“เสรีพิศุทธ์” สั่งเด้งกะทันหัน ผบก.ยโสธร ผกก.-สวป.-พงส. สภ.อ.เมือง ที่ปล่อยให้อันธพาล บุกไปเตะเสยหน้า ส.ต.อ.จนสลบเหมือดต่อหน้าต่อตา ขณะกำลังก้มลงกราบขอโทษนายก อบจ.ทั้งที่ไม่ผิด แต่ถูกผู้บังคับบัญชาบังคับเพื่อให้เรื่องจบ อีกทั้งยังเพิกเฉยไม่จับกุมดำเนินคดีคนร้าย ทำให้ตำรวจทั้งโรงพักรวมตัวกันประท้วง
วันนี้ (6 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.รณรงค์ ยั่งยืน โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่ม นายสถิรพร นาคสุข นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ยโสธร นำลูกน้องบุกขึ้นโรงพักและทำร้ายร่างกายโดยเตะ ส.ต.อ.อาทิตย์ แดงดี ผบ.หมู่ กลุ่มงานป้องกันปราบปราม สภ.อ.เมือง จ.ยโสธร จนสลบเหมือด ต่อหน้า พ.ต.อ.โรจน์วัฒน์ รัตนเรืองภิญโญ ผกก. และ พ.ต.ท.ปรีชา สารถี สวป. บนโรงพัก เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งหลังเกิดเหตุผู้บังคับบัญชาทั้ง 2 นายไม่ได้ดำเนินการจับกุมผู้ก่อเหตุซึ่งถือว่าเป็นความผิดซึ้งหน้าแต่อย่างใด ต่อมาบรรดาข้าราชการตำรวจ สภ.อ.เมืองยโสธร กว่า 100 นายได้ชุมนุมประท้วงเพื่อขอความเป็นธรรมจากผู้บังคับบัญชา ทวาาได้รับคำตอบจาก พล.ต.ต.สุพรรณ ประเสริฐสม ผบก.ยโสธรไม่เป็นที่น่าพอใจนัก
พล.ต.ท.รณรงค์ กล่าวว่า ทาง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาราชการแทน ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ชัยยง กีรติขจร ผบก.กองกำลังพล ดำเนินการแจ้งให้ พล.ต.ท.วราสิทธิ์ พรเลิศ ผบช.ภ.3 ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และรายงานผลให้ทราบภายใน 15 วัน รวมทั้งให้รายงานผลทางคดีให้ทราบอย่างเร่งด่วน อีกทั้งได้สั่งการให้ทำคำสั่ง โดยให้ พล.ต.ต.สุพรรณ ประเสริฐสม ผบก.ยโสธร พ.ต.อ.โรจน์วัฒน์ รัตนเรืองภิญโญ ผกก.สภ.อ.เมือง พ.ต.ท.ปรีชา สารถี สวป.สภ.อ.เมือง และพ.ต.ต.พิจิต พิจารณ์ พงส.(สบ.2) ไปช่วยราชการยัง บช.ภ. 3 และให้ พ.ต.อ.สมหมาย กองวิสัยสุข รอง ผบก.ขอนแก่น ไปปฏิบัติราชการแทน ผบก.ยโสธร จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
วันเดียวกัน ที่รัฐสภา น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ยื่นกระทู้ถามสดถึงเรื่องดังกล่าวต่อ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ซึ่งนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ รมว.ยุติธรรม ลุกขึ้นชี้แจงแทนนายกรัฐมนตรี ว่าได้รับรายงานข้อเท็จจริงแล้ว โดยขณะนี้คนร้ายที่ทำร้าย ส.ต.อ.อาทิตย์ ได้เข้ามอบตัวแล้ว 2 คน และตำรวจได้แจ้งข้อหาต่อทั้ง 2 คน คือ ทำร้ายเจ้าพนักงานและดูหมิ่นเจ้าพนักงานแล้ว และได้กำชับว่าเหตุที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องสำคัญ ขอให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย และไม่ควรเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก
อย่างไรก็ตาม น.ส.กัญจนา แสดงความพอใจต่อการชี้แจงดังกล่าว โดยยืนยันว่าจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด จนกว่าจะเกิดความกระจ่างว่ามีใครถูกลงโทษบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้บังคับบัญชาที่ถูกระบุว่าเพิกเฉย รวมไปถึงตัวผู้กระทำ เพราะคนมักพูดกันว่าลูกหลานนักการเมืองทั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติมักจะกร่าง จึงเห็นว่าเรื่องนี้ต้องดำเนินการให้เกิดความเหมาะสม
เหตุการณ์ดังกล่าว เริ่มต้นจากเมื่อคืนวันที่ 31 ส.ค.มีวงดนตรี “หลวงไก่” ไปเปิดการแสดงที่สวนสาธารณะพญาแถน จากนั้นเกิดเหตุวัยรุ่นชกต่อยกันอยู่ฝั่งตรงข้ามเวที ส.ต.อ.อาทิตย์ ซึ่งเป็นหัวหน้าชุดจึงเข้าไประงับเหตุ จนกลุ่มวัยรุ่นพากันสลายตัวไป แต่หลังเกิดเหตุไม่นานนายสถิรพร นำนายอนุชิต หรือแม็กนั่ม นาคสุข วัย 16 ปี บุตรชาย และกลุ่มรุ่นกลุ่มหนึ่งเดินทางไปยังโรงพักเพื่อสอบถามถึงเหตุการณ์ โดยเข้าใจว่าตำรวจที่เข้าระงับเหตุทำร้ายนายอนุชิตจนได้รับบาดเจ็บ แต่ได้รับการยืนยันจากตำรวจชุดที่เข้าระงับเหตุว่าไม่มีการทำร้ายเพียงแต่กระชากแขนผู้ก่อเหตุเพื่อแยกวัยรุ่นออกจากกันเท่านั้น และขณะที่ตำรวจได้พูดคุยทำความเข้าใจ รวมทั้ง ส.ต.อ.อาทิตย์ กำลังก้มยกมือไหว้กล่าวคำขอโทษนายก อบจ.อยู่นั้น ปรากฏว่าจู่ๆ มีวัยรุ่นคนหนึ่งทราบภายหลังชื่อนายกาซิม หรือแขก ไม่ทราบนามสกุล ที่ตามมาสมทบภายหลังปรี่เข้าไปใช้เท้าเตะหน้าผาก ส.ต.อ.อาทิตย์ ที่ไม่ทันระวังตัวหงายหลังทั้งยืนจนสลบเหมือด ก่อนที่นายกาซิมจะถือโอกาสช่วงชุลมุนวิ่งหลบหนีไป
อย่างไรก็ตาม ส.ต.อ.อาทิตย์ ชี้แจงว่า เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 1 ก.ย.ได้มีคำสั่งให้ไปรักษาความปลอดภัยงานคอนเสิร์ตวงดนตรี “หลวงไก่” ภายในสวนพญาแถน ซึ่งขณะนั้นได้มีกลุ่มวัยรุ่นกำลังจะชกต่อยกัน ตนจึงเข้าไปห้ามปรามและพบวัยรุ่นคนหนึ่งอายุราว 15-16 ปี ซึ่งมาทราบที่หลังว่าเป็นลูกชายของ นายสถิรพร นาคสุข นายก อบจ.ยโสธร ยืนเกาะราวกั้นอยู่ จึงเข้าไปห้ามปรามและพูดคุยกัน และเห็นลูกนายก อบจ.ห้อยพระ จึงหยิบพระขึ้นมาดู ซึ่งขณะที่ดูอยู่นั้นลูกชายของนายก อบจ.ก็กระโดดลงจากราวกั้น ทำให้พระหลุดจากสร้อยคอ ตนจึงขอโทษ และลูกชายนาย กอบจ.ก็เดินไปหาเพื่อน จากนั้นกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 4-5 คนได้เดินมาหาตนหวังจะเอาเรื่อง แต่ตนก็เจรจาขอโทษไป หลังจากนั้น ได้ทำงานตามปกติ ต่อมาจึงได้รับโทรศัพท์จาก สวป.โดยบอกให้มาโรงพักด่วน พอมาถึงโรงพักก็พบ ผกก., สวป. และนายสถิรพร นาคสุข นายก อบจ. และชายฉกรรจ์ 4-5 คน คอยอยู่ จึงเข้าไปทำความเคารพตามปกติ แต่ขณะนั้นได้มีชายฉกรรจ์คนหนึ่งเข้ามาตบหน้า อีกคนก็เข้าชกหน้าจนตนร่วงลงกับพื้น ตนก็สอบถามว่าเกิดเรื่องอะไร จึงทราบว่ามีคนกล่าวหาว่าตนกระชากพระลูกชายนายก อบจ. ซึ่งตนก็ปฏิเสธว่าไม่ได้ทำ แต่ฝ่ายนายก อบจ.ไม่ยอม และบังคับให้ตนยอมรับผิด ต่อมาจึงได้ขึ้นไปเจรจาบนโรงพัก ผกก.และสวป.จึงสั่งปลดอาวุธตน และบอกให้ตนยอมรับเพื่อให้เรื่องจบ ตนจึงต้องยอมรับผิดทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำ
“เขาให้ผมขอโทษโดยการกราบเท้าของนายก อบจ.ทั้งๆ ที่ผมอยู่ในเครื่องแบบตำรวจเต็มยศ ผมก็ต้องจำใจยอมและก้มลงกราบ ซึ่งขณะที่ก้มลงกราบและกำลังแหงนหน้าขึ้น ได้มีลูกน้องคนหนึ่งของนายก อบจ.เข้ามาเตะเข้าที่หน้าผากจนผมสลบไป และมารู้ตัวอีกครั้งขณะที่ได้รับการปฐมพยาบาลจากเพื่อนตำรวจด้วยกัน และกลับไปพักผ่อนที่บ้านพัก ทางผู้ใหญ่ก็ให้ไปผมไปแจ้งความและผมก็ได้แจ้งไปแล้ว และยืนยันว่าผมบริสุทธิ์ ไม่ได้ทำร้ายร่างกายลูกชายของนายก อบจ.ยโสธร แต่อย่างใด และที่กล่าวหาว่าผมตบหน้าเด็กนั้น ผมขอสาบานให้ตายก็ยอม เพราะผมไม่ทำจริงๆ เป็นเพียงการกล่าวอ้างเท่านั้น” ส.ต.อ.อาทิตย์ กล่าว
ส.ต.อ.อาทิตย์ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้ที่ผ่านมาทางผู้ใหญ่ต้องการให้ตนยอมรับผิดเพื่อให้จบเรื่องโดยเร็ว ซึ่งตนก็ยอมทำตาม แต่พอเพื่อนตำรวจด้วยกันทราบเรื่องต่างไม่พอใจ เพราะเห็นว่าการกระทำดังกล่าวของกลุ่มนักการเมืองเป็นการกระทำที่อุกอาจไม่เกรงกลัวกฎหมาย และถือว่าเป็นการดูหมิ่นศักดิ์ศรีตำรวจอย่างรุนแรง จึงพากันออกมาประท้วงและขอให้ดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุโดยเร็วที่สุด


วันนี้ (6 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.รณรงค์ ยั่งยืน โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่ม นายสถิรพร นาคสุข นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ยโสธร นำลูกน้องบุกขึ้นโรงพักและทำร้ายร่างกายโดยเตะ ส.ต.อ.อาทิตย์ แดงดี ผบ.หมู่ กลุ่มงานป้องกันปราบปราม สภ.อ.เมือง จ.ยโสธร จนสลบเหมือด ต่อหน้า พ.ต.อ.โรจน์วัฒน์ รัตนเรืองภิญโญ ผกก. และ พ.ต.ท.ปรีชา สารถี สวป. บนโรงพัก เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งหลังเกิดเหตุผู้บังคับบัญชาทั้ง 2 นายไม่ได้ดำเนินการจับกุมผู้ก่อเหตุซึ่งถือว่าเป็นความผิดซึ้งหน้าแต่อย่างใด ต่อมาบรรดาข้าราชการตำรวจ สภ.อ.เมืองยโสธร กว่า 100 นายได้ชุมนุมประท้วงเพื่อขอความเป็นธรรมจากผู้บังคับบัญชา ทวาาได้รับคำตอบจาก พล.ต.ต.สุพรรณ ประเสริฐสม ผบก.ยโสธรไม่เป็นที่น่าพอใจนัก
พล.ต.ท.รณรงค์ กล่าวว่า ทาง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาราชการแทน ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ชัยยง กีรติขจร ผบก.กองกำลังพล ดำเนินการแจ้งให้ พล.ต.ท.วราสิทธิ์ พรเลิศ ผบช.ภ.3 ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และรายงานผลให้ทราบภายใน 15 วัน รวมทั้งให้รายงานผลทางคดีให้ทราบอย่างเร่งด่วน อีกทั้งได้สั่งการให้ทำคำสั่ง โดยให้ พล.ต.ต.สุพรรณ ประเสริฐสม ผบก.ยโสธร พ.ต.อ.โรจน์วัฒน์ รัตนเรืองภิญโญ ผกก.สภ.อ.เมือง พ.ต.ท.ปรีชา สารถี สวป.สภ.อ.เมือง และพ.ต.ต.พิจิต พิจารณ์ พงส.(สบ.2) ไปช่วยราชการยัง บช.ภ. 3 และให้ พ.ต.อ.สมหมาย กองวิสัยสุข รอง ผบก.ขอนแก่น ไปปฏิบัติราชการแทน ผบก.ยโสธร จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
วันเดียวกัน ที่รัฐสภา น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ยื่นกระทู้ถามสดถึงเรื่องดังกล่าวต่อ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ซึ่งนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ รมว.ยุติธรรม ลุกขึ้นชี้แจงแทนนายกรัฐมนตรี ว่าได้รับรายงานข้อเท็จจริงแล้ว โดยขณะนี้คนร้ายที่ทำร้าย ส.ต.อ.อาทิตย์ ได้เข้ามอบตัวแล้ว 2 คน และตำรวจได้แจ้งข้อหาต่อทั้ง 2 คน คือ ทำร้ายเจ้าพนักงานและดูหมิ่นเจ้าพนักงานแล้ว และได้กำชับว่าเหตุที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องสำคัญ ขอให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย และไม่ควรเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก
อย่างไรก็ตาม น.ส.กัญจนา แสดงความพอใจต่อการชี้แจงดังกล่าว โดยยืนยันว่าจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด จนกว่าจะเกิดความกระจ่างว่ามีใครถูกลงโทษบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้บังคับบัญชาที่ถูกระบุว่าเพิกเฉย รวมไปถึงตัวผู้กระทำ เพราะคนมักพูดกันว่าลูกหลานนักการเมืองทั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติมักจะกร่าง จึงเห็นว่าเรื่องนี้ต้องดำเนินการให้เกิดความเหมาะสม
เหตุการณ์ดังกล่าว เริ่มต้นจากเมื่อคืนวันที่ 31 ส.ค.มีวงดนตรี “หลวงไก่” ไปเปิดการแสดงที่สวนสาธารณะพญาแถน จากนั้นเกิดเหตุวัยรุ่นชกต่อยกันอยู่ฝั่งตรงข้ามเวที ส.ต.อ.อาทิตย์ ซึ่งเป็นหัวหน้าชุดจึงเข้าไประงับเหตุ จนกลุ่มวัยรุ่นพากันสลายตัวไป แต่หลังเกิดเหตุไม่นานนายสถิรพร นำนายอนุชิต หรือแม็กนั่ม นาคสุข วัย 16 ปี บุตรชาย และกลุ่มรุ่นกลุ่มหนึ่งเดินทางไปยังโรงพักเพื่อสอบถามถึงเหตุการณ์ โดยเข้าใจว่าตำรวจที่เข้าระงับเหตุทำร้ายนายอนุชิตจนได้รับบาดเจ็บ แต่ได้รับการยืนยันจากตำรวจชุดที่เข้าระงับเหตุว่าไม่มีการทำร้ายเพียงแต่กระชากแขนผู้ก่อเหตุเพื่อแยกวัยรุ่นออกจากกันเท่านั้น และขณะที่ตำรวจได้พูดคุยทำความเข้าใจ รวมทั้ง ส.ต.อ.อาทิตย์ กำลังก้มยกมือไหว้กล่าวคำขอโทษนายก อบจ.อยู่นั้น ปรากฏว่าจู่ๆ มีวัยรุ่นคนหนึ่งทราบภายหลังชื่อนายกาซิม หรือแขก ไม่ทราบนามสกุล ที่ตามมาสมทบภายหลังปรี่เข้าไปใช้เท้าเตะหน้าผาก ส.ต.อ.อาทิตย์ ที่ไม่ทันระวังตัวหงายหลังทั้งยืนจนสลบเหมือด ก่อนที่นายกาซิมจะถือโอกาสช่วงชุลมุนวิ่งหลบหนีไป
อย่างไรก็ตาม ส.ต.อ.อาทิตย์ ชี้แจงว่า เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 1 ก.ย.ได้มีคำสั่งให้ไปรักษาความปลอดภัยงานคอนเสิร์ตวงดนตรี “หลวงไก่” ภายในสวนพญาแถน ซึ่งขณะนั้นได้มีกลุ่มวัยรุ่นกำลังจะชกต่อยกัน ตนจึงเข้าไปห้ามปรามและพบวัยรุ่นคนหนึ่งอายุราว 15-16 ปี ซึ่งมาทราบที่หลังว่าเป็นลูกชายของ นายสถิรพร นาคสุข นายก อบจ.ยโสธร ยืนเกาะราวกั้นอยู่ จึงเข้าไปห้ามปรามและพูดคุยกัน และเห็นลูกนายก อบจ.ห้อยพระ จึงหยิบพระขึ้นมาดู ซึ่งขณะที่ดูอยู่นั้นลูกชายของนายก อบจ.ก็กระโดดลงจากราวกั้น ทำให้พระหลุดจากสร้อยคอ ตนจึงขอโทษ และลูกชายนาย กอบจ.ก็เดินไปหาเพื่อน จากนั้นกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 4-5 คนได้เดินมาหาตนหวังจะเอาเรื่อง แต่ตนก็เจรจาขอโทษไป หลังจากนั้น ได้ทำงานตามปกติ ต่อมาจึงได้รับโทรศัพท์จาก สวป.โดยบอกให้มาโรงพักด่วน พอมาถึงโรงพักก็พบ ผกก., สวป. และนายสถิรพร นาคสุข นายก อบจ. และชายฉกรรจ์ 4-5 คน คอยอยู่ จึงเข้าไปทำความเคารพตามปกติ แต่ขณะนั้นได้มีชายฉกรรจ์คนหนึ่งเข้ามาตบหน้า อีกคนก็เข้าชกหน้าจนตนร่วงลงกับพื้น ตนก็สอบถามว่าเกิดเรื่องอะไร จึงทราบว่ามีคนกล่าวหาว่าตนกระชากพระลูกชายนายก อบจ. ซึ่งตนก็ปฏิเสธว่าไม่ได้ทำ แต่ฝ่ายนายก อบจ.ไม่ยอม และบังคับให้ตนยอมรับผิด ต่อมาจึงได้ขึ้นไปเจรจาบนโรงพัก ผกก.และสวป.จึงสั่งปลดอาวุธตน และบอกให้ตนยอมรับเพื่อให้เรื่องจบ ตนจึงต้องยอมรับผิดทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำ
“เขาให้ผมขอโทษโดยการกราบเท้าของนายก อบจ.ทั้งๆ ที่ผมอยู่ในเครื่องแบบตำรวจเต็มยศ ผมก็ต้องจำใจยอมและก้มลงกราบ ซึ่งขณะที่ก้มลงกราบและกำลังแหงนหน้าขึ้น ได้มีลูกน้องคนหนึ่งของนายก อบจ.เข้ามาเตะเข้าที่หน้าผากจนผมสลบไป และมารู้ตัวอีกครั้งขณะที่ได้รับการปฐมพยาบาลจากเพื่อนตำรวจด้วยกัน และกลับไปพักผ่อนที่บ้านพัก ทางผู้ใหญ่ก็ให้ไปผมไปแจ้งความและผมก็ได้แจ้งไปแล้ว และยืนยันว่าผมบริสุทธิ์ ไม่ได้ทำร้ายร่างกายลูกชายของนายก อบจ.ยโสธร แต่อย่างใด และที่กล่าวหาว่าผมตบหน้าเด็กนั้น ผมขอสาบานให้ตายก็ยอม เพราะผมไม่ทำจริงๆ เป็นเพียงการกล่าวอ้างเท่านั้น” ส.ต.อ.อาทิตย์ กล่าว
ส.ต.อ.อาทิตย์ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้ที่ผ่านมาทางผู้ใหญ่ต้องการให้ตนยอมรับผิดเพื่อให้จบเรื่องโดยเร็ว ซึ่งตนก็ยอมทำตาม แต่พอเพื่อนตำรวจด้วยกันทราบเรื่องต่างไม่พอใจ เพราะเห็นว่าการกระทำดังกล่าวของกลุ่มนักการเมืองเป็นการกระทำที่อุกอาจไม่เกรงกลัวกฎหมาย และถือว่าเป็นการดูหมิ่นศักดิ์ศรีตำรวจอย่างรุนแรง จึงพากันออกมาประท้วงและขอให้ดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุโดยเร็วที่สุด