร้างความเสียหายหลายล้านบาท ตร.พบมีการโอนเข้าบัญชีที่ยุโรปอีก 2 ชาติ พร้อมออกล่าผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน
วันนี้ (8 มี.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่กองบัญชาการสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รอง ผบช.ก. พ.ต.อ.ชัชวาลย์ วชิรปาณีกุล รอง ผบก.ปศท. พ.ต.อ.สำราญ ยินดีอารมณ์ ผกก.ฝ่ายปฏิบัติการ 10 บก.ทท.และนายพงษ์สิทธิ์ ชัยฉัตรพรสุข ผู้จัดการสายบริหารห้องกันการทุจริต ธนาคารไทยพาณิชย์ ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายสุทิน ศรีขุมทรัพย์ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 407/20 หมู่ 12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี และ น.ส.นุจรีย์ อำนิยม อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35 หมู่ 3 ต.ห่อหมก อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา สองสามีภรรยาผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ เลขที่ 307/2551 และ 306/2551 ลงวันที่ 7 มี.ค.51 ตามลำดับ ในข้อหาร่วมกันเข้าถึงข้อมูลโดยมิชอบซึ่งระบบและข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ และมาตราการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตนและลักทรัพย์
พล.ต.ต.ปัญญา เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากได้มีกลุ่มคนร้ายชาวต่างชาติ่มีความรู้และชำนาญเกี่ยวกับระบบอินเตอร์เน็ตได้เข้าไปลักโขมยข้อมูล (ชื่อเข้าระบบและรหัสผ่าน) ของลูกค้าธนาคารไทยพาณิชย์ที่เข้ามาทำธุรกรรมการเงินกับธนาคารทางอินเตอร์เน็ต (อี-เเบงกิ้ง) จากนั้นกลุ่มคนร้ายชาวต่างชาติก็จะจ้างชาวไทยไปเปิดบัญชีธนาคารให้ แล้วใช้ชื่อเข้าระบบและรหัสผ่าน ของลูกค้าเข้าไปทำการโอนเงินจากบัญชีของลูกค้าเข้ามาบัญชีที่คนร้ายเปิดไว้ แล้วใช้บัตรเอทีเอ็มไปกดเงินออกมา สร้างความเสียหายให้กับธนาคารหลายล้านบาท
ต่อมาเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า นายสุทิน และน.ส.นุจรีย์ เป็นเจ้าของบัญชีที่กลุ่มคนร้ายได้โอนเงินเข้าไป จึงขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญากรุงเทพใต้ ก่อนเข้าจับกุมทั้งสองคนได้เมือ่เวลา 23.00 น.วานนี้ (7 มี.ค) ที่บ้านพักย่านพระตำหนัก เมืองพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ก่อนควบคุมตัวมาสอบสวน
จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งสองคนให้การรับสารภาพ โดยนายสุทิน ให้การว่า ตนทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์อยู่ที่ผับแห่งหนึ่ง จากนั้นก็ได้มีคนรู้จักเป็นคนไทยมาว่าจ้างให้ตนกับภรรยาไปเปิดบัญชีให้ที่ธนาคารไทยพณิชย์ สาขาตึกคอมพัทยา จำนวน 3 บัญชี บัญชีละ 500 บาท และสามารถเบิกได้เต็มวงเงินวันละ 2 แสนบาท โดยได้ค่าจ้างเบื้องต้นบัญชีละ 1,000 บาท จากนั้นก็นำบัญชีและบัตรเอทีเอ็มไปให้ผู้ว่าจ้างโดยที่ตนไม่รู้ว่าจะเอาบัญชีที่พวกตนเปิดไปทำอะไร
พล.ต.ต.ปัญญา กล่าวต่อว่า จากการสืบสวนขยายผลของเจ้าหน้าที่พบว่า ทุกครั้งที่กลุ่มคนร้ายชาวต่างชาติเข้าไปลักลอบโอนเงินของลูกค้าแล้ว ก็จะมีการจ่ายค่าตอบแทนให้ผู้ต้องหาทั้งสองคน เพิ่มอีกครั้งละ 10,000 บาท โดยมีการโอนมาแล้ว 4 ครั้ง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบว่า มีเงินของผู้เสียหายบางส่วนถูกโอนไปยังบัญชีธนาคารในประเทศรัสเซีย และฮอลแลนด์ ซึ่งต้องสอบสวนขยายผลต่อไปว่ามีใครร่วมขวนการบ้าง อย่างไรก็ตามขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาผู้ร่วมแก๊งได้เพิ่มอีก 3 คน มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ อยู่ระหว่างติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี