xs
xsm
sm
md
lg

ตร.ยัน “ไอ้แบงก์” ถูกคนร้ายยิงทิ้งตัดตอน ไม่ใช่วิสามัญฯ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

“ไอ้แบงก์” กับพวกรวม 3 คน กลายเป็นศพถูกยิงทิ้งอยู่ริมถนน ตำรวจยันไม่ใช่การวิสามัญฆาตกรรม แต่ถูกคนร้ายในก๊วนเดียวกันสังหาร เชื่ออาจถูกฆ่าตัดตอนเพราะหวั่นหากถูกจับกุมพรรคพวกอาจเดือดร้อนได้ จึงชิงลงมือยิงทิ้งตัดตอนเสีย ขณะที่แม่ผู้ตายเชื่อลูกชายถูกลวงไปยิงทิ้ง

วันนี้ (10 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าในการติดตามจับกุม นายอัครพล หรือแบงก์ สำเภา อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับที่ก่อเหตุยิงตำรวจ สภ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เสียชีวิตรวม 3 ศพ ขณะบุกเข้าจับกุมว่า ล่าสุดมีผู้พบศพนายอัครพลกับพวกอีก 2 คน ประกอบด้วย นายมงคล หรือหมง ยาตาล อายุ 20 ปี และนายนคร แว่นจันทร์เขต ถูกยิงเสียชีวิตบริเวณถนนเลียบคลองชลประทาน หมู่ที่ 2 ต.บ้านหีบ อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา โดยในที่เกิดเหตุพบเพียงรถจักรยานยนต์ 2 คัน และอาวุธปืนในตัวผู้ตายเท่านั้น

พ.ต.อ.สุเมธ ธัชเสนีย์ ผกก.สภ.อุทัย เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวตำรวจได้รับแจ้งเหตุเมื่อเวลาประมาณ 04.00 น.วันนี้ว่ามีผู้พบศพเสียชีวิตบริเวณดังกล่าวจึงไปตรวจสอบ ปรากฏว่าหนึ่งในผู้เสียชีวิตคือ นายอัครพล หรือแบงก์ ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุยิงตำรวจเสียชีวิต 3 ศพ ซึ่งจากการตรวจสอบสภาพศพและที่เกิดเหตุนั้น ผู้เสียชีวิตถูกคนร้ายยิงในที่เกิดเหตุทั้งหมด และหลังจากนี้ไปตำรวจจะเรียกภรรยาและญาติของนายอัครพลมาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อหามูลเหตุของการสังหารหมู่ครั้งนี้ ส่วนเรื่องของคดีคงเป็นคนละส่วนกับที่ผู้ตายก่อเหตุยิงตำรวจ 3 ศพในพื้นที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา ไม่เกี่ยวข้องกับการพบศพในพื้นที่ สภ.อุทัย ในครั้งนี้ ซึ่งต้องแยกเป็นคนละส่วนกัน

“ผู้ตายถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตในที่เกิดเหตุทั้ง 3 ศพ ไม่ใช่เป็นการวิสามัญฆาตกรรมของตำรวจ หรือถูกยิงจากที่อื่นแล้วนำศพมาทิ้งในที่เกิดเหตุ” พ.ต.อ.สุเมธกล่าว

ด้าน พล.ต.ท.รชต เย็นทรวง ผบช.ภ.1 กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับรายงานว่าผู้เสียชีวิตถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนลูกซองยิงเข้าที่ศีรษะและลำตัว แต่อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาตั้งแต่วันเกิดเหตุที่ผู้ต้องหาถูกออกหมายจับเป็นเวลา 10 วัน ตำรวจไม่เคยได้รับการติดต่อจากญาติของผู้ต้องหา กระทั่งมาถูกยิงเสียชีวิตดังกล่าว สันนิษฐานว่าอาจเป็นการฆ่าตัดตอน

“เป็นไปได้ว่านายแบงก์อาจร่วมกระทำผิดในคดีอื่นอีก พรรคพวกเห็นว่าหากปล่อยให้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวไปก็อาจมีปัญหาขึ้นมาภายหลังได้ จึงให้ไปเอาตัวมาดำเนินการฆ่าตัดตอน เพราะผู้ต้องหาหลบหนีคดีมา 2 ปีแล้ว หากเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจมั่นใจว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่ทำเช่นนั้น เพราะถ้าจะยิงทิ้งไม่ต้องนำตัวมาจาก จ.เพชรบูรณ์ มายิงที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ยิงทิ้งตามป่าที่ไหนก็ได้” พล.ต.ท.รชต กล่าว และว่าเรื่องนี้ตนไม่นิ่งนอนใจ พร้อมตรวจสอบข้อเท็จจริง ขณะนี้ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อสอบสวนหาข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวในเช้าวันเดียวกันนี้ด้วยแล้ว

ขณะที่ นางรัตนา สำเภา มารดานายอัครพล หรือแบงก์ กล่าวในรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ว่า ตนต้องการบอกความจริงทั้งหมดผ่านสื่อมวลชนว่าบุตรชายโดนหลอกไปฆ่า เพราะติดต่อกันครั้งสุดท้ายประมาณเวลา 15.00 น.ของวันที่ 8 ม.ค.เพื่อขอเข้ามอบตัว แต่บุตรชายแจ้งว่าไม่สามารถเดินทางไปมอบตัวได้ทันเนื่องจากอยู่ไกลจึงนัดมอบตัววันที่ 9 ม.ค.

มารดานายอัครพล กล่าวต่อว่า การติดต่อขอเข้ามอบตัวทั้งหมดดังกล่าว ผ่านภรรยาบุตรชาย และ ด.ต.มาโนช (ไม่ทราบนามสกุล) สภ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา โดยนัดพบกันที่ร้านอาหารใน อ.ลำนารายณ์ จ.ลพบุรี กระทั่งเวลาประมาณ 15.00 น.วานนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกชุดจาก จ.พระนครศรีอยุธยา เข้ามาสมทบและแยกตัวไป แต่ให้ตนและ ด.ต.มาโนชไปคอยที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งใน อ.ลำนารายณ์ จึงมั่นใจว่าบุตรชายถูกหลอกไปฆ่าแล้ว เพราะมีความพยายามติดต่อทางโทรศัพท์ยิงข้อความเข้ามายังโทรศัพท์มือถือของ ด.ต.มาโนช 3 ครั้ง แต่ไม่ได้พูดคุยกัน

“หลังจากนี้จะไปรับศพลูกชาย และไม่คิดจะร้องเรียนอะไรต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ขอบอกผ่านสื่อว่าแบงก์ไม่ได้รับความยุติธรรม เพราะรู้ว่าทำผิดและขอมอบตัวแล้ว แต่ถูกกระทำเช่นนี้ ประชาชนที่ไหนจะเชื่อตำรวจอีก” นางรัตนากล่าว

นายอัครพล หรือแบงก์ สำเภา ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีปล้นและข่มขืน ถูกตำรวจ สภ.พระนครศรีอยุธยา ปิดล้อมบ้านเข้าจับกุม แต่นายแบงก์กลับต่อสู้และใช้อาวุธปืนยิง ด.ต.โกสินทร์ มั่นพรหม อายุ 41 ปี จ.ส.ต.ปรีดา จ้อยจุฑา อายุ 33 ปี ส.ต.ต.ศิลา แหวนเงิน อายุ 25 ปี ฝ่ายสืบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา เสียชีวิต และสามารถแหกวงล้อมหลบหนีไปได้ เหตุเกิดเมื่อเย็นวันที่ 31 ธ.ค.2550 โดยภายหลังก่อเหตุดังกล่าว ตำรวจตั้งรางวัลนำจับเป็นจำนวนถึง 500,000 บาท กระทั่งมีผู้ไปพบศพนายแบงก์กับพวกถูกยิงทิ้งดังกล่าว

นายอัครพล หรือแบงก์ สำเภา
กำลังโหลดความคิดเห็น