ดาวซัลโวหมายเลข 10 ชาวไอวอรีโคสต์ของทีม “ขุนแผน” สุพรรณบุรี แจ้งความจับหัวหน้าโค้ชของทีมตัวเองที่สั่งให้คนงานชาวพม่าและไทย รุมทำร้ายร่างกาย ทั้งไม้ตีหัว ขวดปากฉลามแทงขาเย็บ 15 เข็ม แถมเอาปืนไล่ยิง จนต้องหนีออกจากจังหวัด เนื่องจากโดนใช้อิทธิพลข่มขู่ไม่ให้แจ้งความและกลับมาเหยียบเมืองสุพรรณอีก
เมื่อเวลา 17.30 น.วานนี้ (19 ต.ค.) ที่กองปราบปราม นายบัมบา เกาซู อายุ 25 ปี ชาวไอวอรีโคสต์ ซึ่งเป็นนักเตะตำแหน่งกองหน้าหมายเลข 10 ของสโมสรสุพรรณบุรี ทีมอันดับ 11 ในไทยแลนด์ พรีเมียร์ลีก เดินทางเข้าร้องทุกข์ของความเป็นธรรมต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังถูกญาติของนายชัยสิทธิ์ สุจิตมนัส หัวหน้าโค้ชของทีม รวมทั้งคนงานชาวไทยและพม่ารุมทำร้ายจนได้บาดเจ็บสาหัสถึง 3 ครั้ง จนต้องหนีออกจากพื้นที่เนื่องจากเกรงกลัวอิทธิพล โดยศูนย์หน้ารายนี้เชื่อว่าสาเหตุเกิดจากการขอย้ายไปอยู่กับสโมสรอื่น
นายบัมบา เปิดเผยเรื่องราวผ่านล่ามซึ่งเป็นแฟนสาวชาวไทยว่า เข้ามาเล่นฟุตบอลครั้งแรกที่สโมสรชลบุรีสันนิบาตในดิวิชัน 1 จากนั้น ทีมสุพรรณบุรีได้ซื้อตัวมาในราคา 15,000 บาท และจ่ายเงินเดือน 12,000 บาท ซึ่งตั้งแต่ตนมาร่วมทีมสุพรรณบุรีก็ช่วยยิงประตูให้ทีมเป็นกอบเป็นกำถึง 9 ประตู จนเป็นดาวซัลโวสูงสุดของทีม จากนั้นก็มีหลายสโมสรในศึกไทยแลนด์ลีกต่างรุมแย่งกันซื้อตัว โดยมีทีมโอสถสภา ยื่นขอซื้อตัวในราคา 100,000 บาท แต่ต้นสังกัดของตนกลับโก่งค่าตัวไปถึง 300,000 บาท ทำให้ทีมโอสถสภาต้องถอนข้อเสนอกลับไป
นายบัมบา กล่าวต่อว่า กระทั่งวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา ตนมาถูกรุมทำร้ายร่างกายโดยไม่รู้สาเหตุ โดยมีคนงานพม่า 5 คน และคนงานไทย 2 คนเอาไม้ตีหัวล้มจนลง และหนึ่งในนั้นเป็นหลานหัวหน้าโค้ชได้นำขวดซอสที่แตกเป็นปากฉลามมาแทงขา แถมยังมีเอาปืนมาไล่ยิงจนตนต้องหนีเข้าไปหลบในห้องน้ำ และเมื่อหนีมาได้ก็ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล โดยแพทย์ได้เย็บแผลถึง 15 เข็ม เมื่อหายเป็นปกติแล้วโค้ชก็จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ พร้อมกับให้คำมั่นสัญญาว่าเรื่องดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว นอกจากนี้ยังมีตำรวจท่องเที่ยวนายหนึ่งเข้ามาพูดคุยกับตนว่าถ้ามีอะไรให้คุยกับเขาโดยตรง และอย่าไปแจ้งความ
นายบัมบา กล่าวอีกว่า ด้วยความกลัวตนก็ไม่กล้าทำอะไร แต่จากนั้นก็มาถูกรุมทำร้ายอีก 2 ครั้ง โดยกลุ่มคนที่รุมทำร้ายตนนั้นก็เป็นญาติของหัวหน้าโค้ช ส่วนพวกโค้ชมายืนดูเหตุการณ์โดยไม่ห้ามอะไร มิหน้ำซ้ำภรรยาหัวหน้าโค้ชยังมาพูดข่มขู่แฟนสาวตนด้วยว่า อย่ามาเยียบเมืองสุพรรณอีก และถ้าตนแจ้งความก็จะไม่ได้รับความปลอดภัย
“หลังจากถูกรุมทำร้ายครั้งสุดท้าย ผมก็หนีออกจากแคมป์ทันทีโดยไม่เก็บข้าวของอะไรออกมาเลย เพราะเห็นว่าอยู่ต่อไปก็ไม่มีความปลอดภัยในชีวิตแล้ว เนื่องจากเขาเป็นคนมีอิทธิพลในเมืองสุพรรณ ผมกับแฟนเลยหนีอยู่ที่ กทม. นอกจากนี้ เพื่อนนักฟุตบอลจากทวีปแอฟริกาหลายคนก็เคยเจอพฤติกรรมในทำนองนี้จากทีมฟุตบอลต่างๆ ในเมืองไทย แต่ไม่มีใครกล้าออกมาพูดความจริง เพราะกลัวไม่ปลอดภัย” นายบัมบา กล่าวด้วยสีหน้าหวาดกลัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังรับแจ้งความ พนักงานสอบสวนกองปราบปราม ได้แจ้งให้บัมบาไปแจ้งความที่กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว (บก.ทท.) โดยให้เหตุผลว่าคดีดังกล่าวไม่เข้าขอบข่ายการรับผิดชอบของกองปราบปราม
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายชัยสิทธิ์ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องดังกล่าวว่า ผู้เล่นจากกาฬทวีปเอาจริงเอาจังกับการซ้อมเกินเหตุ เล่นรุนแรงกับเพื่อนร่วมทีมระหว่างซ้อม ทำให้มีการกระทบกระทั่งจนเกิดอารมณ์เดือดจึงเกิดชกต่อยกันขึ้น