xs
xsm
sm
md
lg

จับ “โล้นนิกร” หวนห่มจีวรเข้าตรวจรักษาที่ รพ.สงฆ์

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ตำรวจจับอดีตพระนักเทศน์ชื่อดัง “นิกร ยศคำจู” คู่กรณี “อรปวีณา” ฐานใช้ชื่อเก่า “พระครูใบฎีกานิกร” ไปแอบอ้างเข้าตรวจรักษาที่โรงพยาบาลสงฆ์ ขณะที่ตำรวจเตรียมดำเนินคดีแต่งกายและใช้เครื่องหมายเลียนแบบสงฆ์ มีโทษจำคุกถึง 1 ปี เจ้าตัวระบุไม่ได้บวชพระหรือสามเณร แต่ให้พระพม่าบวชเนกขัมมะให้

วันนี้ (13 ธ.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ขณะที่ ส.ต.ท.สหภาพ โพธิ์ขาว ผบ.หมู่ ป.สน.พญาไท กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ก็ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสงฆ์ว่ามีชายแอบอ้างนำเอกสารปลอมมาใช้รับการรักษาที่โรงพยาบาล จึงไปตรวจสอบก็พบ นายธรรมรัตน์ วงศ์ธรรมชู หรือ “อดีตพระครูใบฎีกานิกร ธมฺมวาที” อยู่บ้านเลขที่ 101 หมู่ที่ 5 ต.สันทราย อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ แต่งกายห่มชุดสีน้ำตาลเข้ม จึงเชิญตัวมาสอบปากคำที่ สน.พญาไท

อดีตครูพระชื่อดัง กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตนได้พาพระภูฏาน 2 รูป คือ พระลามะลิมโปเช่ กับพระลูกศิษย์มาตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลสงฆ์ เนื่องจากพระลิมโปเช่มีอาการปัสสาวะขัด โดยหลังจากที่แพทย์ตรวจอาการของพระลิมโปเช่แล้ว ตนก็รู้สึกว่ามีอาการตามัวเลยอยากตรวจหาเบาหวานด้วย ตนจึงแจ้งกับเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลไป พร้อมกับใช้บัตรประจำตัวจากสำนักจิตตภาวันวิทยาลัย อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ในการทำเอกสารของโรงพยาบาล โดยเป็นบัตรดังกล่าวเป็นบัตรที่ตนได้รับหลังจากศึกษาพระไตรปิฎกจบจากวิทยาลัยแล้วตั้งแต่ พ.ศ.2516

อดีตพระนิกรกล่าวต่อว่า จากนั้นทางโรงพยาบาลได้พาตนเข้าไปตรวจร่างกายทั้งปัสสาวะ เลือด ก่อนที่จะนัดให้ตนและพระลิมโปเช่มารับฟังผลการตรวจในวันนี้ เมื่อตนเดินทางมาถึงก็ได้รับคำชี้แจงจากโรงพยาบาลว่าบัตรดังกล่าวไม่สามารถนำมาตรวจรักษาที่โรงพยาบาลสงฆ์ได้ จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญตัวมาที่ สน.พญาไท ซึ่งความจริงแล้วหากบัตรดังกล่าวใช้ไม่ได้ทางเจ้าหน้าที่ก็น่าจะแจ้งให้ตนทราบตั้งแต่แรก แต่อย่างไรก็ตาม ตนยินดีที่จะจ่ายค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด เพราะไม่ได้ตั้งใจจะหลอกลวงเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลแต่อย่างใด

อดีตพระนิกร กล่าวต่อว่า หลังจากมีคดีความกับเมื่อ พ.ศ.2534 ก็ต่อสู้คดีกันในศาลถึง 10 ปี ต้องขึ้นศาลถึง 342 ครั้ง ระหว่างนั้นก็เคยถูกจำคุกที่เรือนจำลาดยาวอยู่ 5 เดือน จนกระทั่ง พ.ศ.2543 ศาลก็ตัดสิน แต่ตนจำไม่ได้ว่าศาลพิพากษาว่าอะไรเพราะนานมากแล้ว หลังจากนั้นตนก็แต่งกายนุ่งขาวห่มขาวไปปฏิบัติธรรมอยู่ที่สำนักปฏิบัติธรรมพระธาตุดอยนางแล สลับกับเดินทางไปปฏิบัติธรรมที่ประเทศมาเลเซียเนื่องจากมีสำนักปฏิบัติธรรมอยู่อีกถึง 6 สาขา นอกจากนี้ยังเดินทางออกไปเผยแผ่ธรรมะตามประเทศต่างๆ ถึง 38 ประเทศด้วยกัน

ต่อมาเวลา 15.00 น. พระครูไพบูลย์ศาสนกิจ เจ้าคณะแขวงดุสิต วัดเบญจมบพิตร และพระคณะกรรมการโรงพยาบาลสงฆ์ นำหนังสือรับมอบอำนาจจากผู้อำนวยการโรงพยาบาลสงฆ์เดินทางเข้าร้องทุกข์ต่อ ร.ต.ท.วิทยา วงศ์แก้ว พนักงานสอบสวน (สบ.1) สน.พญาไท เพื่อให้ดำเนินคดีต่อนายธรรมรัตน์ พร้อมทั้งได้ว่ากล่าวตักเตือนนายธรรมรัตน์ว่า รู้ตัวดีว่าไม่เป็นพระแล้วเพราะถูกดำเนินคดีทั้ง 3 ศาล แต่เมื่อเจ้าหน้าที่นำใบมาให้กรอกประวัติก็ยังใช้ชื่อตัวเองว่าพระครูใบฎีกานิกรอีก จึงทำให้ทางเจ้าหน้าที่เข้าใจผิดคิดว่ายังเป็นพระอยู่ ทำให้โรงพยาบาลได้รับความเสียหาย ซึ่งหลังจากนี้ก็ขอให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดำเนินคดีต่อไป

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา แต่งกายหรือใช้เครื่องหมายที่แสดงว่าเป็นพระภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวช โดยมิชอบ เพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนเป็นเช่นนั้น มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 208 กม.(ป.อาญา) พร้อมทั้งสอบปากคำก่อนปล่อยตัวชั่วคราว และนัดมาส่งศาลภายหลัง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธรรมรัตน์ หรือนิกร สวมชุดสีน้ำตาลเข้ม หรือสีกลัก โกนผม โกนคิ้ว นุ่มห่มลักษณะคล้ายพระภิกษุสงฆ์ที่เรียกกันว่าห่มดอง มีผ้ารัดอก นุ่งห่มด้วยผ้าสบงและจีวร พร้อมสังฆาฏิ เพียงแต่มีเสื้อสวมปิดไหล่ซ้ายไว้ด้านใน และเมื่อผู้สื่อข่าวสอบถาม นายธรรมรัตน์ระบุว่า ตนเองได้เดินทางไปยังวัดสายเมือง ซึ่งเป็นวัดพม่าในฝั่งท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า ตรงข้าม อ.แม่สาย จ.เชียงราย และให้พระสงฆ์ชาวพม่าเป็นผู้บวชเนกขัมมะให้ โดยไม่ได้บวชเป็นพระหรือสามเณร เมื่อปี 2548 เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับบิดา จากนั้นกลับมาพักอาศัยอยู่ที่ดอยนางแล

สำหรับอดีตพระครูใบฎีกานิกร ธัมมวาที หรือนายธรรมรัตน์ ยศคำจู เคยเป็นอดีตพระนักเทศน์เสียงทองแห่งยุคมีผู้คนแห่ไปฟังการเทศน์ไม่ขาดสายแม้หนทางสู่วัดจะยากลำบากเพียงใดก็ไม่เป็นปัญหาด้วยพลังศรัทธา จนถึงขั้นต้องเปิดสำนักปฏิบัติธรรมหลายสิบแห่งทั่วประเทศ แต่ในระหว่างนั้นก็มีข่าวฉาวกับนางอรปวีณา บุตรขุนทอง ออกมายืนยันความสัมพันธ์กับพระนิกรพร้อมด้วยทายาทในท้อง แต่พระนิกรพยายามตอบโต้ข่าวว่ามีผู้อิจฉาในชื่อเสียงของตน อีกทั้งบรรดาลูกศิษย์ก็พยายามหาหนทางตอบโต้ข้อกล่าวหาว่าเป็นการกลั่นแกล้งโดยไม่เชื่อว่า พระที่ยึดมั่นในศีลธรรมและเทศน์ได้ไพเราะจะทำตัวเช่นนั้น แต่สุดท้ายก็ต้องจำนนด้วยหลักฐาน ตั้งแต่จดหมายรัก ภาพถ่าย จนถูกดำเนินคดีทั้งศาลยุติธรรมและศาลสงฆ์ ซึ่งในที่สุดศาลสงฆ์ มีมติระบุความผิดพระนิกรว่า เป็น “ปฐมปาราชิก” คือการเสพเมถุนกับอิสตรี ขาดจากความเป็นพระ แม้จะกลับมาบวชใหม่ก็ไม่สามารถดำรงความเป็นสมณเพศได้ เปรียบดังตาลยอดด้วนที่ไม่สามารถเจริญเติบโตและงอกเงยได้อีกต่อไป
นายธรรมรัตน์ วงศ์ธรรมชู อายุ 53 ปี หรือ อดีตพระครูใบฎีกานิกร ธัมมวาที พระนักเทศน์ชื่อดัง ชี้แจงกับตำรวจ


กำลังโหลดความคิดเห็น