xs
xsm
sm
md
lg

“ดีเอสไอ” เตรียมตรวจสอบเงินบริจาคสร้างหนังพระไตรปิฎก!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

“ดีเอสไอ” เตรียมตรวจสอบเงินบริจาคสร้างหนังพระไตรปิฎก “สุนัย” ระบุ หากพบวิธีการเหมือนการจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว จะเข้าข่ายข้อหาฉ้อโกงประชาชน

วันนี้ (6 ก.พ.) เมื่อเวลา 11.00 น.ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) น.ส.ภควดี กองผาพา ผู้จัดการและประชาสัมพันธ์นักแสดงจากภาพยนตร์ เรื่องพระไตรปิฎก พร้อมด้วย นายทรรศชล หรือ โอวัน พงษ์ภควัต นายพิศนุ หรือ หนุ่ม ศรีไสว และ นายชาญวิทย์ หรือ ทอม วันทมิตร กลุ่มนักแสดงนำจากภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว เดินทางเข้าร้องทุกข์ต่อ นายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมสอบสวนคดีเศษ (ดีเอสไอ) และ พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผบ.สำนักคดีอาญา พร้อมนำหลักฐานแผ่นซีดี เอกสาร โปสเตอร์ และเลขที่บัญชีธนาคารทั้งหมด 8 บัญชี ให้ดีเอสไอตรวจสอบกรณี นายสนั่นพงษ์ สุขดี ผู้อำนวยการสร้าง “พระไตรปิฎก” ฉบับภาพยนตร์ กระทำผิดสัญญาว่าจ้าง ภายหลังผลิตแผ่นวีซีดีภาพยนตร์ตัวอย่าง ซึ่งมีความยาวเพียงเล็กน้อย แล้วนำตัวอย่างภาพยนตร์ไปเรี่ยไรเงินขอรับบริจาคจากจำนวน 150 บาท จากประชาชนทั่วไป โดยอ้างว่าจะนำเงินมาใช้เป็นทุนสร้างภาพยนตร์

น.ส.ภควดี กล่าวว่า โครงการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้เริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2550 มีนักแสดงรับบทเป็นอัครสาวกในภาพยนตร์ 12 คน แต่ทุกคนคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากในสัญญาว่าจ้างไม่ได้ระบุค่าแรง ช่วงแรกมีการถ่ายทำไปเพียงเล็กน้อยตามบทบาทของนักแสดงของแต่ละคน จากนั้นการถ่ายทำไม่มีความคืบหน้า แต่ผู้สร้างภาพยนตร์กลับนำภาพยนตร์ตัวอย่างที่เคยถ่ายทำไว้ไปเผยแพร่กับประชาชนทั่วไป เพื่อขอให้บริจาคเงินผ่านเข้าบัญชีธนาคาร ระบุว่า ขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนเป็นเจ้าภาพอุปถัมภ์สร้างพระไตรปิฎก ฉบับภาพยนตร์ 1 ตอน ราคา 150 บาท จะได้รับแผ่นวีซีดี 1 แผ่น ถ้าบริจาค 22,000 บาท จะได้รับหนังทั้งชุด จึงอยากให้ผู้สร้างออกมาชี้แจงเพื่อสร้างความกระจ่างในเรื่องนี้

ด้าน นายพิศนุ หรือ หนุ่ม ศรีไสว ดารานักแสดง กล่าวว่า กลุ่มนักแสดง มองว่า การจัดทำหนังเรื่องนี้ไม่โปร่งใส โดยเฉพาะการเรี่ยไรเงินรับบริจาคซื้อแผ่นซีดีหนังเรื่องนี้ ตนขอยืนยันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรี่ยไรแต่อย่างใด ต่อจากนี้อยากฝากให้ดีเอสไอช่วยตรวจสอบทุกเรื่องเพื่อความกระจ่างด้วย

ด้าน นายสุนัย กล่าวว่า หลังจากที่รับเรื่องร้องเรียนแล้ว ดีเอสไอจะเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นคาดว่าจะใช้เวลาตรวจสอบไม่นาน และจะต้องตรวจสอบเส้นทางการเบิกจ่ายเงินทั้ง 8 บัญชีตามที่มีการร้องเรียน ว่า มีการขอรับบริจาคจากประชาชน หากพบขั้นตอนและกระบวนการคล้ายกรณีพระสมเด็จเหนือหัว ก็จะเข้าข่ายการหลอกลวงฉ้อโกงประชาชน


กำลังโหลดความคิดเห็น