กรมศุลกากรโชว์ผลงานรับปีใหม่ แถลงจับสินค้าหนีภาษียาสูบ “บาระกู่” มูลค่า 1.24 ล้าน ลักลอบนำมาขายให้วัยรุ่นในกรุงเทพฯ พร้อมด้วยสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา นาฬิกา กระเป๋ายี่ห้อดัง และสินค้าอื่นอีกรายการ รวมมูลค่ากว่า 11 ล้านบาท
วันนี้ (10 ม.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ อธิบดีกรมศุลกากร นายเสรี ไทยจงรักษ์ ผอ.ส่วนสืบสวนปราบปราม 1 นายวิจักษณ์ อภิรักษ์นันท์ชัย ผอ.สืบสวบปราบปราม 2 แถลงข่าวจับกุมยาสูบประเภทบาระกู่ สินค้าลักลอบหนีภาษีและสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา มูลค่าประมาณ 11.2 ล้านบาท
นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า หลังจากที่ตนได้มอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรทุกหน่วยเร่งดำเนินการจับกุมสินค้าลักลอบหนีภาษี สินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา สินค้าที่มีปัญหาต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ โดยได้กำชับให้เร่งปราบปรามอย่างเข้มงวด ซึ่งในครั้งนี้สามารถจับกุมยาสูบ ประเภท บาระกู่ น้ำหนักประมาณ 248 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 1.24 ล้านบาท โดยการจับกุมครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจค้นรถโดยสารประจำทางปรับอากาศวิ่งระหว่างด่านนอก หาดใหญ่ถึงกรุงเทพฯ และรถโดยสารประจำทางปรับอากาศวิ่งระหว่างสุไหงโก-ลกถึงกรุงเทพฯ ก่อนที่จะพบยาสูบหนีภาษีดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้ที่ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ สำหรับยาสูบดังกล่าวกำลังที่เป็นที่นิยมของกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่มักจะนำมาเสพตามสถานบันเทิงต่างๆ โดยจะจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 5,000 บาท อย่างไรก็ตาม ยาสูบที่จับกุมได้ทั้งหมดเจ้าหน้าที่จะส่งให้ทาง บช.ปส.ดำเนินการต่อไป
นายวิสุทธิ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังสามารถจับกุมไหมดิบหนีภาษีจำนวน 1,000 กิโลกรัม นาฬิกา กระเป๋าถือสตรี ยี่ห้อโรเล็กซ์ โอเมก้า ชาเนล ดีแอนด์จี และพราด้า เป็นต้น มูลค่าประมาณ 8 ล้านบาท สำหรับสินค้าดังกล่าวได้ถูกซุกซ่อนในรถบรรทุก 6 ล้อ หมายเลขทะเบียน 80-2926 นครพนม โดยมีนายสมใจ หาญชนะ เป็นผู้ขับขี่ ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้ที่บริเวณริมถนนสาย 212 ก่อนถึงที่ว่าการอำเภอเลิงนกทา จ.ยโสธร
อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรยังสามารถจับกุมโทรศัพท์มือถือ แท่นชาร์จ สายชาร์จโทรศัพท์ หูฟังโทรศัพท์ยี่ห้อโนเกีย โซนี่อีริคส์สัน มูลค้าประมาณ 2 ล้านบาท โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้ที่อาคารเลขที่ 73/19 แขวงวัดเทพศิรินทร์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม. โดยมี น.ส.นัดดา วิจิราม รับเป็นเจ้าของ อย่างไรก็ตาม ในการจับกุมทั้ง 3 ราย ถือเป็นความผิดฐานนำของที่ไม่ได้เสียภาษี ของต้องห้าม ต้องจำกัดเข้ามาในราชอาณาจักร หรือรับรองไว้ด้วยประการใด ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่จะนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงภาษีอากร ข้อห้าม ขอจำกัด อันเป็นความผิดตามมาตรา 27 และ27 ทวิ พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 ประกอบมาตรา 16 และ 17 พ.ร.บ.ศุลกากร (ฉบับ 9) พ.ศ.2482 ประกอบมาตรา 108-110 พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ส.2534 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสินค้าที่จับกุมได้ในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ก็จะนำไปทำลายต่อไป
วันนี้ (10 ม.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ อธิบดีกรมศุลกากร นายเสรี ไทยจงรักษ์ ผอ.ส่วนสืบสวนปราบปราม 1 นายวิจักษณ์ อภิรักษ์นันท์ชัย ผอ.สืบสวบปราบปราม 2 แถลงข่าวจับกุมยาสูบประเภทบาระกู่ สินค้าลักลอบหนีภาษีและสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา มูลค่าประมาณ 11.2 ล้านบาท
นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า หลังจากที่ตนได้มอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรทุกหน่วยเร่งดำเนินการจับกุมสินค้าลักลอบหนีภาษี สินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา สินค้าที่มีปัญหาต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ โดยได้กำชับให้เร่งปราบปรามอย่างเข้มงวด ซึ่งในครั้งนี้สามารถจับกุมยาสูบ ประเภท บาระกู่ น้ำหนักประมาณ 248 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 1.24 ล้านบาท โดยการจับกุมครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจค้นรถโดยสารประจำทางปรับอากาศวิ่งระหว่างด่านนอก หาดใหญ่ถึงกรุงเทพฯ และรถโดยสารประจำทางปรับอากาศวิ่งระหว่างสุไหงโก-ลกถึงกรุงเทพฯ ก่อนที่จะพบยาสูบหนีภาษีดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้ที่ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ สำหรับยาสูบดังกล่าวกำลังที่เป็นที่นิยมของกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่มักจะนำมาเสพตามสถานบันเทิงต่างๆ โดยจะจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 5,000 บาท อย่างไรก็ตาม ยาสูบที่จับกุมได้ทั้งหมดเจ้าหน้าที่จะส่งให้ทาง บช.ปส.ดำเนินการต่อไป
นายวิสุทธิ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังสามารถจับกุมไหมดิบหนีภาษีจำนวน 1,000 กิโลกรัม นาฬิกา กระเป๋าถือสตรี ยี่ห้อโรเล็กซ์ โอเมก้า ชาเนล ดีแอนด์จี และพราด้า เป็นต้น มูลค่าประมาณ 8 ล้านบาท สำหรับสินค้าดังกล่าวได้ถูกซุกซ่อนในรถบรรทุก 6 ล้อ หมายเลขทะเบียน 80-2926 นครพนม โดยมีนายสมใจ หาญชนะ เป็นผู้ขับขี่ ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้ที่บริเวณริมถนนสาย 212 ก่อนถึงที่ว่าการอำเภอเลิงนกทา จ.ยโสธร
อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรยังสามารถจับกุมโทรศัพท์มือถือ แท่นชาร์จ สายชาร์จโทรศัพท์ หูฟังโทรศัพท์ยี่ห้อโนเกีย โซนี่อีริคส์สัน มูลค้าประมาณ 2 ล้านบาท โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้ที่อาคารเลขที่ 73/19 แขวงวัดเทพศิรินทร์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม. โดยมี น.ส.นัดดา วิจิราม รับเป็นเจ้าของ อย่างไรก็ตาม ในการจับกุมทั้ง 3 ราย ถือเป็นความผิดฐานนำของที่ไม่ได้เสียภาษี ของต้องห้าม ต้องจำกัดเข้ามาในราชอาณาจักร หรือรับรองไว้ด้วยประการใด ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่จะนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงภาษีอากร ข้อห้าม ขอจำกัด อันเป็นความผิดตามมาตรา 27 และ27 ทวิ พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 ประกอบมาตรา 16 และ 17 พ.ร.บ.ศุลกากร (ฉบับ 9) พ.ศ.2482 ประกอบมาตรา 108-110 พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ส.2534 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสินค้าที่จับกุมได้ในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ก็จะนำไปทำลายต่อไป