ผกก.สน.ลาดพร้าว เผย อดีต รอง ผกก.จร.สน.บางรัก รับสารภาพเพียงข้อหาลักทรัพย์ และปลอมแปลงเอกสาร ส่วนข้อหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของ “เสี่ยติงนัง” ไม่ยอมรับ ขณะที่บริษัทประกัน เข้าชี้ตัวยืนยัน ผู้ต้องหาใช้ชื่อและบัตรปลอมรูดบัตรเครดิตเช่ารถ
วันนี้ (12 พ.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น.ที่ สน.ลาดพร้าว พ.ต.อ.สมศักดิ์ บุญแสง ผกก.สน.ลาดพร้าว กล่าวถึงความคืบหน้าในการดำเนินคดี พ.ต.ท.ครรชิต แตงจุ้ย อดีต รอง ผกก.จร.สน.บางรัก ผู้ต้องหาปลอมแปลงและใช้เอกสารทางราชการปลอม ซึ่งถูกตำรวจกองปราบปรามจับกุมตัวได้ที่บ้านพักใน จ.กระบี่ ว่า ผู้ต้องหารายนี้ เคยก่อเหตุ ปลอมแปลงเอกสาร และครอบครองกรรมสิทธิ์รถเบนซ์ ของ นายชัยรัตน์ รุ่งเรือง หรือ เสี่ยติงนัง พนักงานต้อนรับชายสายการบินลุฟท์ฮันซ่า โดยก่อนหน้านี้ ตำรวจ กก.สส.บก.น.4 สามารถจับกุมตัว พ.ต.ท.ครรชิต ไว้ได้ โดยเมื่อครรั้งนั้น ตำรวจได้ขออำนาจศาลอาญา ออกหมายจับเลขที่ 3068/2549 ลงวันที่ 11 ส.ค.2549 ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ ปลอมแปลงเอกสาร และใช้เอกสารทางราชการปลอม โดยหลังจากที่จับกุมตัวได้ พนักงานสอบสวน ได้รวบรวมพยานหลักฐาน ส่งสำนวนให้ทางอัยการพิจารณาสั่งฟ้อง ซึ่งขณะนั้น ผู้ต้องหา ได้ยื่นเรื่องขอประกันตัว ก่อนที่จะหลบหนีการประกันตัวในชั้นศาล
พ.ต.อ.สมศักดิ์ กล่าวว่า การจับกุมตัว พ.ต.ท.ครรชิต ของตำรวจกองปราบปรามในครั้งนี้ ทางพนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว คงไม่ต้องทำสำนวนคดีนี้ขึ้นมาใหม่ เนื่องจากได้ส่งสำนวนให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้องไปแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะขออำนาจศาลฝากขัง โดยทางตำรวจจะคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากผู้ต้องหาเคยหลบหนีการประกันตัวในชั้นศาล อีกทั้งยังมีคดีปลอมแปลงเอกสารอีกหลายคดี
“ส่วนอีก 2 คดี ที่ผู้ต้องหาเคยก่อเหตุในพื้นที่ สน.เตาปูน ในข้อหาฉ้อโกง-ใช้เอกสารสิทธิปลอม และในพื้นที่ สภ.เมืองนครปฐม ในข้อหายักยอกทรัพย์ ฉ้อโกง ซึ่งขณะนี้ ทางพนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว จะติดต่อไปยัง 2 โรงพัก เพื่อให้นำตัว พ.ต.ท.ครรชิต ดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป” พ.ต.อ.สมศักดิ์ กล่าว
ผกก.สน.ลาดพร้าว กล่าวต่อว่า ในส่วนคดีของนายชัยรัตน์ รุ่งเรือง หรือ เสี่ยติงนัง ที่หายตัวไปนั้น ขณะนี้ ทางพนักงานสอบสวนขอสอบปากคำผู้ต้องหาก่อน เนื่องจากยังไม่แน่ใจว่าเหตุเกิดในท้องที่ใด แต่คาดว่า น่าจะเกิดในหลายท้องที่ และในส่วน สน.ลาดพร้าว ก็รับแจ้งความเรื่องโกงรถ และสืบสวนมาจนทราบว่า เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับเสี่ยติงนัง โดยหลังจากผู้ต้องหาปลอมแปลงเอกสารแล้ว ได้นำไปขายให้เต้นท์รถย่านรัชดาภิเษก เบื้องต้น ผู้ต้องหารับสารภาพเพียง 2 ข้อหา คือ ลักทรัพย์ และปลอมแปลงเอกสาร ส่วนข้อหาลักพาตัวเสี่ยติงนัง ไม่รับสารภาพ อีกทั้งสำนวนที่ส่งให้อัยการสั่งฟ้องไปนั้น ยังระบุว่า พ.ต.ท.ครรชิค ไม่มีส่วนเกี่ยงวข้องกับการหายตัวไปของเสี่ยติงนัง ขณะนี้ พนักงานสอบสวนจึงยังไม่แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่น
ต่อมา ทนายความของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด ได้เดินทางมาชี้ตัวผู้ต้องหา พร้อมนำเอกสาร การเช่ารถจากบริษัท เอวิสไทยอินเตอร์เนชั่นแนล เรนท์คาร์ จำกัด ซึ่งเป็นร้านให้เช่ารถย่านลุมพินี โดยในครั้งนั้นเมื่อวันที่ 25 ต.ค.ผู้ต้องหา ได้นำเอกสาร ระบุชื่อ นายจันพรรณ แตงจุ้ย มาขอเช่ารถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน สฐ 6838 กทม.ซึ่งในครั้งนั้น ผู้ต้องหานำบัตรเครดิต ของธนาคารไทยพาณิชย์ มาใช้รูด เป็นการเช่ารถ แต่บัตรเครดิตในครั้งนั้น เป็นบัตรปลอม จึงไม่สามารถรูดได้ จึงได้เดินทางมาชี้ตัว พ.ต.ท.ครรชิต ในวันนี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา 14.00 น. พ.ต.ต.วิโรจน์ ผลบุญ สารวัตรเวร เจ้าของคดี ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาไปขออำนาจศาลฝากขังที่ศาลอาญาต่อไป
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พ.ต.ต. นิโรจน์ ผลบุญ พนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว ควบคุมตัว พ.ต.ท. ครรชิต แตงจุ้ย หรือ นายภัทร ทรัพย์วรา หรือ นายกรณ์ แตงจุ้ย หรือนายอ้อย หรือนายเอ อดีตรองผกก.จร.สน.บางรัก อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาคดี ปลอมเอกสารเช่าซื้อรถยนต์แล้วนำไปขาย มาฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วันตั้งแต่วันที่ 13-25 พ.ย. 50 เนื่องจากต้องรอสอบพยาน 2 ปาก รอผลตรวจประวัติผู้ต้องหา ตามคำร้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า
วันที่ 11 พ.ย. 50 เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้บริเวณหน้าบริษัทลิกไนท์ทัวร์ ตลาด บขส. จ.กระบี่ หลังจากขยายผลจับกุมแก๊งปลอมเอกสารเช่าซื้อรถ โดยมี นายกำพล ภิบาลกุล และ นางประภัสสร มาตวงษ์ ให้การสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างจากนายอ๋อย ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งก็คือตัวผู้ต้องหา ให้นำเอกสารปลอมมาเช่าซื้อรถโดยได้ค่าจ้างรวมเป็นเงิน 10,000 บาท
โดย พ.ต.ท.ครรชิต ยังเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของตามหมายจับของศาลอาญา เลขที่ 3068/49 อีกด้วย สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 ส.ค. 49 พนักงานสอบสวนรับแจ้งว่า นายชัยรัตน์ รุ่งเรือง หรือ เสี่ยติงนัง อดีตพนักงานต้อนรับสายการบิน ลุฟท์ฮันซ่า ได้หายไปพร้อมกับรถยนต์เบนซ์ หมายเลขทะเบียน พฮ-9895 กทม.ต่อมา นางอุทุมพร วิรยศิริ ได้เข้าร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.ครรชิต ผู้ต้องหา จนกระทั่งพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานส่งให้พนักงานอัยการพิจารณาแล้วมีความเห็นสมควรสั่งฟ้องฐานลักทรัพย์และปลอมแปลงเอกสาร ฯ แต่หลบหนีไปเสียก่อน
เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ เอาไปซึ่งเอกสาร ใช้ตัวเงินปลอม ปลอมเอกสาร ใช้เอกสารปลอม ใช้เอกสารราชการปลอม แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสาร ใช้เอกสารอันเกิดจากการแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสาร แจ้งความข้อเท็จต่อเจ้าพนักงานและแจ้งข้อความหรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จในการขอมีบัตรประจำตัวประชาชน
โดยผู้ต้องหาให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
ท้ายคำร้องยังระบุด้วยว่าพนักงานสอบสวนขอคัดค้านเนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี ไปก่อเหตุ หรือ กระทำผิดซึ่งเป็นอันตรายต่อประชาชนและ ผู้ต้องหาเคยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจหากปล่อยตัวไปอาจจะไปยุ่งเหยิงกับหลักฐานหรือ ข่มขู่พยาน
ศาลพิจารณาคำร้องแล้วสอบถามผู้ต้องหาไม่คัดค้าน จึง อนุญาตให้ฝากขังได้
ตั้งข้อหา “พ.ต.ท.” ร่วมกันอุ้มฆ่า “เสี่ยติงนัง”
อดีต พ.ต.ท.แก๊งลักรถจนมุม-ตร.เตรียมขยายผลจับเพิ่ม