ข่าวไล่ออก “โอ๋ สืบ 6” ถือว่าเป็นข่าวดังอีกข่าว ในรอบปี 2550 ซึ่งทีมข่าวอาชญากรรมได้ลำดับเรื่องราวฉบับย่อมานำเสนอ เพื่อย้ำเตือนเหล่าข้าราชการ ให้พึงคิดอยู่เสมอว่า คุณคือข้ารับใช้ประชาชน ไม่ใช่ทาสของนักการเมือง
“ทักษิณ...ออกไปๆๆ” หลายคนคงยังจำประโยคนี้ได้ดี เพราะเป็นประโยคที่หลายคนเคยตะโกนร่วมกันเพื่อขับไล่อดีตผู้นำ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
แต่การชุมนุมเพื่อขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ครั้งหนึ่งที่ทุกคนต้องจดจำ คือการชุมนุมที่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อวันที่ 21 ส.ค.ปีที่ผ่านมา กับเหตุการณ์ที่นายอิทธิพล สรวิทย์สกุล ชายสูงอายุ วัย 60 ปี ที่ถูกชายฉกรรจ์ คือ นายจรัญ จงอ่อน และนายชัยสิทธิ์ ลอม๊ะห์ หรือ “เล็ก สตาร์” รุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เพียงเพราะนายอิทธิพลร่วมตะโกนประโยคนี้
ซ้ำร้ายกว่านั้น เมื่อมีผู้บันทึกภาพไว้ได้อย่างชัดเจน ว่าชายฉกรรจ์กลุ่มนี้ ได้รับคำสั่งจาก พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ เทพจันดา ผกก.สส.น.6 หรือที่รู้จักกันนาม “โอ๋ สืบ 6” ให้กระทำการดังกล่าว รวมทั้งภาพที่ พล.ต.ต.มานิต วงศ์สมบูรณ์ ผบก.น.1 ซึ่งลงไปดูแลพื้นที่และเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งหน้า กลับไม่เข้าห้ามปราม และปล่อยให้นายอิทธิพลซึ่งมีอายุมากแล้วถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
งานนี้ดูเหมือน พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ จะทำถูกใจใครบางคนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จึงมีคำสั่งแต่ตั้งอย่างลับๆ ปูนบำเหน็จให้กับ พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ ได้เลื่อนตำแหน่งจากผู้กำกับฝ่ายสืบสวน นครบาล 6 ขึ้นเป็นรองผู้บังคับการฝ่ายอำนวยการในสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ตำรวจ อีกด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม ผลของการกระทำดังกล่าวก็ยังกลับมาหลอกหลอน พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ อีกครั้งหลังหมดสิ้นยุคของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยเมื่อประมาณเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ช.ช.) มีการไต่สวนเรื่องดังกล่าวและลงมติว่า พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ มีความผิดทั้งทางอาญาตามาตรา 157 ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และมีความผิดทางวินัยตำรวจอย่างร้ายแรง คือจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบของราชการ กระทำการอันได้ชื่อว่า ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และกระทำหรือละเว้นการกระทำใดๆ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ซึ่งมีโทษปลดออก หรือไล่ออกเท่านั้น
หลังจากที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดและส่งเรื่องให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติซึ่งเป็นช่วงที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ได้ขึ้นมาเป็นรักษาราชการแทน ผบ.ตร.แล้ว เพียงภายใน 1 สัปดาห์ ก็มีคำสั่งจากต้นสังกัดคือสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ตำรวจ ให้ไล่ออกจากราชการ แม้ว่าจะสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อศาลได้ภายใน 90 วัน แต่ด้วยหลักฐาน และสำนวนที่รัดกุมของ ป.ป.ช. พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ จึงต้องรับผลของการกระทำที่ทำไว้อย่างสาสม
ด้าน พล.ต.ต.มานิต วงศ์สมบูรณ์ อดีต ผบก.น.1 แม้ว่าจะ ป.ป.ช.จะมีการชี้มูลมาทีหลังก็ตาม แต่ก็มีโทษฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยให้กลุ่มผู้ชุมนุมถูกทำร้าย และได้รับโทษถูกปลดออกจากราชการ แม้โทษจะไม่มากเท่า พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ ที่ถูกไล่ออกแต่ก็ถือว่าเสียอนาคตเช่นกัน ทั้งที่น่าจะไปได้ไกลกว่านี้ในการรับราชการตำรวจ
กรณีนี้คงถือเป็นตัวอย่างที่ดีเพื่อจะเตือนใจ สำหรับตำรวจอีกหลายๆ คนที่คิดจะทำงานให้กับกลุ่มการเมือง โดยลืมนึกถึงประชาชน เพราะกลุ่มการเมืองบางกลุ่มนั้นเข้ามาเพียงเพื่อกอบโกยแล้วก็ไปเท่านั้น มีเพียงประชาชนเท่านั้นที่จะยืนหยัดได้ทุกยุคทุกสมัย
“ทักษิณ...ออกไปๆๆ” หลายคนคงยังจำประโยคนี้ได้ดี เพราะเป็นประโยคที่หลายคนเคยตะโกนร่วมกันเพื่อขับไล่อดีตผู้นำ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
แต่การชุมนุมเพื่อขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ครั้งหนึ่งที่ทุกคนต้องจดจำ คือการชุมนุมที่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อวันที่ 21 ส.ค.ปีที่ผ่านมา กับเหตุการณ์ที่นายอิทธิพล สรวิทย์สกุล ชายสูงอายุ วัย 60 ปี ที่ถูกชายฉกรรจ์ คือ นายจรัญ จงอ่อน และนายชัยสิทธิ์ ลอม๊ะห์ หรือ “เล็ก สตาร์” รุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เพียงเพราะนายอิทธิพลร่วมตะโกนประโยคนี้
ซ้ำร้ายกว่านั้น เมื่อมีผู้บันทึกภาพไว้ได้อย่างชัดเจน ว่าชายฉกรรจ์กลุ่มนี้ ได้รับคำสั่งจาก พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ เทพจันดา ผกก.สส.น.6 หรือที่รู้จักกันนาม “โอ๋ สืบ 6” ให้กระทำการดังกล่าว รวมทั้งภาพที่ พล.ต.ต.มานิต วงศ์สมบูรณ์ ผบก.น.1 ซึ่งลงไปดูแลพื้นที่และเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งหน้า กลับไม่เข้าห้ามปราม และปล่อยให้นายอิทธิพลซึ่งมีอายุมากแล้วถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
งานนี้ดูเหมือน พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ จะทำถูกใจใครบางคนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จึงมีคำสั่งแต่ตั้งอย่างลับๆ ปูนบำเหน็จให้กับ พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ ได้เลื่อนตำแหน่งจากผู้กำกับฝ่ายสืบสวน นครบาล 6 ขึ้นเป็นรองผู้บังคับการฝ่ายอำนวยการในสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ตำรวจ อีกด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม ผลของการกระทำดังกล่าวก็ยังกลับมาหลอกหลอน พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ อีกครั้งหลังหมดสิ้นยุคของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยเมื่อประมาณเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ช.ช.) มีการไต่สวนเรื่องดังกล่าวและลงมติว่า พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ มีความผิดทั้งทางอาญาตามาตรา 157 ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และมีความผิดทางวินัยตำรวจอย่างร้ายแรง คือจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบของราชการ กระทำการอันได้ชื่อว่า ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และกระทำหรือละเว้นการกระทำใดๆ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ซึ่งมีโทษปลดออก หรือไล่ออกเท่านั้น
หลังจากที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดและส่งเรื่องให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติซึ่งเป็นช่วงที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ได้ขึ้นมาเป็นรักษาราชการแทน ผบ.ตร.แล้ว เพียงภายใน 1 สัปดาห์ ก็มีคำสั่งจากต้นสังกัดคือสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ตำรวจ ให้ไล่ออกจากราชการ แม้ว่าจะสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อศาลได้ภายใน 90 วัน แต่ด้วยหลักฐาน และสำนวนที่รัดกุมของ ป.ป.ช. พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ จึงต้องรับผลของการกระทำที่ทำไว้อย่างสาสม
ด้าน พล.ต.ต.มานิต วงศ์สมบูรณ์ อดีต ผบก.น.1 แม้ว่าจะ ป.ป.ช.จะมีการชี้มูลมาทีหลังก็ตาม แต่ก็มีโทษฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยให้กลุ่มผู้ชุมนุมถูกทำร้าย และได้รับโทษถูกปลดออกจากราชการ แม้โทษจะไม่มากเท่า พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ ที่ถูกไล่ออกแต่ก็ถือว่าเสียอนาคตเช่นกัน ทั้งที่น่าจะไปได้ไกลกว่านี้ในการรับราชการตำรวจ
กรณีนี้คงถือเป็นตัวอย่างที่ดีเพื่อจะเตือนใจ สำหรับตำรวจอีกหลายๆ คนที่คิดจะทำงานให้กับกลุ่มการเมือง โดยลืมนึกถึงประชาชน เพราะกลุ่มการเมืองบางกลุ่มนั้นเข้ามาเพียงเพื่อกอบโกยแล้วก็ไปเท่านั้น มีเพียงประชาชนเท่านั้นที่จะยืนหยัดได้ทุกยุคทุกสมัย
