คนร้ายนำระเบิดที่ประดิษฐ์ขึ้นเองอย่างง่ายๆ แต่มีประสิทธิภาพไปวางไว้ที่หน้าบ้านข้าราชการบำนาญกระทรวงเสมา โชคดีเจ้าของบ้านมาเห็นก่อน เจ้าตัวระบุไม่ทราบสาเหตุ ขณะที่ตำรวจคาดเป็นแค่การข่มขู่เท่านั้น หากจะให้ระเบิดจริง จะต้องมีการจุดสายชนวนก่อน
วันนี้ (29 ม.ค.) เมื่อเวลา 08.00 น. ร.ต.ท.ปัญญา สันขามเดชา พนักงานสอบสวน (สบ.1) สน.โชคชัย รับแจ้งพบวัตถุต้องสงสัยบริเวณหน้าบ้านเลขที่ 107/41 หรือ 8/6 ซอยลาดพร้าว 93 ถนนลาดพร้าว แขวงวังทองหลาง เขตลาดพร้าว กทม.จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.สรรักษ์ จูสนิท ผกก.สส.บก.น.4 พ.ต.ท.เอกศิษฏ์ สุมานัส สว.สส.บก.น.4 พ.ต.ท.กำธร อุ้ยเจริญ รอง ผกก.กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจสอบวัตถุระเบิด บก.ตปพ. และเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มงานเก็บกู้และตรวจสอบวัตถุระเบิด บก.ตปพ.
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ปลูกอยู่ในเนื้อที่ประมาณ 50-60 ตารางวา บริเวณหน้าบ้านดังกล่าวเจ้าหน้าที่พบขวดนมพลาสติกสีขาว 1 ขวด ขนาดปริมาตร 450 ซีซี จากการตรวจสอบขวดนมดังกล่าวพบมีเทปกาวสีดำพันรอบขวด บริเวณปากขวดมีสายชนวนติดอยู่ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้เข้าไปตรวจสอบพบว่าภายในขวดได้บรรจุปุ๋ยยูเรีย น้ำมันเบนซิน และตะปู น้ำหนักรวมประมาณ 1 กิโลกรัม นอกจากนี้ ภายในขวดดังกล่าวเจ้าหน้าที่ยังพบขวดเครื่องดื่มยี่ห้อแฮงก์ 1 ขวด โดยภายในขวดบรรจุดินดำและมีสายชนวนยาวออกมาที่บริเวณปากขวด
จากการสอบสวน นายสุทธิพงษ์ ยมศรีเคน อายุ 70 ปี ข้าราชการบำนาญกระทรวงศึกษาธิการและเป็นเจ้าของบ้านหลังดังกล่าวให้การว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาซึ่งตนได้มาเดินออกกำลังกายบริเวณหน้าบ้านตามปกติ จากนั้นตนได้สังเกตเห็นว่ามีวัตถุวางอยู่ข้างกระถางต้นไม้หน้าบ้าน ตนจึงได้ไปหยิบมาดูและพบเป็นขวดนมพันด้วยเทปกาวดังกล่าว ตนจึงได้หยิบไปให้ลูกชายดูและถามว่าใช่ของลูกชายหรือไม่ ลูกชายของตนก็บอกว่าไม่ใช่ จากนั้นตนจึงได้แกะเทปกาวที่พันอยู่ปากขวดนมดูก็เห็นเป็นสายชนวนโผล่ออกมา ซึ่งตอนนั้นตนรู้สึกตกใจมากและได้นำวางขวดนมดังกล่าวมาวางไว้ที่เก่า ก่อนจะโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ
ด้าน พ.ต.ท.กำธร กล่าวว่า ระเบิดดังกล่าวเป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่อง หากสายชนวนลุกไหม้จะทำให้เกิดระเบิดขึ้น ซึ่งแรงระเบิดดังกล่าวจะทำให้ผู้ที่อยู่ในระยะ 2 เมตรได้รับอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ แต่ครั้งนี้ถือว่าโชคดีที่ระเบิดดังกล่าวไม่ได้ถูกจุดชนวน จึงทำให้ระเบิดไม่ทำงาน สำหรับระเบิดดังกล่าวเป็นระเบิดที่บุคคลทั่วไปก็สามารถทำได้ ไม่ใช่แต่เฉพาะผู้ที่มีความสามารถเฉพาะทางเท่านั้น เนื่องจากอุปกรณ์และส่วนประกอบสามารถหาได้ทั่วไป อีกทั้งยังสามารถนำมาประกอบได้ง่าย อย่างไรก็ตาม ตนจะส่งวัตถุระเบิดดังกล่าวไปให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอีกครั้งเพื่อหารอยนิ้วมือแฝงที่ติดอยู่กับขวดนมนั้น
ขณะที่ พ.ต.ท.เอกศิษฏ์ กล่าวว่า เบื้องต้นตนได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนเจ้าของบ้าน ผู้ที่เกี่ยวข้องและพยานแวดล้อมทั้งหมด ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่มุ่งไปที่ประเด็นใดประเด็นหนึ่ง สำหรับการก่อเหตุในครั้งนี้ตนเชื่อว่าคนร้ายคงต้องการข่มขู่เท่านั้น ซึ่งหากประสงค์ต่อชีวิตคนร้ายน่าจะจุดชนวนระเบิดไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่จะทำการสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาสาเหตุและตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
วันนี้ (29 ม.ค.) เมื่อเวลา 08.00 น. ร.ต.ท.ปัญญา สันขามเดชา พนักงานสอบสวน (สบ.1) สน.โชคชัย รับแจ้งพบวัตถุต้องสงสัยบริเวณหน้าบ้านเลขที่ 107/41 หรือ 8/6 ซอยลาดพร้าว 93 ถนนลาดพร้าว แขวงวังทองหลาง เขตลาดพร้าว กทม.จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.สรรักษ์ จูสนิท ผกก.สส.บก.น.4 พ.ต.ท.เอกศิษฏ์ สุมานัส สว.สส.บก.น.4 พ.ต.ท.กำธร อุ้ยเจริญ รอง ผกก.กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจสอบวัตถุระเบิด บก.ตปพ. และเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มงานเก็บกู้และตรวจสอบวัตถุระเบิด บก.ตปพ.
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ปลูกอยู่ในเนื้อที่ประมาณ 50-60 ตารางวา บริเวณหน้าบ้านดังกล่าวเจ้าหน้าที่พบขวดนมพลาสติกสีขาว 1 ขวด ขนาดปริมาตร 450 ซีซี จากการตรวจสอบขวดนมดังกล่าวพบมีเทปกาวสีดำพันรอบขวด บริเวณปากขวดมีสายชนวนติดอยู่ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้เข้าไปตรวจสอบพบว่าภายในขวดได้บรรจุปุ๋ยยูเรีย น้ำมันเบนซิน และตะปู น้ำหนักรวมประมาณ 1 กิโลกรัม นอกจากนี้ ภายในขวดดังกล่าวเจ้าหน้าที่ยังพบขวดเครื่องดื่มยี่ห้อแฮงก์ 1 ขวด โดยภายในขวดบรรจุดินดำและมีสายชนวนยาวออกมาที่บริเวณปากขวด
จากการสอบสวน นายสุทธิพงษ์ ยมศรีเคน อายุ 70 ปี ข้าราชการบำนาญกระทรวงศึกษาธิการและเป็นเจ้าของบ้านหลังดังกล่าวให้การว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาซึ่งตนได้มาเดินออกกำลังกายบริเวณหน้าบ้านตามปกติ จากนั้นตนได้สังเกตเห็นว่ามีวัตถุวางอยู่ข้างกระถางต้นไม้หน้าบ้าน ตนจึงได้ไปหยิบมาดูและพบเป็นขวดนมพันด้วยเทปกาวดังกล่าว ตนจึงได้หยิบไปให้ลูกชายดูและถามว่าใช่ของลูกชายหรือไม่ ลูกชายของตนก็บอกว่าไม่ใช่ จากนั้นตนจึงได้แกะเทปกาวที่พันอยู่ปากขวดนมดูก็เห็นเป็นสายชนวนโผล่ออกมา ซึ่งตอนนั้นตนรู้สึกตกใจมากและได้นำวางขวดนมดังกล่าวมาวางไว้ที่เก่า ก่อนจะโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ
ด้าน พ.ต.ท.กำธร กล่าวว่า ระเบิดดังกล่าวเป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่อง หากสายชนวนลุกไหม้จะทำให้เกิดระเบิดขึ้น ซึ่งแรงระเบิดดังกล่าวจะทำให้ผู้ที่อยู่ในระยะ 2 เมตรได้รับอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ แต่ครั้งนี้ถือว่าโชคดีที่ระเบิดดังกล่าวไม่ได้ถูกจุดชนวน จึงทำให้ระเบิดไม่ทำงาน สำหรับระเบิดดังกล่าวเป็นระเบิดที่บุคคลทั่วไปก็สามารถทำได้ ไม่ใช่แต่เฉพาะผู้ที่มีความสามารถเฉพาะทางเท่านั้น เนื่องจากอุปกรณ์และส่วนประกอบสามารถหาได้ทั่วไป อีกทั้งยังสามารถนำมาประกอบได้ง่าย อย่างไรก็ตาม ตนจะส่งวัตถุระเบิดดังกล่าวไปให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอีกครั้งเพื่อหารอยนิ้วมือแฝงที่ติดอยู่กับขวดนมนั้น
ขณะที่ พ.ต.ท.เอกศิษฏ์ กล่าวว่า เบื้องต้นตนได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนเจ้าของบ้าน ผู้ที่เกี่ยวข้องและพยานแวดล้อมทั้งหมด ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่มุ่งไปที่ประเด็นใดประเด็นหนึ่ง สำหรับการก่อเหตุในครั้งนี้ตนเชื่อว่าคนร้ายคงต้องการข่มขู่เท่านั้น ซึ่งหากประสงค์ต่อชีวิตคนร้ายน่าจะจุดชนวนระเบิดไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่จะทำการสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาสาเหตุและตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
