ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก “เสธ.แดง” 3 เดือน ปรับ 1 หมื่นบาท โดยให้รอลงอาญา 3 ปี คดีหมิ่นประมาท “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์”
วันนี้ (22 ส.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 906 ศาลอาญา ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อ.1469/2549 ที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาราชการแทน ผบ.ตร. เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก, น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล, น.ส.สร้อยฟ้า โอสุคนธ์ทิพย์ และ น.ส.นารากร ติยายน ผู้ดำเนินรายการข่าวเช้าไอทีวี ทางสถานีโทรทัศน์ไอทีวี (ในขณะนั้น) เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานและหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 136 และ 328 ต่อมาโจทก์ได้ยื่นถอนฟ้องจำเลยที่ 2-4 ศาลจึงได้จำหน่ายคดีของจำเลยที่ 2-4 ออกจากสารบบ โดยในวันนี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไม่ได้เดินทางมาร่วมฟัง มีเพียงนายอนันตชัย ไชยเดช ทนายความมารับฟังการพิจารณาคดีเท่านั้น
ศาลพิพากษาใจความว่า โจทก์บรรยายความผิดของจำเลยว่า เมื่อวันที่ 23 ก.พ.49 จำเลยที่ 1 ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการข่าวเช้าไอทีวี กล่าวหาโจทก์พาดพิงในทางเสียหายเกี่ยวกับเรื่องที่โจทก์ปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์จนได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันมีศักดิ์รามาธิบดี เหรียญรามมาลาเข็มกล้ากลางสมร การปราบปรามโต๊ะเถื่อนที่สนามม้าราชตฤณมัยสมาคม และราชกรีฑาสโมสร การดำเนินคดีต่อผู้ทุจริตคดีลำไยอบแห้ง และการปราบปรามบ่อน ปอ ประตูน้ำ ทั้งที่เป็นการกระทำตามหน้าที่ของโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าพนักงาน นอกจากนี้ยังใส่ความหมิ่นประมาทโจทก์เรื่องการไม่จับกุมห้องอาหารบาหลี บ่อนการพนันคอนโดมิเนียมปิ่นเกล้า (บ่อนลอยฟ้า) ซึ่งเป็นความเท็จทั้งสิ้น จึงขอให้ศาลลงโทษจำเลยที่ 1 ในความผิดตามฟ้อง
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คำให้สัมภาษณ์ของจำเลยที่ 1 เป็นการพูดหมิ่นประมาทโจทก์ ซึ่งการกล่าวหาดังกล่าวนั้นจำเลยที่ 1 กล่าวอ้างขึ้นลอยๆ ขาดพยานหลักฐานเป็นการใส่ความให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย เป็นเหตุให้ประชาชนที่ดีรับชมรายการดังกล่าวเกิดความเข้าใจผิดได้ ทั้งนี้เห็นว่าโจทก์ซึ่งขณะนั้นมีตำแหน่งเป็นจเรตำรวจแห่งชาติ ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ทำหน้าที่ปราบปรามอบายมุข โดยโจทก์เป็นเจ้าพนักงานตำรวจย่อมมีหน้าที่สอบสวนจับกุมผู้กระทำความผิด การกระทำของจำเลยจึงมีความผิดตามฟ้อง แต่การกระทำของจำเลยไม่ได้เป็นความผิดร้ายแรง ประกอบกับจำเลยเป็นนายทนายระดับสูง ได้ประกอบคุณงามความดีให้กับประเทศจึงเห็นสมควรให้ลงโทษสถานเบา
จึงพิพากษาลงโทษจำคุกเป็นเวลา 3 เดือน ปรับ 1 หมื่นบาท โดยจำเลยถูกพิพากษาจำคุกในคดีหมายเลขแดงที่ อ.2239/2550 แต่คดีดังกล่าวยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ประกอบกับจำเลยไม่เคยได้รับโทษทางอาญามาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษมีกำหนดระยะเวลา 3 ปี ให้จำเลยลงโฆษณาคำพิพากษาโดยย่อในหนังสือพิมพ์มติชน ไทยรัฐ และเดลินิวส์ เป็นเวลา 7 วัน โดยให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด
ภายหลัง พล.ต.ขัตติยะ ได้ให้ลูกน้องที่ติดตามมาฟังคำพิพากษา นำเงินจำนวน 10,000 บาท ไปชำระค่าปรับต่อเจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ ก่อนจะได้รับการปล่อยตัวออกจากห้องพิจารณา พร้อมสัมภาษณ์ว่ายังมีคดีที่ตนถูก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ฟ้องร้องอีกจำนวน 34 คดี ซึ่งต้องต่อสู้คดีตามหลักนิติศาสตร์ต่อไป ในคดีนี้ตนได้มีโอกาสต่อสู้จนศาลเห็นว่าเคยประกอบคุณงามความดีมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญาไว้ สำหรับคดีนี้ต้องยื่นอุทธรณ์ในประเด็นของโทษจำคุก และการลงโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์ที่ต้องใช้เงินจำนวนมาก