xs
xsm
sm
md
lg

รปภ.หนุ่มดับปริศนา! คาเก้าอี้ทำงาน

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พบศพ รปภ.หนุ่มถูกฆ่าปริศนา! นอนเสียชีวิตคาเก้าอี้ทำงาน บริเวณหน้าสำนักงานโครงการหมู่บ้านเสนานิเวศน์ ซอยเสนานิคม เพื่อน รปภ.เผย ชวนไปดื่มเหล้ารุ่งเช้ากลับพบผู้ตายเสียชีวิต ตร.ชี้สาเหตุน่าจะถูกฆ่าชิงทรัพย์ หรือไม่ก็มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับวัยรุ่นที่ผ่านมา

วันนี้ (1 พ.ย.) เมื่อเวลา 09.00 น. ร.ต.อ.สาโรจน์ เพ็ญสูตร ร้อยเวร สน.ลาดพร้าว รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกฆ่าเสียชีวิตบริเวณหน้าสำนักงานโครงการหมู่บ้านเสนานิเวศน์ บริษัท สยามประชาคาร จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 74/46 ซอยเสนานิเวศน์ 108/3 ถ.เสนานิคมตัดเกษตรนวมินทร์ แขวงจรเข้บัว เขตลาดพร้าว กทม. จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จึงได้รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่ป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุบริเวณหน้าสำนักงานดังกล่าวเจ้าหน้าที่พบศพ นายรัตติยา ภูมิสุข อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 68 หมู่ 2 ตำบล บุ่งคล้า อ.บุ่งคล้า จ.หนองคาย เป็น รปภ.ของบริษัท เยลเนอรัลการ์ด สยาม จำกัด สภาพศพนอนตะแคงเสียชีวิตอยู่บนเก้าอี้บริเวณโต๊ะหน้าสำนักงาน ใกล้กันมีมอเตอร์ไซค์ฮอนด้า เวฟ สีส้ม-ดำ ทะเบียน รขต 150 กทม.ของผู้ตายจอดอยู่ นอกจากนี้ยังพบพัดลมวิทยุเปิดอยู่ด้วย สำหรับสภาพศพพบบาดแผลบริเวณปลายคาง ร่องรอยถูกรัดบริเวณลำคอ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังพบคราบเลือดตกอยู่บริเวณที่เก้าอี้ที่ผู้ตายนอนเสียชีวิต

จากการสอบสวนนายพิเชต โคตรอี อายุ 30 ปี รปภ.เพื่อนผู้ตาย ให้การว่า ตนจะทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยในสำนักงานดังกล่าวช่วงเวลาตั้งแต่ 07.00 น.ถึงเวลา 19.00 น. ส่วนผู้ตายจะเข้าเวรช่วงเวลา 19.00 น.ถึงเวลา 07.00 น. ก่อนเกิดเหตุเวลา 19.00 น.ตนได้เดินทางมาเข้าเวรตามปกติเมื่อมาพบผู้ตายก็ได้ชักชวนกันไปดื่มเหล้าขาวบริเวณข้างสำนักงานและได้มีการชักชวนเพื่อนมาร่วมดื่มด้วย 2 คน คือ นายหมี ทำอาชีพตัดผมอยู่ย่านเสนานิคม และนายเป้ ทำอาชีพรับถ่ายเอกสารอยู่ข้างสำนักงาน ซึ่งผู้ตายไม่ได้ดื่มสุราเพราะว่าเป็นคนไม่ดื่มเหล้าและผู้ตายเป็นคนชอบสะสมพระเครื่อง จากนั้นเมื่อเวลา 21.00 น.ตนจึงขอตัวกลับบ้าน โดยในช่วงเช้าได้เดินทางมาเข้าเวรตามปกติ และพบว่าผู้ตายนอนเสียชีวิตจึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ตรวจสอบ

ด้าน ร.ต.อ.สาโรจน์ กล่าวว่า ในเบื้องต้นสาเหตุการเสียชีวิตน่าจะมาจากการชิงทรัพย์ หรือน่าจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป



กำลังโหลดความคิดเห็น