“เมียทนายสมชาย” ร้องดีเอสไออย่าเปลี่ยนชุดคุ้มครองพยาน หวั่นไม่ปลอดภัย ระบุ ชุดคุ้มครองพยานปัจจุบันดูแลดี “ดีเอสไอ” เตรียมขยายเวลาคุ้มครองเพิ่ม 1 ปี
วันนี้ (22 ก.พ.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นางอังคณา นีละไพจิตร ภรรยาของ นายสมชาย นีละไพจิตร ประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม และ นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน (ครส.) เข้าพบ นายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ เพื่อขอให้ทบทวนนโยบายการคุ้มครองพยาน ซึ่งกำลังจะมีการเปลี่ยนข้อบังคับให้มีการจัดตั้งศูนย์คุ้มครองพยาน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับตำรวจมาเป็นพนักงานคุ้มครองพยาน ซึ่งจะทำให้พยานและผู้เสียหาย ในคดีที่มีตำรวจตกเป็นผู้ต้องหาหรือผู้ต้องสงสัยเกิดความไม่มั่นใจในความปลอดภัย
พ.อ.ปิยะวัฒก์ กล่าวว่า ดีเอสไอ จะนำเรื่องการคุ้มครองพยานของนางอังคณา เข้าที่ประชุมคณะกรรมการคุ้มครองพยาน ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ เนื่องจากมีการแก้ไขระเบียบการคุ้มครองพยาน ซึ่งมีผลบังคับใช้วันที่ 1 มีนาคม 2551 ที่จะเปลี่ยนการคุ้มครองพยานจากสำนักคดีอาญาพิเศษ ไปสังกัดส่วนปฏิบัติการพิเศษ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานทั้งตำรวจ ทหาร และนางอังคณา เป็นห่วงไม่ต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาเป็นเจ้าหน้าที่คุ้มครองพยาน โดยนายสุนัย ได้ให้เสนอเรื่องเพื่อพิจารณากรณีของ นางอังคณา และพยานในคดีความมั่นคงทั้งหมด ให้ขยายระยะเวลาคุ้มครองพยานด้วยชุดเดิม เป็นเวลา 1 ปี
ด้าน นางอังคณา กล่าวว่า รู้สึกพอใจกับชุดคุ้มครองพยานในปัจจุบัน เพราะไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะพยานในคดีที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเกี่ยวข้อง ไม่ต้องการให้ตำรวจเข้ามาเป็นชุดคุ้มครอง ทั้งนี้วันนี้ตนยังได้สอบถามความคืบหน้าคดีการหายตัวไปของนายสมชาย ซึ่งมีความคืบหน้าไปมากเป็นที่น่าพอใจ อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้ดีเอสไอทบทวนระเบียบการคุ้มครองพยานซึ่งระเบียบเดิมดีอยู่แล้ว โดยสามารถพิจารณาเป็นรายกรณี
วันนี้ (22 ก.พ.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นางอังคณา นีละไพจิตร ภรรยาของ นายสมชาย นีละไพจิตร ประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม และ นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน (ครส.) เข้าพบ นายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ เพื่อขอให้ทบทวนนโยบายการคุ้มครองพยาน ซึ่งกำลังจะมีการเปลี่ยนข้อบังคับให้มีการจัดตั้งศูนย์คุ้มครองพยาน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับตำรวจมาเป็นพนักงานคุ้มครองพยาน ซึ่งจะทำให้พยานและผู้เสียหาย ในคดีที่มีตำรวจตกเป็นผู้ต้องหาหรือผู้ต้องสงสัยเกิดความไม่มั่นใจในความปลอดภัย
พ.อ.ปิยะวัฒก์ กล่าวว่า ดีเอสไอ จะนำเรื่องการคุ้มครองพยานของนางอังคณา เข้าที่ประชุมคณะกรรมการคุ้มครองพยาน ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ เนื่องจากมีการแก้ไขระเบียบการคุ้มครองพยาน ซึ่งมีผลบังคับใช้วันที่ 1 มีนาคม 2551 ที่จะเปลี่ยนการคุ้มครองพยานจากสำนักคดีอาญาพิเศษ ไปสังกัดส่วนปฏิบัติการพิเศษ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานทั้งตำรวจ ทหาร และนางอังคณา เป็นห่วงไม่ต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาเป็นเจ้าหน้าที่คุ้มครองพยาน โดยนายสุนัย ได้ให้เสนอเรื่องเพื่อพิจารณากรณีของ นางอังคณา และพยานในคดีความมั่นคงทั้งหมด ให้ขยายระยะเวลาคุ้มครองพยานด้วยชุดเดิม เป็นเวลา 1 ปี
ด้าน นางอังคณา กล่าวว่า รู้สึกพอใจกับชุดคุ้มครองพยานในปัจจุบัน เพราะไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะพยานในคดีที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเกี่ยวข้อง ไม่ต้องการให้ตำรวจเข้ามาเป็นชุดคุ้มครอง ทั้งนี้วันนี้ตนยังได้สอบถามความคืบหน้าคดีการหายตัวไปของนายสมชาย ซึ่งมีความคืบหน้าไปมากเป็นที่น่าพอใจ อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้ดีเอสไอทบทวนระเบียบการคุ้มครองพยานซึ่งระเบียบเดิมดีอยู่แล้ว โดยสามารถพิจารณาเป็นรายกรณี
