ตร.สืบ 3 โชว์ฝีมือรวบตัวผู้หมวดเก๊ทันควัน หลังตะเวนต้มตุ๋นอ้างเป็นตำรวจ สังกัด สตม.พร้อมของกลางคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก-โทรศัพท์มือถือ-นามบัตรรอง สว.งานสืบสวน สตม.ตร.จำนวน 48 แผ่น ชุดปกติขาวของนายทหารบกยศร้อยโท- ปืนอัดลม-หนังสือกฎหมาย และของกลางอีกหลายรายการ พบประวัติสุดเลวไล่หลอกคนอื่นมาเรื่อยแม้กระทั่งยายขอทานก็โดนหลอกเงินกว่า 120,000 บาท เจ้าตัวอ้างนำเงินที่ได้ใช้เที่ยวกินไปวันๆ
วันนี้ (21 ต.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.3 พ.ต.อ.เสนาะ อ่อนศรี รอง ผบก.น.3 พ.ต.อ.ปกรณ์ กิตติวัฒน์ ผกก.สส.บก.น.3 แถลงข่าวจับกุม นายรัตนชัย โพธิ์กุล อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรี ที่2028/50 ลงวันที่ 17 ต.ค.2550 ข้อหาร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน โดยตนเองมิใช่เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจหน้าที่กระทำการนั้น หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้ขังผู้อื่นหรือกระทำการด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายและข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้ หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่น ได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อตชีวิต ร่างกายเสรีภาพ โดยมีอาวุธติดตัวมาขู่เข็ญ พร้อมของกลางคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง นามบัตรระบุชื่อ ร.ต.ท.วรุต กิติยานุกุล รอง สว.งานสืบสวน สตม.ตร. จำนวน 48 แผ่น ชุดปกติขาวของนายทหารบกยศร้อยโท ติดป้ายชื่อว่า วีรชัย วิบูรณ์ไพศาลกุล ปืนอัดลม 1 กระบอก หนังสือกฎหมาย 10 เล่ม และของกลางอีกหลายรายการ
พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 14.00 น. ผู้ต้องหาและพวกอีก 2 คนได้อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด สตม. ยศ ร.ต.ท. ได้จับกุมตัว นายสุวรรณ์ กรงรัมย์ อายุ 26 ปี นายถาวร กรงรัมย์ อายุ 19 ปี และนายวิจิตร อาษภักดิ์ อายุ 32 ปี โดยอ้างว่าเป็นผู้นำคนงานต่างด้าวชาวกัมพูชาเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งผู้ต้องหาได้เรียกเงินจำนวน 100,000 บาท เพื่อแลกกับการปล่อยตัว ทางนายสุวรรณ์ จึงได้โทรศัพท์ให้นายเศวต กรงรัมย์ อายุ 25 ปี น้องชายนำเงินมามอบให้ที่ห้างสรรพสินค้าโลตัส สาขามีนบุรี ซึ่งในวันนัดหมายนายเศวตได้นำเงินมาให้เพียง 20,000 บาท ผู้ต้องหาจึงนำรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ หมายทะเบียนป้ายแดง ก-0423 สระแก้วไป ทางนายเศวตจึงโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 จะสามารถจับกุมตัวไว้ได้ที่บริเวณปากซอยลาดพร้าว 130 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. ก่อนจะนำตัวส่งให้พนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่ผู้ต้องหาได้อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด สตม.และอาศัยช่วงชุลมุนหลบหนีไปได้
พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า ต่อมาวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมาเวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน บก.น.3 ได้พบผู้ต้องหาที่บริเวณศูนย์อาหารเมืองธานี หมู่ 5 ต.บางพูด องปากเกร็ด จ.นนทบุรี จึงแสดงตัวเข้าจับกุม และขยายผลตรวจค้นบ้านพักห้องเลขที่ 13/32 อาคารซี 9 เมืองทองธานี หมู่ 5 ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พบของกลางดังกล่าว จึงนำตัวมาสอบสวนต่อที่ สน.มีนบุรี สำหรับผู้ต้องหารายนี้มีหมายจับของศาลจังหวัดนครนายก ข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ของโรงแรมโอมแอนด์ฮิลล์รีสอร์ท อ.เมือง จ.นครนายก โดยได้เงินไปจำนวน 20,000-30,000 บาท และมีหมายจับของศาลจังหวัดระยอง ข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ของโรงแรมเสม็ดวิลล์รีสอร์ท อ.แกลง จ.ระยอง โดยได้เงินไปจำนวน 20,000-30,000 บาท นอกจากนี้ผู้ต้องหายังอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สตม. เรียกเก็บค่าตอบแทนจากแรงงานต่างด้าวย่านซอยรามคำแหง 102 ท้องที่ สน.บางชัน ประมาณ 7-8 คน โดยจะเรียกเก็บรายละ 5,000 บาทต่อเดือน
ด้าน นายรัตนชัย ให้การรับสารภาพว่า ตนจบการศึกษาชั้นมัธยมปีที่ 3 จากโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.นครนายก ก่อนที่จะเดินทางเข้ามาในกรุงเทพฯ โดยครั้งแรกตนเจอคนงานต่างด้าวชาวเขมรจึงได้แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและรีดไถได้เงินมาจำนวน 1,000 บาท ต่อมาตนได้มาเจอกับนายชาติชาย สารศรี อายุ 42 ปี คนขับรถแท็กซี่จึงได้ชักชวนมาร่วมกลุ่มกันด้วย ซึ่งตนและพวกจะตระเวนปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจออกรีดไถพวกขอทานและแรงงานต่างด้าวในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ และย่านรามคำแหง สำหรับตนชอบศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับกฎหมายจากตำรากฎหมายต่างๆ โดยเฉพาะกฎหมายเกี่ยวกับคนเข้าเมือง รวมทั้งยังศึกษาแนวทางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ นอกจากนี้ตนยังได้ปลอมแปลงเอกสารของหน่วยงานภาครัฐต่างๆ เพื่อให้เกิดความสมจริงและน่าเชื่อถือในการลงมือก่อเหตุ สำหรับเครื่องแบบทหารตนก็แต่งไปเดินตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ เพื่อเป็นการหลอกลวงหญิงสาวให้เข้ามาสนใจ ส่วนเงินที่หลอกลวงและรีดไถมาได้นั้นก็จะนำไปเที่ยวเตร่กับกลุ่มเพื่อน
นายรัตนชัย ให้การต่อว่า ก่อนหน้านี้เมื่อประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา ตนเคยปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมประชาสงเคราะห์และขู่กรรโชกทรัพย์ นางสมทรง ชมเชย อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 779 หมู่ 3 ซอยวัดด่านสำโรงเหนือ 48 ถนนสุขุมวิท ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ หญิงชราที่นั่งขอทานอยู่บริเวณสะพานหน้าห้างสรรพสินค้าบิ้กซี สาขาสำโรง ก่อนที่จะนำตัวนางสมทรงไปที่บ้านพัก ซึ่งตอนแรกตนคิดว่านางสมทรงเป็นขอทานชาวกัมพูชา เมื่อถึงบ้านพักของนางสมทรงก็ได้ข่มขู่ให้นำเงินมาให้เพื่อแลกเปลี่ยนกับการปล่อยตัว นางสมทรงจึงได้นำสมุดบัญชีของธนาคารออมสิน สาขา จ.สมุทรปราการ ซึ่งมีเงินในบัญชีจำนวน 140,000 บาท จากนั้นตนจึงพานางสมทรงไปที่ธนาคารออมสินสาขาดังกล่าว โดยตนเป็นผู้เขียนใบเบิกเงินให้ ก่อนที่จะให้นางสมทรงเซ็นเบิกเงิน ซึ่งตนได้เบิกเงินไปจำนวน 120,000 บาท
ด้าน นางสมทรง กล่าวว่า ตนอาศัยอยู่กับนายทองหล่อ ชมเชย อายุ 78 ปี ซึ่งเป็นสามี แต่ในวันเกิดเหตุสามีได้เดินไปทำบุญที่ จ.อ่างทอง สำหรับเงินของตนที่ผู้ต้องหาได้นำไปนั้น ตนได้ใช้เวลาเก็บออมมาเป็นเวลากว่า 30-40 ปี แต่ขณะนั้นรู้สึกหวาดกลัวและมึนงงจึงได้ถอนเงินให้ไป สำหรับเงินจำนวนนี้บางส่วนเป็นเงินที่ตนเคยถูกสลากออมสิน จำนวน 5,000 บาท โดยตนตั้งใจที่จะเก็บเงินจำนวนนนี้ไว้ในในยามที่แก่เฒ่าและไม่มีแรงที่จะทำงาน แต่ก็ต้องมาถูกคนร้ายหลอกลวงนำเงินจำนวนดังกล่าวไป ซึ่งตอนนี้ตนเหลือเงินในบัญชีเพียง 20,000 บาทเท่านั้น ซึ่งตอนแรกก็ได้ทำใจและคิดว่าคงจะไม่ได้เงินจำนวนนี้คืนมาแล้ว หลังจากนี้ไปตนคงไม่ไปขอทานอีกแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไป