ตำรวจพระโขนง รวบหนุ่มออฟฟิศ ใช้จักรยานยนต์วิ่งราวมือถือ ตรวจค้นรถพบโทรศัพท์ของกลางถึง 6 เครื่อง เจ้าตัวรับสารภาพทำผิดครั้งแรก แต่คืนเดียวตระเวนก่อเหตุไปถึง 5 ครั้งซ้อน
วันนี้ (16 ก.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น. พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ผบก.น.5, พ.ต.อ.ประสาท ไชยศิริ ผกก.สน.พระโขนง, พ.ต.ท.ฐาปกรณ์ อินทะชัย สว.สส.สน.พระโขนง ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายสุรศักดิ์ ดวงเกิด อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 771 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม.อาชีพเจ้าหน้าที่ฝ่ายเอกสาร ของบริษัท แอลทีเวิร์ค พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นคลิก สีน้ำเงินคาดดำ หมายเลขทะเบียน รทธ-458 กทม. 1 คัน โทรศัพท์มือถือ 6 เครื่อง และรองเท้าผ้าใบยี่ห้อนันยาง 1 คู่
จากการสอบสวน น.ส.เบญจวรรณ นกหงส์ อายุ 25 ปี เลขานุการบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งและเป็นผู้เสียหาย ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 02.00 น.ของวันที่ 16 ก.ย.ตนกำลังยืนรอรถแท็กซี่อยู่ที่บริเวณปากซอยสุขุมวิท 101 ขณะที่กำลังหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่อโทร.เรียกรถแท็กซี่ คนร้ายได้ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดแล้วกระชากโทรศัพท์ก่อนขับรถหลบหนีไป
น.ส.เบญจวรรณ ให้การต่อว่า หลังจากที่คนร้ายกระชากโทรศัพท์ไป ตนจึงขอความช่วยเหลือจากพลเมืองดีที่ขับรถยนต์ผ่านมา ก่อนที่จะขับรถยนต์ติดตามคนร้ายไปจนถึงซอยปุณณวิถี 24 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กทม.ซึ่งเป็นซอยตัน พบรถจักรยานยนต์ของคนร้ายจอดอยู่ ส่วนคนร้ายได้วิ่งหลบหนีไป จากนั้นจึงโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าตรวจสอบและจับกุมตัวคนร้าย
พล.ต.ต.อนันต์ กล่าวว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจาก น.ส.เบญจวรรณ จึงสั่งการให้ฝ่ายสืบสวนออกติดตามตัวคนร้าย จากการตรวจสอบรถจักรยานยนต์ของคนร้ายพบโทรศัพท์มือถือจำนวน 6 เครื่องที่คนร้ายขโมยมาอยู่ใต้เบาะรถ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นบ้านพักของผู้ต้องหาย่านคลองตัน พบผู้ต้องหาพักอยู่ในบ้าน เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวมาสอบสวนที่ สน.พระโขนง
พล.ต.ต.อนันต์ กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนนายสุรศักดิ์ให้การรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้ไปนั่งดื่มสุราอยู่ที่ร้านคาราโอเกะย่านกล้วยน้ำไท จนเกิดอาการมึนเมา จากนั้นจึงออกตระเวนก่อเหตุวิ่งราวโทรศัพท์มือถือตามที่ต่างๆ โดยเมื่อคืนที่ผ่านมาได้ลงมือก่อเหตุวิ่งราวไปจำนวน 5 ครั้ง ประกอบด้วย บริเวณปากซอยสุขุมวิท 65 ปากซอยสุขุมวิท 67 ปากซอยสุขุมวิท 71 ปากซอยสุขุมวิท 79 และปากซอยสุขุมวิท 101 ซึ่งตนจะลงมือก่อเหตุเพียงคนเดียว และก่อเหตุครั้งนี้เป็นครั้งแรก เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาวิ่งราวทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม