xs
xsm
sm
md
lg

จะแจ้งจับ “หลวงหนุ่ย” หลอกลวง-ฉ้อโกงประชาชนได้หรือไม่!?!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

จารบุรุษ

ห็นภาพทั้งจากหน้าหนังสือพิมพ์และจากโทรทัศน์ในพฤติกรรมของพระครูสังฆรักษ์ปรานพ ฐิตคนฺโธ หรือ “หลวงหนุ่ย” รองเจ้าอาวาสวัดหงษ์ประดิษฐาราม หรือวัดคอหงษ์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ที่เดินสายไปเป็นเจ้าพิธีปลุกเสกเครื่องลางของขลัง โดยเฉพาะจตุคามรามเทพ ตามวัดต่างๆ ด้วยค่าตัวเป็นเลข 6-7 หลัก ทั้งควงมีด ควงดาบ ควงปืน ทำท่าทางพึลึกพิลั่นแล้ว บอกได้ทันทีว่าในจิตใจของพุทธศาสนิกชน ที่เชื่อและศรัทธาในหลักธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น รู้สึกหดหู่ระคนสมเพช กับพฤติกรรมดังกล่าวเสียเหลือเกิน

อันตำแหน่ง พระครูสังฆรักษ์ ของ “หลวงหนุ่ย” นั้น ในทางการปกครองของคณะสงฆ์ไทย เรียกกันว่า เป็น “พระฐานานุกรม” ของพระเถระที่ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นผู้แต่งตั้งให้ พูดให้เข้าใจง่ายๆ คือเป็นพระครูระดับล่าง จัดเป็นแค่ชั้นประทวน ไม่ได้เป็นพระครูสัญญาบัตร ที่ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์แต่อย่างใด อย่างตำแหน่งพระครูสังฆรักษ์ของหลวงหนุ่ยนั้น เจ้าอาวาสน่าจะเป็นผู้แต่งตั้งให้เองเสียมากกว่า

กลับไปดูพฤติกรรมเจ้าพิธีของหลวงหนุ่ยนั้น ถือว่า ไม่เหมาะสม ไม่สมควรกับ “สมณสารูป” (สะ-มะ-นะ-สา-รูป) คือ กิริยามารยาทที่ควรแก่ความเป็นภิกษุ ดังนั้น การควงมีด ควงปืน ร่ายรำในท่าทางพึลึกพิลั่น จึงไม่เหมาะกับความเป็นพระอย่างยิ่ง เพราะการมีสมณสารูป ต้องรู้จักรักษากิริยามารยาทอันสำรวม ที่พระพุทธเจ้าไปได้ทรงบัญญัติไว้แล้วในเสขิยวัตร สำหรับภิกษุและสามเณรทั่วไป

นอกจากนี้ การได้เห็น “หลวงหนุ่ย” ทำพิธีต่างๆ นั้น จัดว่าไม่เป็นมงคลอย่างยิ่ง เพราะในมงคล 38 ประการ คือ “มงคลชีวิต” เหตุแห่งความสุข ความความเจริญ ก้าวหน้าในการดำเนินชีวิตนั้น มงคลข้อที่ 29 คือ “การได้เห็นสมณะ” แต่การได้เห็นสมณะอย่างหลวงหนุ่ย ทำไมจึงไม่เป็นมงคล ด้วยสมณะแปลว่า ผู้สงบ และคุณสมบัติของสมณะต้องประกอบด้วยความสงบ 3 อย่าง 1.ต้องสงบกาย มีความสำรวมในการกระทำทุกอย่าง รวมถึงกิริยา มารยาท ตามหลักศีลธรรม 2.ต้องสงบวาจา พูดจาให้อยู่ในกรอบของความพอดี มีความสุภาพสงบเสงี่ยมในคำพูดและภาษาที่ใช้ เป็นไปตามข้อปฏิบัติ ประเพณี และ3.ต้องสงบใจ ทำใจให้สงบปราศจากกิเลสครอบงำ ไม่ว่าจะเป็น โลภ โกรธ หลง หรือความพยาบาทใดๆ ตั้งมั่นอยู่ในสมาธิภาวนา

เพียงคุณสมบัติข้อแรก ลองตรองกันดูว่า “หลวงหนุ่ย” มีความเป็นสมณะหรือไม่ ส่วนการได้เป็นสมณะที่จัดว่าเป็นมงคลนั้น ก็มีอยู่ 3 อย่างเช่นกัน ประกอบด้วย 1.เห็นด้วยตา คือเห็นจากการสัมผัสด้วยสายตาของตนเอง แล้วมีความประทับใจในความสำรวมในกายของสมณะรูปนั้นๆ 2.เห็นด้วยใจ เนื่องจากความสำรวมกาย วาจา ใจของสมณะจะช่วยโนัมน้าวจิตใจของเราให้โอนอ่อนผ่อนตาม และรับฟังหลักคำสอนด้วยใจที่ยินดี และ3.เห็นด้วยปัญญา หมายความถึงการรู้โดยการใช้ปัญญาใคร่ครวญ พิจารณาในการสัมผัส และเข้าถึงและรับรู้ถึงคำสอนของสมณะผู้นั้น และรู้ว่าท่านเป็นผู้ตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรมอย่างแท้จริง

เมื่อทราบเช่นนี้แล้ว ลองพิจารณากันอีกครั้งว่า การได้เห็นพฤติกรรมของหลวงหนุ่ย เป็นการเห็นสมณะที่เป็นมงคลหรือไม่!?!

อย่างไรก็ตาม เราไม่อาจก้าวล่วงความเชื่อ และศรัทธาของปุถุชนทั่วไปได้ เพียงแต่ต้องการนำ “สัจจธรรม” มาชี้ให้เห็นว่าพุทธบุตรของพระพุทธเจ้าที่แท้จริงนั้นควรจะดำรงความเป็นสมณะอย่างไร

ล่าสุด มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า อิทธิฤทธิ์ของหลวงหนุ่ยในการประกอบพิธีปลุกเสกนั้น แท้ที่จริง “ปาหี่” ดีๆ นี่เอง การดึงน้ำตาเทียนขึ้นจากบาตรน้ำมนต์ เมื่อพินิจพิจารณาแล้ว กลับกลายเป็นพลาสติกที่อยู่ในบาตร ที่ลูกศิษย์ลูกหาหลวงหนุ่ยตระเตรียมมาหรือไม่ เพราะเมื่อหลวงหนุ่ยแสดงปาฏิหาริย์เสร็จ ลูกศิษย์ก็ทำการเก็บบาตร(อุปกรณ์) ทันที เรื่องนี้หากเป็นจริงตามที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตไว้ ประชาชนจะสามารถเอาผิด หรือแจ้งจับหลวงหนุ่ยได้หรือไม่ แต่หากจะพึ่งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้เป็นผู้ไปจัดการละก็ ขอร้องเถอะ เป็นได้แค่ “แมว(เสือ)กระดาษ” เท่านั้นเอง

เรื่องนี้ พ.ต.อ.ทนัย อภิชาติเสนีย์ ผกก.สลก.ตร. อดีตพนักงานสอบสวนดีเด่นของบช.น. บอกว่า กรณีดังกล่าว ยังไม่ถือเป็นคดี ยังไม่เป็นความผิดทางอาญา เนื่องจากยังไม่มีผู้เสียหาย เหมือนเป็นการแสดงมายากล หรือปาหี่ จึงไม่เข้าข่ายความผิดตามกฎหมายข้อไหน ทางตำรวจไม่สามารถดำเนินคดีเองได้ เนื่องจากไม่ได้เป็นความผิดที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อรัฐหรือประชาชน คงจะต้องเป็นเรื่องของกฏ ระเบียบ ข้อบังคับของทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติมากกว่า

“หากจะดำเนินคดีได้จะต้องเป็นการโฆษณาชวนเชื่อ และต้องมีการขายสินค้า โดยประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน จะต้องเป็นผู้ที่หลงเชื่อในคำโฆษณาหรือการแสดงที่ได้เห็น และไปซื้อสินค้านั้น และไม่เป็นไปตามคำโฆษณานั้น ก็อาจจะดำเนินคดีเข้าข่ายในข้อหาฉ้อโกงได้” พ.ต.อ.ทนัยกล่าว

ขณะที่นายสมบัติ วงศ์กำแหง เลขาธิการสภาทนายความ รองโฆษกสภาทนายความ ให้ความเห็นว่า ต้องดูที่เจตนาของตัวหลวงหนุ่ยเองด้วย ว่าเจตนา ทำเพื่อหลอกลวง เพื่อให้คนเข้าใจผิดหรือไม่ เพราะที่ได้ติดตามดูข่าว ตัวหลวงหนุ่ยเองยืนยันว่าเป็นการประกอบพิธีกรรม และจากพฤติการณ์หลวงหนุ่ย เป็นผู้ประกอบพิธีกรรม ไม่ใช่เป็นผู้ปั๊มจตุคามออกมาวางจำหน่ายเอง อย่างไรก็ดี หากผู้ที่คิดว่า ตนเองถูกหลอกลวงก็สามารถแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ไปตรวจสอบกระบวนการดังกล่าวได้ หากพบว่าเป็นการทำพิธีเพื่อตบตา หรือหลอกลวงให้คนหลงเชื่อ และมีการโฆษณาอ้างว่าพิธีกรรมดังกล่าวทำให้องค์จตุคามมีความศักดิ์สิทธิ์ น่าเชื่อถือ ก็อาจเข้าข่ายความผิด ตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 341 ที่ระบุว่า ผู้ใด โดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่น ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกดปิด ข้อความจริง ซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังกล่าวขึ้น เพื่อให้ได้ซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวง หรือบุคคลที่ 3 ผู้นั้นกระทำผิดฐานฉ้อโกง มีโทษระวางจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับ 6 พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

“ต้องดูที่เจตนา เพราะดูที่หลวงหนุ่ยนั่งปลุกเสกอย่างเดียวคงลำบาก ต้องดูที่กระบวนการทั้งหมด” นายสมบัติย้ำ

อย่างไรก็ตาม ถึงเวลานี้จะแจ้งจับ “หลวงหนุ่ย” ได้หรือไม่ ยังไม่ชัดเจน แต่ที่ชัดเจนแน่ๆในโลกทรงกลมใบนี้ “คนเขลานั้น ย่อมมีมากกว่าคนมีปัญญามากนัก”
หลวงหนุ่ยกับพิธีกรรมที่ถูกตั้งข้อสังเกต อิทธิฤทธิ์น้ำตาเทียน
หนึ่งในพิธีกรรม
หลวงหนุ่ยเป่าสังข์
กำลังโหลดความคิดเห็น