ปดส.บุกรวบ “สาวแสบ” เปิดบริษัทจัดหางานตุ๋นแรงงาน หลอกเงินคนละ 3.5 แสนว่าจะให้ไปทำงานที่เกาหลี ญี่ปุ่น เหยื่อหลงเชื่อหวังไปโกยเงินกลับประเทศ กลับโดนต้มปิดบริษัทหนี ตร.ตรวจยึดเก๋งป้ายแดง ตู้เซฟ และของกลางอื่นๆ อีก30 รายการ คาดมูลค่าความเสียหายจำนวนหลายสิบล้านบาท
วันนี้ (15 ม.ค.) เมื่อเวลา 08.00 น. พ.ต.อ.สุวิชญ์พล อิ่มใจรัชต์ รอง ผบก.ปดส. พ.ต.อ.ปัญญา ปิ่มสุข ผกก.3 บก.ปดส.และ พ.ต.ท.เสมอ ฉวีนวล พนักงาสอบสวน (สบ.3) บก.ปดส. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปดส.ประมาณ 20 นาย เจ้าหน้าที่กรมแรงงาน และเจ้าหน้าที่ ปปง.ได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดมีนบุรี เลขที่ 512/2551 ลงวันที่ 14 ม.ค.2551 เข้าตรวจค้นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น 67 ตารางวา เลขที่ 90/181 หมู่บ้านฟอร์ร่าวิวล์ พาร์คซิติ้ เฟส 1 ซอย 7 แขวงลำผักชี เขตหนองจอก กทม. หลังจากสืบทราบว่าบ้านหลังดังกล่าวมีผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงผู้อื่นมาหลบซ่อนตัวอยู่
จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่พบ น.ส.งามนัญ ทันกุศล อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับอาญาที่ 3645/2550 ลงวันที่ 13 ธ.ค.2550 ข้อหาร่วมกันจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันฉ้อโกงผู้อื่น ปลอมแปลงเอกสาร จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นภายในบ้านหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้เก็บรวบรวมเครื่องคอมพิวเตอร์ เอกสาร รถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ รุ่นอี 280 สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน 3ษ 3738 กทม. รถยนต์โตโยต้าวีออส สีบรอนซ์ ป้ายแดง หมายเลขทะเบียน ษ 7131 กทม. และตู้เซฟอีก 2 ตู้ และกระเป๋าเดินทางอีกจำนวนมาก รวมของกลางทั้งหมดประมาณ 30 รายการ
พ.ต.อ.สุวิชญ์พล กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ของสำนักจัดหางาน กทม.พื้นที่ 8 พร้อมด้วยผู้เสียหายจำนวน 31 คนได้เข้าแจ้งความที่ บก.ปดส.ว่าถูกบริษัท หจก.เมลเบิร์นแอนด์โอซาก้า ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 1112/121 ศูนย์การค้าพระโขนง ถ.สุขุมวิท ว่าถูกบริษัทดังกล่าวหลอกลวงจัดหางานให้ไปทำงานที่เกาหลี และญี่ปุ่น โดยก่อนหน้านี้มีผู้หลงเชื่อทั้งหมด 60 ราย โดยบริษัทดังกล่าวเก็บเงินค่าหัวคนละ 350,000 บาท และอ้างว่าจะส่งให้ไปทำงานเกี่ยวกับการคัดแยกอะไหล่รถยนต์ จากนั้นทางบริษัทได้พาผู้เสียหายทั้งหมดไปพักอาศัยที่บ้านพักย่านเทพารักษ์ โดยทางผู้ต้องหาอ้างว่าให้รออยู่ที่บ้านดังกล่าวเพื่อรอจะส่งตัวไปพร้อมของ คณะของ สนช.และส.ส.ที่จะเดินทางไปดูงานที่ประเทศญี่ปุ่น จากนั้นเมื่อไปถึงก็จะให้ผู้ต้องหาหลบหนีและให้ทำงานอยู่ที่นั้นเลยและจะได้ค่าแรงวันละ 2,900 บาท แต่เมื่อเวลาผ่านไปเป็นระยะเวลานนานไม่มีการติดต่อกลับมา จึงได้เดินทางเข้ามาที่บริษัทดังกล่าวและพบว่าบริษัทปิด จึงเดินทางเข้าร้องเรียนที่จัดหางานในวันที่ 8 ธ.ค.ก่อนเดินทางเข้าแจ้งความที่ ปดส.
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ ปดส.ได้นำผู้เสียหายทั้ง 31 คน สอบปากคำและสเกตช์ภาพคนร้ายออกมาและจับกุม น.ส.งามนัญได้ ซึ่งก่อนหน้านี้สามารถจับกุมเพื่อนร่วมขบวนการได้แล้ว 2 คน สำหรับ บ.เมลเบิร์นแอนด์โอซาก้า จดทะเบียนเป็น หจก.โดยใช้ชื่อของนายจักรสัณฑ์ ณ พัทลุง ตำแหน่งประธาน บ.เมลเบิร์นแอนด์โอซาก้า จากการตรวจสอบเบื้องต้นอาจจะมีการใช้ชื่อปลอมในการจดทะเบียน ส่วน น.ส.งามนัญ ได้เปลี่ยนชื่อจาก น.ส.ปณิตา เกียรติเจริญ ตำแหน่งเลขานุการ ทั้งนี้ มีรายงานว่า มูลค่าความเสียหายทั้งหมดนั้น มีเหยื่อจำนวนประมาณ 60 คน ต้องสูญเสียเงินคนละประมาณ 350,000 บาท ให้กับแก๊งต้มตุ๋นแก๊งนี้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะขยายผลและสอบสวนต่อไป
ต่อมา ที่บก.ปดส.เมื่อเวลา 14.00 น. พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ ผบก.ปดส. พร้อมด้วย พ.ต.ท.สุวิชญ์พล อิ่มใจรัตน์ รอง ผบก.ปดส. พ.ต.อ.ปัญญา ปิ่นสุข ผกก.3 บก.ปดส. ได้แถลงข่าวดังกล่าวอีกครั้ง โดยระบุว่า ตำรวจปดส.ได้จับกุม น.ส.งามนัญ หรือปณิตา หรือ โอ๋ เกียรติเจริญ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 90/180 หมู่บ้านฟอร์ล่าวิล ถ.สุวินทวงศ์ 38 แขวงลำผักชี เขตหนองจอก กทม. อดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข จ.สระแก้ว ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางานหรือส่งไปฝึกงานในต่างประเทศฯ, ฉ้อโกงทรัพย์โดยแสดงตนเป็นคนอื่น และร่วมกันจัดหางานให้คนงานเพื่อไปทำงานต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมของกลางรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน 3ษ 3738 กทม.ยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์เงิน ทะเบียนป้ายแดง เครื่องคอมพิวเตอร์ โทรทัศน์สี และเครื่องใช้ไฟฟ้าในสำนักงานจำนวนมาก
พล.ต.ต.วิมลกล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีผู้เสียหายจำนวน 59 ราย ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนของ บก.ปดส.ว่าได้ถูกนายจารุพัฒน์ ศิริกุลเดชพงษ์ อายุ 25 ปี ผู้จัดการของ หจก.เมลเบิร์นแอนด์โอซาก้า และพรรคพวกพวกคือนายจักรสัณฑ์ ณ พัทลุง น.ส.ปาณิตา หรือโอ๋ เกียรติเจริญ นายชานนท์ ไม่ทราบนามสกุล นายคำ ไม่ทราบนามสกุล นายอาจินต์ สินอินทร์ นายวิรัช ไม่ทราบนามสกุล และนายละมุล พิลาราช หลอกลวงว่าจะจัดหางานที่ประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย มูลค่าความเสียหายจำนวน 14,814,500 บาท จึงสืบสวนจนทราบว่า น.ส.งามนัญ เป็นบุคคลเดียวกับ น.ส.ปาณิตา และพักอาศัยอยู่ในบ้านเลขที่ 90/180 หมู่บ้านฟอร์ล่าวิล จึงได้วางแผนนำกำลังพร้อมหมายค้นศาลจังหวัดมีนบุรีบุกเข้าตรวจค้นจับกุมและยึดของทรัพย์สินต่าง ๆ มาดำเนินคดี
พล.ต.ต.วิมล กล่าวต่อว่า ขณะนี้ชุดสืบสวนพบข้อมูลว่า นายเมธิชัย ซึ่งเป็นตัวการสำคัญเคยถูกดำเนินคดีในข้อหาหลอกลวงแรงงานมาแล้วในท้องที่ สน.ลุมพินี และได้หลบหนีไปในระหว่างได้รับการประกันตัว โดยนายเมธิชัย กับพวก ยังคงเปิดบริษัทหลอกลวงแรงงานหลายครั้ง รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 14 ล้านบาท เมื่อได้รับเงินจากแรงงานแล้วก็จะปิดบริษัทหลบหนี โดยขนย้ายทรัพย์สินของบริษัทไปเก็บไว้ที่บ้านพักในหมู่บ้านฟอร์ล่าวิล เมื่อเรื่องเงียบหายก็จะเปิดบริษัทแห่งใหม่ โดยมีการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุลเสียใหม่ จึงอยากฝากเตือนแรงงานที่ต้องการเดินทางไปทำงานต่างประเทศให้ตรวจสอบข้อมูลบริษัทจัดหางานให้ถี่ถ้วน ด้วย
ด้าน น.ส.งามนัญ รับสารภาพว่า ได้ร่วมกับนายเมธิชัย ธรรมคุตต์ อายุ 55 ปี สามี เปิด หจก.เมลเบิร์น แอนด์ โอซาก้า โดยหลอกหาคนงานไปทำงานยังต่างประเทศ จริง
ส่วน นายวีรวัฒน์ เจิมเฉลิม อายุ 44 ปี ชาวจ.พะเยาว์ หนึ่งในผู้เสียหายซึ่งเข้าร่วมฟังการแถลงด้วยกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้มีผู้มาชักชวนถึงบ้าน เพื่อให้ไปทำงานเป็นช่างอะไหล่รถยนต์ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะมีเงินเดือนสูง แต่ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเป็นเงินถึง 345,000 บาท ก็เลยต้องไปกู้เงินนอกระบบมาเสียค่าใช้จ่ายดังกล่าว โดยแบ่งจ่ายป้น 2 งวด ต่อมาเมื่อขั้นตอนทำเอกสารเสร็จสิ้นแล้วทางบริษัทได้นัดให้ไปขึ้นเครื่องบินที่สนามบินสุวรรณภูมิ แต่เมื่อไปถึงสนามบินกลับติดต่อใครไม่ได้ จึงเข้าแจ้งความดังกล่าว
วันนี้ (15 ม.ค.) เมื่อเวลา 08.00 น. พ.ต.อ.สุวิชญ์พล อิ่มใจรัชต์ รอง ผบก.ปดส. พ.ต.อ.ปัญญา ปิ่มสุข ผกก.3 บก.ปดส.และ พ.ต.ท.เสมอ ฉวีนวล พนักงาสอบสวน (สบ.3) บก.ปดส. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปดส.ประมาณ 20 นาย เจ้าหน้าที่กรมแรงงาน และเจ้าหน้าที่ ปปง.ได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดมีนบุรี เลขที่ 512/2551 ลงวันที่ 14 ม.ค.2551 เข้าตรวจค้นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น 67 ตารางวา เลขที่ 90/181 หมู่บ้านฟอร์ร่าวิวล์ พาร์คซิติ้ เฟส 1 ซอย 7 แขวงลำผักชี เขตหนองจอก กทม. หลังจากสืบทราบว่าบ้านหลังดังกล่าวมีผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงผู้อื่นมาหลบซ่อนตัวอยู่
จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่พบ น.ส.งามนัญ ทันกุศล อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับอาญาที่ 3645/2550 ลงวันที่ 13 ธ.ค.2550 ข้อหาร่วมกันจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันฉ้อโกงผู้อื่น ปลอมแปลงเอกสาร จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นภายในบ้านหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้เก็บรวบรวมเครื่องคอมพิวเตอร์ เอกสาร รถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ รุ่นอี 280 สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน 3ษ 3738 กทม. รถยนต์โตโยต้าวีออส สีบรอนซ์ ป้ายแดง หมายเลขทะเบียน ษ 7131 กทม. และตู้เซฟอีก 2 ตู้ และกระเป๋าเดินทางอีกจำนวนมาก รวมของกลางทั้งหมดประมาณ 30 รายการ
พ.ต.อ.สุวิชญ์พล กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ของสำนักจัดหางาน กทม.พื้นที่ 8 พร้อมด้วยผู้เสียหายจำนวน 31 คนได้เข้าแจ้งความที่ บก.ปดส.ว่าถูกบริษัท หจก.เมลเบิร์นแอนด์โอซาก้า ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 1112/121 ศูนย์การค้าพระโขนง ถ.สุขุมวิท ว่าถูกบริษัทดังกล่าวหลอกลวงจัดหางานให้ไปทำงานที่เกาหลี และญี่ปุ่น โดยก่อนหน้านี้มีผู้หลงเชื่อทั้งหมด 60 ราย โดยบริษัทดังกล่าวเก็บเงินค่าหัวคนละ 350,000 บาท และอ้างว่าจะส่งให้ไปทำงานเกี่ยวกับการคัดแยกอะไหล่รถยนต์ จากนั้นทางบริษัทได้พาผู้เสียหายทั้งหมดไปพักอาศัยที่บ้านพักย่านเทพารักษ์ โดยทางผู้ต้องหาอ้างว่าให้รออยู่ที่บ้านดังกล่าวเพื่อรอจะส่งตัวไปพร้อมของ คณะของ สนช.และส.ส.ที่จะเดินทางไปดูงานที่ประเทศญี่ปุ่น จากนั้นเมื่อไปถึงก็จะให้ผู้ต้องหาหลบหนีและให้ทำงานอยู่ที่นั้นเลยและจะได้ค่าแรงวันละ 2,900 บาท แต่เมื่อเวลาผ่านไปเป็นระยะเวลานนานไม่มีการติดต่อกลับมา จึงได้เดินทางเข้ามาที่บริษัทดังกล่าวและพบว่าบริษัทปิด จึงเดินทางเข้าร้องเรียนที่จัดหางานในวันที่ 8 ธ.ค.ก่อนเดินทางเข้าแจ้งความที่ ปดส.
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ ปดส.ได้นำผู้เสียหายทั้ง 31 คน สอบปากคำและสเกตช์ภาพคนร้ายออกมาและจับกุม น.ส.งามนัญได้ ซึ่งก่อนหน้านี้สามารถจับกุมเพื่อนร่วมขบวนการได้แล้ว 2 คน สำหรับ บ.เมลเบิร์นแอนด์โอซาก้า จดทะเบียนเป็น หจก.โดยใช้ชื่อของนายจักรสัณฑ์ ณ พัทลุง ตำแหน่งประธาน บ.เมลเบิร์นแอนด์โอซาก้า จากการตรวจสอบเบื้องต้นอาจจะมีการใช้ชื่อปลอมในการจดทะเบียน ส่วน น.ส.งามนัญ ได้เปลี่ยนชื่อจาก น.ส.ปณิตา เกียรติเจริญ ตำแหน่งเลขานุการ ทั้งนี้ มีรายงานว่า มูลค่าความเสียหายทั้งหมดนั้น มีเหยื่อจำนวนประมาณ 60 คน ต้องสูญเสียเงินคนละประมาณ 350,000 บาท ให้กับแก๊งต้มตุ๋นแก๊งนี้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะขยายผลและสอบสวนต่อไป
ต่อมา ที่บก.ปดส.เมื่อเวลา 14.00 น. พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ ผบก.ปดส. พร้อมด้วย พ.ต.ท.สุวิชญ์พล อิ่มใจรัตน์ รอง ผบก.ปดส. พ.ต.อ.ปัญญา ปิ่นสุข ผกก.3 บก.ปดส. ได้แถลงข่าวดังกล่าวอีกครั้ง โดยระบุว่า ตำรวจปดส.ได้จับกุม น.ส.งามนัญ หรือปณิตา หรือ โอ๋ เกียรติเจริญ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 90/180 หมู่บ้านฟอร์ล่าวิล ถ.สุวินทวงศ์ 38 แขวงลำผักชี เขตหนองจอก กทม. อดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข จ.สระแก้ว ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางานหรือส่งไปฝึกงานในต่างประเทศฯ, ฉ้อโกงทรัพย์โดยแสดงตนเป็นคนอื่น และร่วมกันจัดหางานให้คนงานเพื่อไปทำงานต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมของกลางรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน 3ษ 3738 กทม.ยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์เงิน ทะเบียนป้ายแดง เครื่องคอมพิวเตอร์ โทรทัศน์สี และเครื่องใช้ไฟฟ้าในสำนักงานจำนวนมาก
พล.ต.ต.วิมลกล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีผู้เสียหายจำนวน 59 ราย ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนของ บก.ปดส.ว่าได้ถูกนายจารุพัฒน์ ศิริกุลเดชพงษ์ อายุ 25 ปี ผู้จัดการของ หจก.เมลเบิร์นแอนด์โอซาก้า และพรรคพวกพวกคือนายจักรสัณฑ์ ณ พัทลุง น.ส.ปาณิตา หรือโอ๋ เกียรติเจริญ นายชานนท์ ไม่ทราบนามสกุล นายคำ ไม่ทราบนามสกุล นายอาจินต์ สินอินทร์ นายวิรัช ไม่ทราบนามสกุล และนายละมุล พิลาราช หลอกลวงว่าจะจัดหางานที่ประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย มูลค่าความเสียหายจำนวน 14,814,500 บาท จึงสืบสวนจนทราบว่า น.ส.งามนัญ เป็นบุคคลเดียวกับ น.ส.ปาณิตา และพักอาศัยอยู่ในบ้านเลขที่ 90/180 หมู่บ้านฟอร์ล่าวิล จึงได้วางแผนนำกำลังพร้อมหมายค้นศาลจังหวัดมีนบุรีบุกเข้าตรวจค้นจับกุมและยึดของทรัพย์สินต่าง ๆ มาดำเนินคดี
พล.ต.ต.วิมล กล่าวต่อว่า ขณะนี้ชุดสืบสวนพบข้อมูลว่า นายเมธิชัย ซึ่งเป็นตัวการสำคัญเคยถูกดำเนินคดีในข้อหาหลอกลวงแรงงานมาแล้วในท้องที่ สน.ลุมพินี และได้หลบหนีไปในระหว่างได้รับการประกันตัว โดยนายเมธิชัย กับพวก ยังคงเปิดบริษัทหลอกลวงแรงงานหลายครั้ง รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 14 ล้านบาท เมื่อได้รับเงินจากแรงงานแล้วก็จะปิดบริษัทหลบหนี โดยขนย้ายทรัพย์สินของบริษัทไปเก็บไว้ที่บ้านพักในหมู่บ้านฟอร์ล่าวิล เมื่อเรื่องเงียบหายก็จะเปิดบริษัทแห่งใหม่ โดยมีการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุลเสียใหม่ จึงอยากฝากเตือนแรงงานที่ต้องการเดินทางไปทำงานต่างประเทศให้ตรวจสอบข้อมูลบริษัทจัดหางานให้ถี่ถ้วน ด้วย
ด้าน น.ส.งามนัญ รับสารภาพว่า ได้ร่วมกับนายเมธิชัย ธรรมคุตต์ อายุ 55 ปี สามี เปิด หจก.เมลเบิร์น แอนด์ โอซาก้า โดยหลอกหาคนงานไปทำงานยังต่างประเทศ จริง
ส่วน นายวีรวัฒน์ เจิมเฉลิม อายุ 44 ปี ชาวจ.พะเยาว์ หนึ่งในผู้เสียหายซึ่งเข้าร่วมฟังการแถลงด้วยกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้มีผู้มาชักชวนถึงบ้าน เพื่อให้ไปทำงานเป็นช่างอะไหล่รถยนต์ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะมีเงินเดือนสูง แต่ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเป็นเงินถึง 345,000 บาท ก็เลยต้องไปกู้เงินนอกระบบมาเสียค่าใช้จ่ายดังกล่าว โดยแบ่งจ่ายป้น 2 งวด ต่อมาเมื่อขั้นตอนทำเอกสารเสร็จสิ้นแล้วทางบริษัทได้นัดให้ไปขึ้นเครื่องบินที่สนามบินสุวรรณภูมิ แต่เมื่อไปถึงสนามบินกลับติดต่อใครไม่ได้ จึงเข้าแจ้งความดังกล่าว