เกิดเหตุเผารถทัวร์ บริษัท 953 ทัวร์ วิ่งรับส่ง กทม.- ท่าช้าง แต่ไม่มีใครบาดเจ็บหรือเสียชีวิต คนขับบอกเคยมีเหตุขัดแย้งกับวินรถตู้ที่วิ่งในเส้นทางเดียวกัน คาดอาจมาจากเขม่นวิ่งทับเส้นทางกันเอง
วันนี้ (29 ก.พ.) เวลา 02.30 น.พ.ต.ท.เรวัตร จิตรเอื้อ พนักงานสอบสวน (สบ.2) สน.บางยี่ขัน รับแจ้งเหตุรถทัวร์ กรุงเทพฯ-ท่าช้าง ปรับอากาศชั้น 2 ถูกวางเพลิง บริเวณลานจอดรถหน้าอาคาร 1 สถานีขนส่งสายใต้ (เก่า) แขวงบางบำหรุ เขตบางกอกน้อย กทม.จึงรุดตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน
ที่เกิดเหตุพบรถทัวร์ของบริษัท 953 ทัวร์ วิ่งรับผู้โดยสารจาก กรุงเทพฯ-ท่าช้าง เป็นรถปรับอากาศชั้น 2 หมายเลขทะเบียน 10-1831 สุพรรณบุรี หมายเลขข้างรถ 953-7 ถูกเผาได้รับความเสียหายที่บริเวณด้านหลังตัวรถ แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
จากการสอบถาม นายสุนทร ศิลปะชัย อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 76 / 1 ม.5 ต.นางบวช อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี พนักงานขับรถ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนและกระเป๋ารถ ได้ขับรถเข้ามาจอดพักตั้งแต่เวลา 20.00 น.หลังจากนั้น ก็ไปอาบน้ำและมากินข้าวตามปกติ เมื่อถึงเวลาประมาณ 22.00 น.ก็เข้านอนโดยตนและกระเป๋ารถนอนอยู่บริเวณเบาะด้านหน้าของรถ จนกระทั่งคนขับรถอีกคันมาเคาะประตูเรียกบอกว่ารถไฟไห้ม จึงรีบออกมาจากรถและช่วยกันนำถังดับเพลิง และน้ำมาช่วยกันดับไฟ ซึ่งขณะที่หลับอยู่ตนไม่ได้กลิ่นควัน หรือรู้สึกได้ถึงสิ่งผิดปกติใดๆ
นายสุนทร กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ เคยมีเรื่องขัดแย้งกับวินรถตู้ที่วิ่งจังหวัดสุพรรณ เช่นเดียวกันมานานแล้ว โดยมีปัญหากันเรื่องการวิ่งทับเส้นทาง แต่รถตู้จะจอดรอผู้โดยสารอยู่ที่ บริเวณกองสลาก ก่อนหน้านี้รถทัวร์ปรับอากาศหมายเลข 5 ก็เคยถูกตีจนกระจกรถแตกมาแล้วแต่ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โต ซึ่งหลังจากที่เกิดเรื่องราวเคยพูดคุยตกลงกันกับวินรถตู้ว่าวินรถตู้จะต้องไม่จอดรับผู้โดยสารตามเส้นทาง เมื่อผู้โดยสารเต็มแล้วก็ให้ออกรถ แต่ก็ยังมีปัญหากันเรื่อยมา
ด้าน นายทนงศักดิ์ บุญคุ้ม อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่ 95 / 3 ม.4 ต.ปากน้ำ อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี พนักงานเก็บสตางค์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 25 ก.พ.ตนอยู่ระหว่างขับรถรับผู้โดยสารที่บริเวณลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ได้มีเรื่องชกต่อยกับคนขับรถตู้คนหนึ่ง เป็นรถตู้สีขาวไม่ทราบหมายเลขทะเบียน โดยวันที่เกิดเรื่องนั้นคนขับรถตู้ที่ขับอยู่เลนขวา กลับขับปาดซ้ายเข้ามาแย่งรับผู้โดยสาร ตนจึงลงจากรถเดินเข้าไปถามว่า “ขับรถปาดหน้ารับผู้โดยสารทำไม” คนขับรถตู้กลับตอบมาว่า “แล้วจะทำไม” ตนจึงเกิดโทสะชกหน้าคนขับรถตู้ไป 1 ที จนคนขับรถตู้ปิดกระจกและรีบขับรถออกไป ตนคิดว่าการลอบเผารถน่าจะมาจากสาเหตุดังกล่าว
“เมื่อคืนก่อนเข้านอนผมนั่งดื่มเบียร์อยู่บริเวณหลังรถ โดยเปิดประตูเอาไว้ แต่ไม่ได้นอนหลังรถหลังจากดื่มเสร็จแล้วก็ปิดประตูทั้งหมดและมานอนที่เบาะด้านหน้ากับคนขับ ถ้าหากผมนอนด้านหลังตัวรถผมก็อาจจะถูกไฟคลอกไปด้วย ถ้าหากสาเหตุเป็นเรื่องที่ผมไปชกต่อยกับคนขับรถตู้ก็น่าจะพูดกันดีๆ ไม่น่าจะทำกันขนาดนี้” นายทนงศักดิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบร่องรอยและเก็บชิ้นส่วนตัวของรถที่ถูกเผาจนลอกเอาไว้เป็นหลักฐาน และจะเรียกเจ้าของรถ คนขับ และกระเป๋ารถเมล์มาสอบปากคำ
วันนี้ (29 ก.พ.) เวลา 02.30 น.พ.ต.ท.เรวัตร จิตรเอื้อ พนักงานสอบสวน (สบ.2) สน.บางยี่ขัน รับแจ้งเหตุรถทัวร์ กรุงเทพฯ-ท่าช้าง ปรับอากาศชั้น 2 ถูกวางเพลิง บริเวณลานจอดรถหน้าอาคาร 1 สถานีขนส่งสายใต้ (เก่า) แขวงบางบำหรุ เขตบางกอกน้อย กทม.จึงรุดตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน
ที่เกิดเหตุพบรถทัวร์ของบริษัท 953 ทัวร์ วิ่งรับผู้โดยสารจาก กรุงเทพฯ-ท่าช้าง เป็นรถปรับอากาศชั้น 2 หมายเลขทะเบียน 10-1831 สุพรรณบุรี หมายเลขข้างรถ 953-7 ถูกเผาได้รับความเสียหายที่บริเวณด้านหลังตัวรถ แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
จากการสอบถาม นายสุนทร ศิลปะชัย อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 76 / 1 ม.5 ต.นางบวช อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี พนักงานขับรถ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนและกระเป๋ารถ ได้ขับรถเข้ามาจอดพักตั้งแต่เวลา 20.00 น.หลังจากนั้น ก็ไปอาบน้ำและมากินข้าวตามปกติ เมื่อถึงเวลาประมาณ 22.00 น.ก็เข้านอนโดยตนและกระเป๋ารถนอนอยู่บริเวณเบาะด้านหน้าของรถ จนกระทั่งคนขับรถอีกคันมาเคาะประตูเรียกบอกว่ารถไฟไห้ม จึงรีบออกมาจากรถและช่วยกันนำถังดับเพลิง และน้ำมาช่วยกันดับไฟ ซึ่งขณะที่หลับอยู่ตนไม่ได้กลิ่นควัน หรือรู้สึกได้ถึงสิ่งผิดปกติใดๆ
นายสุนทร กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ เคยมีเรื่องขัดแย้งกับวินรถตู้ที่วิ่งจังหวัดสุพรรณ เช่นเดียวกันมานานแล้ว โดยมีปัญหากันเรื่องการวิ่งทับเส้นทาง แต่รถตู้จะจอดรอผู้โดยสารอยู่ที่ บริเวณกองสลาก ก่อนหน้านี้รถทัวร์ปรับอากาศหมายเลข 5 ก็เคยถูกตีจนกระจกรถแตกมาแล้วแต่ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โต ซึ่งหลังจากที่เกิดเรื่องราวเคยพูดคุยตกลงกันกับวินรถตู้ว่าวินรถตู้จะต้องไม่จอดรับผู้โดยสารตามเส้นทาง เมื่อผู้โดยสารเต็มแล้วก็ให้ออกรถ แต่ก็ยังมีปัญหากันเรื่อยมา
ด้าน นายทนงศักดิ์ บุญคุ้ม อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่ 95 / 3 ม.4 ต.ปากน้ำ อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี พนักงานเก็บสตางค์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 25 ก.พ.ตนอยู่ระหว่างขับรถรับผู้โดยสารที่บริเวณลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ได้มีเรื่องชกต่อยกับคนขับรถตู้คนหนึ่ง เป็นรถตู้สีขาวไม่ทราบหมายเลขทะเบียน โดยวันที่เกิดเรื่องนั้นคนขับรถตู้ที่ขับอยู่เลนขวา กลับขับปาดซ้ายเข้ามาแย่งรับผู้โดยสาร ตนจึงลงจากรถเดินเข้าไปถามว่า “ขับรถปาดหน้ารับผู้โดยสารทำไม” คนขับรถตู้กลับตอบมาว่า “แล้วจะทำไม” ตนจึงเกิดโทสะชกหน้าคนขับรถตู้ไป 1 ที จนคนขับรถตู้ปิดกระจกและรีบขับรถออกไป ตนคิดว่าการลอบเผารถน่าจะมาจากสาเหตุดังกล่าว
“เมื่อคืนก่อนเข้านอนผมนั่งดื่มเบียร์อยู่บริเวณหลังรถ โดยเปิดประตูเอาไว้ แต่ไม่ได้นอนหลังรถหลังจากดื่มเสร็จแล้วก็ปิดประตูทั้งหมดและมานอนที่เบาะด้านหน้ากับคนขับ ถ้าหากผมนอนด้านหลังตัวรถผมก็อาจจะถูกไฟคลอกไปด้วย ถ้าหากสาเหตุเป็นเรื่องที่ผมไปชกต่อยกับคนขับรถตู้ก็น่าจะพูดกันดีๆ ไม่น่าจะทำกันขนาดนี้” นายทนงศักดิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบร่องรอยและเก็บชิ้นส่วนตัวของรถที่ถูกเผาจนลอกเอาไว้เป็นหลักฐาน และจะเรียกเจ้าของรถ คนขับ และกระเป๋ารถเมล์มาสอบปากคำ
