โจรสวมหมวกเดินป่าบุกเดี่ยว จี้ร้านทองกลางห้างเดอะมอลล์บางแค ใช้เวลาแค่ 20 วินาที กวาดทอง 321 บาท มูลค่ากว่า 4 ล้านบาท จี้แท็กซี่หนีลอยนวล พนักงานร้านทอง-อปพร.นั่งแท็กซี่ตามไปแต่ก็ไม่ทัน ตำรวจเจอตัวโชเฟอร์แท็กซี่แล้ว บอกถูกจี้ให้ไปส่งที่วัดศรีเอี่ยม ย่านบางนา
เมื่อเวลา 19.00 น.วานนี้ (15 ต.ค.) พ.ต.ท.สุพิศ อาละพล พนักงานสอบสวน (สบ.2) สน.หลักสอง รับแจ้งมีคนร้ายก่อเหตุชิงทรัพย์ ร้านทองแม่ทองใบคลาสสิก ตั้งอยู่ชั้นจีโซนพลาซ่า ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ สาขาบางแค ถนนเพชรเกษม แขวงและเขตบางแค จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ พร้อม พล.ต.ต.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ มีเพียร ผบก.น.9 พ.ต.อ.ทักษิณ พ่วงเงิน รอง ผบก.น.9 พ.ต.อ.วราพงษ์ มโนลีหกุล ผกก.สน.หลักสอง พ.ต.อ.นักรบ สุดใจ ผกก.สส.บก.น.9 เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนจาก กก.สส.บก.น.9 และ สน.หลักสอง เจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐาน
ที่เกิดเหตุเป็นร้านทองคูหาเดียว เจ้าหน้าที่พบประชาชนที่จับจ่ายซื้อสินค้าภายในห้างกำลังยืนมุงดูอยู่บริเวณที่เกิดเหตุเป็นจำนวนมาก จึงต้องกันไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปใกล้ที่เกิดเหตุ จากนั้นเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าไปทำการเก็บรอยนิ้วมือแฝงของคนร้าย พร้อมตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในร้าน
จากการสอบสวน น.ส.เกตุวดี แซ่ตั้ง อายุ 30 ปี พนักงานขายทองในร้านเปิด ให้การว่า ช่วงเกิดเหตุ ขณะที่ตนเองกำลังยืนขายทองรูปพรรณให้กับลูกค้าผู้หญิงคนหนึ่ง ก็ได้มีคนร้ายเป็นชาย 1 คน รูปร่างผอม สูงประมาณ 170 ซม. ผิวดำ อายุประมาณ 30 ปี สวมหมวกเดินป่าสีดำ สวมเสื้อคลุมสีดำทับเสื้อยืดสีขาว นุ่งกางเกงยีนส์ สวมรองเท้าผ้าใบสีขาว ตรงเข้ามาในร้านแล้วปีนข้ามตู้โชว์ทองเข้ามาพยายามจะดึงสร้อยทองไป ตนก็เลยพยายามจะเข้าไปแย่ง แต่คนร้ายได้ชักปืนออกมา ตนก็เลยตกใจวิ่งหนีและร้องขอความช่วยเหลือ จากนั้นคนร้ายก็กวาดทองใส่กระเป๋าสะพายสีดำวิ่งออกจากร้านไป
ด้าน นายนิพนธ์ ปานบุญลือ หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษ อปพร.เขตบางแค และวินจักรยานยนต์รับจ้างหน้าห้างให้การว่า ก่อนเกิดเหตุขณะที่นั่งรอให้บริการลูกค้าอยู่ด้านหน้าห้างก็ได้เห็นคนร้ายวิ่งผ่านไป โดยมีคนในร้านทองวิ่งไล่ตามหลังไป ตนจึงเข้าไปสอบถามก็ทราบว่าเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุชิงทองจากร้านทองแม่ทองใบ จึงได้วิ่งตามไปด้วยเพื่อจะช่วยจับกุม จนพบว่าคนร้ายวิ่งออกจากห้างข้ามฝั่งไปถนนเพชรเกษมขาออกเพื่อจะขึ้นรถโดยสารประจำทาง พวกตนก็วิ่งตามไป แต่ปรากฏว่าการจราจรติดขัดมาก และคนร้ายหันมาเห็นพวกตนเข้า จึงวิ่งข้ามถนนกลับมายังฝั่งขาออก พวกตนจึงวิ่งย้อนตามกลับมา
นายพิพนธ์ กล่าวต่อว่า พอพวกตนยืนรออยู่ที่เกาะกลางถนนก็เห็นคนร้ายโบกแท็กซี่ สีเขียว-เหลือง ทะเบียน มจ-4112 กทม.เพื่อหลบหนี พวกตนเลยตะโกนบอกไม่ให้โชเฟอร์แท็กซี่รับคนร้ายขึ้นไป โดยโชเฟอร์รถแท็กซี่ก็มองแบบตกใจ ปรากฏว่าคนร้ายควักปืนจี้บังคับให้โชเฟอร์พาหนีไป พวกตนก็เลยเรียกแท็กซี่ตามรถคันดังกล่าวไป แต่ก็ไปคลาดกันที่ห้างโลตัส สาขาบางแค
ด้าน พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ เปิดเผยว่า สำหรับทองรูปพรรณที่คนร้ายได้ไปนั้น มีน้ำหนักรวม 321 บาท แบ่งเป็นทองรูปพรรณน้ำหนัก 2 บาท จำนวน 98 เส้น และน้ำหนัก 5 บาท อีกจำนวน 25 เส้น รวมมูลค่ากว่า 4 ล้านบาท ซึ่งจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของร้านนั้น พบว่า คนร้ายใช้เวลาในการลงมือครั้งนี้ประมาณ 20 วินาที
พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ กลาวต่อว่า จากการตรวจสอบทะเบียนรถแท็กซี่ที่คนร้ายใช้หลบหนีนั้น ทราบว่า โชเฟอร์รถแท็กซี่คันดังกล่าวชื่อ นายประเสริฐ สาลิกา โดยเบื้องต้นให้การว่าถูกคนร้ายได้จี้บังคับให้ไปส่งแถววัดศรีเอี่ยม ย่านบางนา ซึ่งขณะนี้กำลังประสานให้มาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเป็นแนวทางในการจับกุมคนร้ายต่อไป
เมื่อเวลา 19.00 น.วานนี้ (15 ต.ค.) พ.ต.ท.สุพิศ อาละพล พนักงานสอบสวน (สบ.2) สน.หลักสอง รับแจ้งมีคนร้ายก่อเหตุชิงทรัพย์ ร้านทองแม่ทองใบคลาสสิก ตั้งอยู่ชั้นจีโซนพลาซ่า ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ สาขาบางแค ถนนเพชรเกษม แขวงและเขตบางแค จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ พร้อม พล.ต.ต.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ มีเพียร ผบก.น.9 พ.ต.อ.ทักษิณ พ่วงเงิน รอง ผบก.น.9 พ.ต.อ.วราพงษ์ มโนลีหกุล ผกก.สน.หลักสอง พ.ต.อ.นักรบ สุดใจ ผกก.สส.บก.น.9 เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนจาก กก.สส.บก.น.9 และ สน.หลักสอง เจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐาน
ที่เกิดเหตุเป็นร้านทองคูหาเดียว เจ้าหน้าที่พบประชาชนที่จับจ่ายซื้อสินค้าภายในห้างกำลังยืนมุงดูอยู่บริเวณที่เกิดเหตุเป็นจำนวนมาก จึงต้องกันไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปใกล้ที่เกิดเหตุ จากนั้นเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าไปทำการเก็บรอยนิ้วมือแฝงของคนร้าย พร้อมตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในร้าน
จากการสอบสวน น.ส.เกตุวดี แซ่ตั้ง อายุ 30 ปี พนักงานขายทองในร้านเปิด ให้การว่า ช่วงเกิดเหตุ ขณะที่ตนเองกำลังยืนขายทองรูปพรรณให้กับลูกค้าผู้หญิงคนหนึ่ง ก็ได้มีคนร้ายเป็นชาย 1 คน รูปร่างผอม สูงประมาณ 170 ซม. ผิวดำ อายุประมาณ 30 ปี สวมหมวกเดินป่าสีดำ สวมเสื้อคลุมสีดำทับเสื้อยืดสีขาว นุ่งกางเกงยีนส์ สวมรองเท้าผ้าใบสีขาว ตรงเข้ามาในร้านแล้วปีนข้ามตู้โชว์ทองเข้ามาพยายามจะดึงสร้อยทองไป ตนก็เลยพยายามจะเข้าไปแย่ง แต่คนร้ายได้ชักปืนออกมา ตนก็เลยตกใจวิ่งหนีและร้องขอความช่วยเหลือ จากนั้นคนร้ายก็กวาดทองใส่กระเป๋าสะพายสีดำวิ่งออกจากร้านไป
ด้าน นายนิพนธ์ ปานบุญลือ หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษ อปพร.เขตบางแค และวินจักรยานยนต์รับจ้างหน้าห้างให้การว่า ก่อนเกิดเหตุขณะที่นั่งรอให้บริการลูกค้าอยู่ด้านหน้าห้างก็ได้เห็นคนร้ายวิ่งผ่านไป โดยมีคนในร้านทองวิ่งไล่ตามหลังไป ตนจึงเข้าไปสอบถามก็ทราบว่าเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุชิงทองจากร้านทองแม่ทองใบ จึงได้วิ่งตามไปด้วยเพื่อจะช่วยจับกุม จนพบว่าคนร้ายวิ่งออกจากห้างข้ามฝั่งไปถนนเพชรเกษมขาออกเพื่อจะขึ้นรถโดยสารประจำทาง พวกตนก็วิ่งตามไป แต่ปรากฏว่าการจราจรติดขัดมาก และคนร้ายหันมาเห็นพวกตนเข้า จึงวิ่งข้ามถนนกลับมายังฝั่งขาออก พวกตนจึงวิ่งย้อนตามกลับมา
นายพิพนธ์ กล่าวต่อว่า พอพวกตนยืนรออยู่ที่เกาะกลางถนนก็เห็นคนร้ายโบกแท็กซี่ สีเขียว-เหลือง ทะเบียน มจ-4112 กทม.เพื่อหลบหนี พวกตนเลยตะโกนบอกไม่ให้โชเฟอร์แท็กซี่รับคนร้ายขึ้นไป โดยโชเฟอร์รถแท็กซี่ก็มองแบบตกใจ ปรากฏว่าคนร้ายควักปืนจี้บังคับให้โชเฟอร์พาหนีไป พวกตนก็เลยเรียกแท็กซี่ตามรถคันดังกล่าวไป แต่ก็ไปคลาดกันที่ห้างโลตัส สาขาบางแค
ด้าน พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ เปิดเผยว่า สำหรับทองรูปพรรณที่คนร้ายได้ไปนั้น มีน้ำหนักรวม 321 บาท แบ่งเป็นทองรูปพรรณน้ำหนัก 2 บาท จำนวน 98 เส้น และน้ำหนัก 5 บาท อีกจำนวน 25 เส้น รวมมูลค่ากว่า 4 ล้านบาท ซึ่งจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของร้านนั้น พบว่า คนร้ายใช้เวลาในการลงมือครั้งนี้ประมาณ 20 วินาที
พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ กลาวต่อว่า จากการตรวจสอบทะเบียนรถแท็กซี่ที่คนร้ายใช้หลบหนีนั้น ทราบว่า โชเฟอร์รถแท็กซี่คันดังกล่าวชื่อ นายประเสริฐ สาลิกา โดยเบื้องต้นให้การว่าถูกคนร้ายได้จี้บังคับให้ไปส่งแถววัดศรีเอี่ยม ย่านบางนา ซึ่งขณะนี้กำลังประสานให้มาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเป็นแนวทางในการจับกุมคนร้ายต่อไป
