รถเมล์อีกแล้ว! คราวนี้เมล์ปรับอากาศสาย 183 พุ่งชนป้อมตำรวจจราจรบริเวณแยกไฟแดงถนนเพชรเกษม เล่นเอาตำรวจที่ปฏิบัติงานอยู่ในป้อมบาดเจ็บสาหัส สารภาพอ้างหลับในหักเลี้ยวไม่ทัน โชคยังดีไม่มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ
วันนี้ (11 ม.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ร.ต.ท.ชาญชัย ลีประโคน ร้อยเวร สน.เพชรเกษม รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถโดยสารประจำทางเสียหลักพุ่งชนป้อมตำรวจจราจร ทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บติดอยู่ในใต้ซากปรักพักพัง บริเวณสามแยกเพชรเกษมตัดพุทธมณฑลสาย 2 แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม พ.ต.ท.กฤต วงษ์อินทร์ สว.จร.สน.หลักสอง และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรสน.หลักสอง
ที่เกิดเหตุอยู่ริมถนนเพชเกษมขาออก หน้าสำนักงานขายหมู่บ้านทิพธนา เจ้าหน้าที่พบรถโดยสารประจำทางร่วมบริการ สาย 183 หมายเลขทะเบียน 13-7743 กทม.เลขข้างรถ 183-23 วิ่งระหว่างอ้อมใหญ่ - อนุสาวรีย์ชัยฯ ซึ่งเป็นของบริษัทวังศกาญจน์กิจ พุ่งชนป้อมตำรวจจราจรดังกล่าวจนพังยับเยินไม่มีชิ้นดี ข้างรถพบนายสุวิทย์ ชินบุตร อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29 หมู่ 9 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โชเฟอร์รถโดยสารคันดังกล่าว ยืนรอให้การอยู่ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวมาสอบปากคำที่สน.เพชรเกษม
จากการตรวจสอบภายในใต้ซากปรักหักพังดังกล่าว เจ้าหน้าที่พบร่าง จ.ส.ต.วรุณพงษ์ หาญจิต ผบ.หมู่ จร.สน.หลักสอง ถูกเศษปูนทับอยู่ เจ้าหน้าที่และพลเมืองดีจึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลเกษมราฏร์บางแค เบื้องต้นพบว่า ใต้ริมฝีปากขวา ถูกเศษกระจกบาด เย็บ 5 เข็ม แผ่นหลังด้านขวาถูกเศษกระจกบาดเย็บ 2 เข็ม ฟันปลอมกระเด็นหายไป 3 ซี่ ศีรษะด้านขวาบวมปูด ตามลำตัวถูกเศษกระจกบาดเป็นแผลถลอกอีหลายแห่ง
จากการสอบสวนนายประชา คงใจ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 151 ซอยเพชรเกษม 55/2 แขงบางแคเหนือ เขตบางแค พ่อค้าขายสบู่สมุนไพร ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนกำลังยืนขายของอยู่ข้ามป้อมที่เกิดเหตุดังกล่าว ก็เห็นรถฝั่งถนนพุทธมณฑลสาย 2 ขับเลี้ยวขวาเข้าถนนเพชรเกษมตามปกติทุกคัน แต่อยู่ดีๆ รถโดยสารคันดังกล่าวก็พุ่งตรงมาชนป้อมตำรวจทันทีจนป้อมพังยับเยิน ตนจึงรีบเข้าไปช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจออกมาจากป้อมนำส่งโรงพยาบาล
ด้าน จ.ส.ต.วรุณพงษ์ กล่าวว่า ตนเองเข้าเวรตั้งแต่ช่วง 05.00 น.จากนั้นเวลาประมาณ 06.00 น.ตนเองก้ออกมาปฏิบัตหน้าที่อยู่ที่ป้อมดังกล่าวตามปกติ จนกระทั่งช่วงเกิดเหตุเป็นช่วงที่เปิดไฟเขียวด้านถนนพุทธมณฑลสาย 2 มุ่งหน้าเพชรเกษมมาได้ประมาณ 4 วินาที ก็เปลี่ยนไปกดเป็นสัญญาณไฟเหลือง โดยแต่ก็มีรถติดพันวิ่งตามออกมา 2 คัน คือรถเก๋ง และรถโดยสารคันดังกล่าว โดยรถเก่งเลี้ยวขวาไปตามปกติ แต่รถโดยสารกลับพุ่งตรงเข้ามาที่ป้อมชนพังยับเยินทำให้ตนเองติดอยู่ในป้อมดังกล่าว จนกระทั่งมาคนมาช่วยพอดี
ด้านนายสุวิทย์ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงเช้ามืดก็มาทำงานตามปกติ โดยขับรถออกจากอู่เทียนดัด รับผู้โดยสารขับไปส่งจนหมดระยะอนุสาวรีย์ชัย จากนั้นก็ขับรถกลับมาเพื่อจะมุ่งหน้าเข้าอู่ โดยภายในรถมีผู้โดยสารประมาณ 4 คน เมื่อมาถึงใกล้กับสามแยกจุดเกิดเหตุก็จอดรถติดไฟแดงอยู่ ตอนนั้นก็เริ่มรู้สึกเคลิ้มแต่ยังไม่หลับ จนกระทั่งเมื่อได้สัญญาณไฟเขียวตนก็ขับรถออกมา แต่มารู้สึกวูบไปจนมารู้สึกตัวอีกทีรถก็พุ่งชนป้อมจราจรจนพังแล้ว ตนเลยลงมารอมอบตัวด้านล่าง
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายสุวิทย์ มาตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ แต่ไม่พบแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของทางราชการเสียหาย และมีผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ก่อนนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้าน พ.ต.ท.กฤต วงษ์อินทร์ สว.จร.สน.หลักสอง เปิดเผยว่า ภายหลังได้รับแจ้งเหตุได้เข้าไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุทันทีและพบว่าป้อมควบคุมสัญญาณไฟจราจรถูกรถเมล์คันดังกล่าวพุ่งชนพังยับเยิน ในเบื้องต้นเข้าใจว่ารถเมล์น่าจะเร่งหนีสัญญาณไฟเหลืองแต่หักเลี้ยวไม่พ้นเลยพุ่งเข้าชนป้อมจราจร
พ.ต.ท.กฤต กล่าวต่อว่า จากการสอบถามคนขับรถเมล์คันดังกล่าวให้การว่าจังหวะที่ขับมาถึงจุดเกิดเหตุ เกิดอาการหลับในทำให้รถพุ่งเข้าชนป้อมจราจร แต่โชคดีที่ไม่มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ในส่วนของ จ.ส.ต.วรุณพงศ์ หารจิต เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.หลักสอง ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เบื้องต้นได้รับรายงานว่า จ.ส.ต.วรุณพงศ์ ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณหน้ามีอาการบวม ศีรษะบวม ฟันหัก 3 ซี่ มีแผลถลอกที่บริเวณหลัง อาการอยู่ในขั้นปลอดภัย ส่วนตัวของคนขับรถโดยสารนั้นได้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนควบคุมตัวไปดำเนินคดีต่อไป
วันนี้ (11 ม.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ร.ต.ท.ชาญชัย ลีประโคน ร้อยเวร สน.เพชรเกษม รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถโดยสารประจำทางเสียหลักพุ่งชนป้อมตำรวจจราจร ทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บติดอยู่ในใต้ซากปรักพักพัง บริเวณสามแยกเพชรเกษมตัดพุทธมณฑลสาย 2 แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม พ.ต.ท.กฤต วงษ์อินทร์ สว.จร.สน.หลักสอง และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรสน.หลักสอง
ที่เกิดเหตุอยู่ริมถนนเพชเกษมขาออก หน้าสำนักงานขายหมู่บ้านทิพธนา เจ้าหน้าที่พบรถโดยสารประจำทางร่วมบริการ สาย 183 หมายเลขทะเบียน 13-7743 กทม.เลขข้างรถ 183-23 วิ่งระหว่างอ้อมใหญ่ - อนุสาวรีย์ชัยฯ ซึ่งเป็นของบริษัทวังศกาญจน์กิจ พุ่งชนป้อมตำรวจจราจรดังกล่าวจนพังยับเยินไม่มีชิ้นดี ข้างรถพบนายสุวิทย์ ชินบุตร อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29 หมู่ 9 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โชเฟอร์รถโดยสารคันดังกล่าว ยืนรอให้การอยู่ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวมาสอบปากคำที่สน.เพชรเกษม
จากการตรวจสอบภายในใต้ซากปรักหักพังดังกล่าว เจ้าหน้าที่พบร่าง จ.ส.ต.วรุณพงษ์ หาญจิต ผบ.หมู่ จร.สน.หลักสอง ถูกเศษปูนทับอยู่ เจ้าหน้าที่และพลเมืองดีจึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลเกษมราฏร์บางแค เบื้องต้นพบว่า ใต้ริมฝีปากขวา ถูกเศษกระจกบาด เย็บ 5 เข็ม แผ่นหลังด้านขวาถูกเศษกระจกบาดเย็บ 2 เข็ม ฟันปลอมกระเด็นหายไป 3 ซี่ ศีรษะด้านขวาบวมปูด ตามลำตัวถูกเศษกระจกบาดเป็นแผลถลอกอีหลายแห่ง
จากการสอบสวนนายประชา คงใจ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 151 ซอยเพชรเกษม 55/2 แขงบางแคเหนือ เขตบางแค พ่อค้าขายสบู่สมุนไพร ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนกำลังยืนขายของอยู่ข้ามป้อมที่เกิดเหตุดังกล่าว ก็เห็นรถฝั่งถนนพุทธมณฑลสาย 2 ขับเลี้ยวขวาเข้าถนนเพชรเกษมตามปกติทุกคัน แต่อยู่ดีๆ รถโดยสารคันดังกล่าวก็พุ่งตรงมาชนป้อมตำรวจทันทีจนป้อมพังยับเยิน ตนจึงรีบเข้าไปช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจออกมาจากป้อมนำส่งโรงพยาบาล
ด้าน จ.ส.ต.วรุณพงษ์ กล่าวว่า ตนเองเข้าเวรตั้งแต่ช่วง 05.00 น.จากนั้นเวลาประมาณ 06.00 น.ตนเองก้ออกมาปฏิบัตหน้าที่อยู่ที่ป้อมดังกล่าวตามปกติ จนกระทั่งช่วงเกิดเหตุเป็นช่วงที่เปิดไฟเขียวด้านถนนพุทธมณฑลสาย 2 มุ่งหน้าเพชรเกษมมาได้ประมาณ 4 วินาที ก็เปลี่ยนไปกดเป็นสัญญาณไฟเหลือง โดยแต่ก็มีรถติดพันวิ่งตามออกมา 2 คัน คือรถเก๋ง และรถโดยสารคันดังกล่าว โดยรถเก่งเลี้ยวขวาไปตามปกติ แต่รถโดยสารกลับพุ่งตรงเข้ามาที่ป้อมชนพังยับเยินทำให้ตนเองติดอยู่ในป้อมดังกล่าว จนกระทั่งมาคนมาช่วยพอดี
ด้านนายสุวิทย์ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงเช้ามืดก็มาทำงานตามปกติ โดยขับรถออกจากอู่เทียนดัด รับผู้โดยสารขับไปส่งจนหมดระยะอนุสาวรีย์ชัย จากนั้นก็ขับรถกลับมาเพื่อจะมุ่งหน้าเข้าอู่ โดยภายในรถมีผู้โดยสารประมาณ 4 คน เมื่อมาถึงใกล้กับสามแยกจุดเกิดเหตุก็จอดรถติดไฟแดงอยู่ ตอนนั้นก็เริ่มรู้สึกเคลิ้มแต่ยังไม่หลับ จนกระทั่งเมื่อได้สัญญาณไฟเขียวตนก็ขับรถออกมา แต่มารู้สึกวูบไปจนมารู้สึกตัวอีกทีรถก็พุ่งชนป้อมจราจรจนพังแล้ว ตนเลยลงมารอมอบตัวด้านล่าง
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายสุวิทย์ มาตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ แต่ไม่พบแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของทางราชการเสียหาย และมีผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ก่อนนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้าน พ.ต.ท.กฤต วงษ์อินทร์ สว.จร.สน.หลักสอง เปิดเผยว่า ภายหลังได้รับแจ้งเหตุได้เข้าไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุทันทีและพบว่าป้อมควบคุมสัญญาณไฟจราจรถูกรถเมล์คันดังกล่าวพุ่งชนพังยับเยิน ในเบื้องต้นเข้าใจว่ารถเมล์น่าจะเร่งหนีสัญญาณไฟเหลืองแต่หักเลี้ยวไม่พ้นเลยพุ่งเข้าชนป้อมจราจร
พ.ต.ท.กฤต กล่าวต่อว่า จากการสอบถามคนขับรถเมล์คันดังกล่าวให้การว่าจังหวะที่ขับมาถึงจุดเกิดเหตุ เกิดอาการหลับในทำให้รถพุ่งเข้าชนป้อมจราจร แต่โชคดีที่ไม่มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ในส่วนของ จ.ส.ต.วรุณพงศ์ หารจิต เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.หลักสอง ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เบื้องต้นได้รับรายงานว่า จ.ส.ต.วรุณพงศ์ ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณหน้ามีอาการบวม ศีรษะบวม ฟันหัก 3 ซี่ มีแผลถลอกที่บริเวณหลัง อาการอยู่ในขั้นปลอดภัย ส่วนตัวของคนขับรถโดยสารนั้นได้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนควบคุมตัวไปดำเนินคดีต่อไป