ตำรวจ สน.ห้วยขวาง ตามรวบผู้ต้องหาคดีค้างเก่าหลังหลบหนีคดี ร่วมชิงทรัพย์ และพยายามข่มขืน เด็กสาวอายุ 15 ปี เมื่อ 13 ปีที่แล้ว ก่อนเจ้าหน้าที่สืบทราบว่าผู้ต้องหาถูกรถชนได้รับบาดเจ็บอยู่ รพ.ประจำจังหวัดเชียงราย ก่อนตามจับกุมได้ที่ในสุด
วันนี้ (26 พ.ย.) เมื่อเวลา 12.00 น.พ.ต.ท.ยิ่งยศ อินทรบุหรั่น รอง ผกก.สส.สน.ห้วยขวาง นำตัว นายคำปน หรือ เขียว พิลาโท อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 219 ต.เขาไม้แก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ผู้ต้องหาคดีร่วมกันชิงทรัพย์โดยมีอาวุธเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายสาหัส และพยายามข่มขืน โดยเหตุเกิดภายในบ้านเลขที่ 779/23 ซอยสุวรรณมณี แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กทม.เมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 24 ก.ย.2537 มาสอบปากคำเพิ่มเติม หลังถูก ร.ต.อ.วุฒิชัย ปักกังเวสัง รอง สว.สส.สน.ห้วยขวาง พร้อมกำลังฝ่ายสืบสวนจับกุมได้ที่โรงพยาบาลจังหวัดเชียงราย เมื่อช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมา
จากการสอบสวน นายคำปน ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อ 13 ปีที่แล้ว ตนกำลังตกงานไม่มีเงินใช้ จากนั้น นายสมพงษ์ เฉลิมศรี อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40 หมู่ 4 ต.ย่านรี อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเป็นคนบ้านเดียวกันกับตน ได้ชวนไปปล้นบ้านหลังดังกล่าว โดยขณะก่อเหตุ ตนและนายสมพงษ์ ได้สวมหมวกไหมพรมคลุมใบหน้าเอาไว้ และปีนเข้าไปในบ้านใช้อาวุธปืนข่มขู่เจ้าของบ้านที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ จึงใช้อาวุธปืนจี้ชิงเอาสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท พร้อมกับเงินสดอีก 25,000 บาท มาได้
นายคำปน ให้การต่อว่า ระหว่างนั้น นายสมพงษ์ ได้เหลือบไปเห็น น.ส.บี (นามสมมติ) หลานสาวของ นางลัดดา ซึ่งขณะนั้นมีอายุประมาณ 15-16 ปี เดินเข้ามาในบ้านพอดี จึงได้จับตัวไปมัดไว้กับเตียงนอนเพื่อที่จะข่มขืน โดยนายสมพงษ์ ได้ให้ตนใช้ปืนจ่อปาก น.ส.บี ไว้เพื่อไม่ให้ร้องขอความช่วยเหลือ จนนายสมพงษ์ ข่มขืน น.ส.บี สำเร็จความใคร่ไป 1 ครั้ง ทั้งที่ น.ส.บี ยังมีรอบเดือนอยู่ แต่ตนไม่ได้ลงมือข่มขืนด้วยแต่อย่างใด
ด้าน พ.ต.ท.ยิ่งยศ เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุ 4 วัน ตำรวจก็สามารถจับกุมตัว นายสมพงษ์ มาดำเนินคดีได้ ส่วนนายคำปนนั้นหลบหนีการจับกุมมานานถึง 13 ปี กระทั่งฝ่ายสืบสวนสืบทราบว่า นายคำปน หลบไปประกอบอาชีพคนงานก่อสร้างที่ จ.เชียงราย และถูกรถชนได้รับบาดเจ็บเข้าไปรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด จึงนำกำลังไปจับกุมตัวมาดำเนินคดีได้ดังกล่าว
วันนี้ (26 พ.ย.) เมื่อเวลา 12.00 น.พ.ต.ท.ยิ่งยศ อินทรบุหรั่น รอง ผกก.สส.สน.ห้วยขวาง นำตัว นายคำปน หรือ เขียว พิลาโท อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 219 ต.เขาไม้แก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ผู้ต้องหาคดีร่วมกันชิงทรัพย์โดยมีอาวุธเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายสาหัส และพยายามข่มขืน โดยเหตุเกิดภายในบ้านเลขที่ 779/23 ซอยสุวรรณมณี แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กทม.เมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 24 ก.ย.2537 มาสอบปากคำเพิ่มเติม หลังถูก ร.ต.อ.วุฒิชัย ปักกังเวสัง รอง สว.สส.สน.ห้วยขวาง พร้อมกำลังฝ่ายสืบสวนจับกุมได้ที่โรงพยาบาลจังหวัดเชียงราย เมื่อช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมา
จากการสอบสวน นายคำปน ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อ 13 ปีที่แล้ว ตนกำลังตกงานไม่มีเงินใช้ จากนั้น นายสมพงษ์ เฉลิมศรี อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40 หมู่ 4 ต.ย่านรี อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเป็นคนบ้านเดียวกันกับตน ได้ชวนไปปล้นบ้านหลังดังกล่าว โดยขณะก่อเหตุ ตนและนายสมพงษ์ ได้สวมหมวกไหมพรมคลุมใบหน้าเอาไว้ และปีนเข้าไปในบ้านใช้อาวุธปืนข่มขู่เจ้าของบ้านที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ จึงใช้อาวุธปืนจี้ชิงเอาสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท พร้อมกับเงินสดอีก 25,000 บาท มาได้
นายคำปน ให้การต่อว่า ระหว่างนั้น นายสมพงษ์ ได้เหลือบไปเห็น น.ส.บี (นามสมมติ) หลานสาวของ นางลัดดา ซึ่งขณะนั้นมีอายุประมาณ 15-16 ปี เดินเข้ามาในบ้านพอดี จึงได้จับตัวไปมัดไว้กับเตียงนอนเพื่อที่จะข่มขืน โดยนายสมพงษ์ ได้ให้ตนใช้ปืนจ่อปาก น.ส.บี ไว้เพื่อไม่ให้ร้องขอความช่วยเหลือ จนนายสมพงษ์ ข่มขืน น.ส.บี สำเร็จความใคร่ไป 1 ครั้ง ทั้งที่ น.ส.บี ยังมีรอบเดือนอยู่ แต่ตนไม่ได้ลงมือข่มขืนด้วยแต่อย่างใด
ด้าน พ.ต.ท.ยิ่งยศ เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุ 4 วัน ตำรวจก็สามารถจับกุมตัว นายสมพงษ์ มาดำเนินคดีได้ ส่วนนายคำปนนั้นหลบหนีการจับกุมมานานถึง 13 ปี กระทั่งฝ่ายสืบสวนสืบทราบว่า นายคำปน หลบไปประกอบอาชีพคนงานก่อสร้างที่ จ.เชียงราย และถูกรถชนได้รับบาดเจ็บเข้าไปรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด จึงนำกำลังไปจับกุมตัวมาดำเนินคดีได้ดังกล่าว
