“ชาญชัย” ปฏิเสธเปล่าเสนอให้สินบน ม.ล.ไกรฤกษ์ เกษมสันต์ ตุลาการรัฐธรรมนูญในคดียุบพรรค อ้างแค่การหยอกล้อระหว่างเพื่อนฝูง รายละเอียดขอให้การชั้นศาล ด้าน ตร.ไม่ขำด้วย ไม่ปักใจเชื่อเตรียมหาหลักฐานเพิ่ม เชื่อพยานที่มีอยู่มีน้ำหนักมากกว่าผู้ต้องหา
วันนี้ (13 ส.ค.) เมื่อเวลา 12.30 น.พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.แถลงภายหลังใช้เวลาสอบปากคำ พ.ต.อ.ชาญชัย เนติรัฐการ ผู้ต้องหาคดีให้สินบนตุลาการในคดียุบพรรค ซึ่งใช้เวลาสอบปากคำร่วม 2 ชั่วโมง ว่า พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา กับ พ.ต.อ.ชาญชัย ในข้อหาให้สินบนเจ้าพนักงานในตำแหน่งตุลาการ เพื่อจูงใจให้กระทำการหรือไม่กระทำการใดๆ ในตำแหน่งโดยมิชอบด้วยหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 167 และ 144 จากการสอบสวน พ.ต.อ.ชาญชัย ให้การปฏิเสธข้อหา แต่ยอมรับว่า ได้เดินทางไปพบ ม.ล.ไกรฤกษ์ เกษมสันต์ ตุลาการรัฐธรรมนูญ ที่ศาลฎีกาจริง เพื่อเชิญให้ไปร่วมงานเลี้ยงรุ่นประจำปี 2549 รวมทั้งแสดงความยินดีที่ได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการรัฐธรรมนูญ ระหว่างนั้นก็ได้มีการพูดจาหยอกล้อเรื่องให้สินบนกัน แต่ก็อ้างว่าเป็นการหยอกล้อพูดเล่นในฐานะเพื่อนฝูงเท่านั้น โดยปฏิเสธว่า ไม่มีพรรคการเมือง หรือกลุ่มการเมืองใดว่าจ้างให้มาวิ่งเต้นเพื่อประการใดทั้งนั้น โดยไม่ขอให้การในชั้นสอบสวน ขอให้การชั้นศาลเท่านั้น
“การปฏิเสธของ พ.ต.อ.ชาญชัย เป็นการปฏิเสธโดยไม่มีหลักฐานรองรับ เป็นการปฏิเสธลอยๆ ในส่วนพนักงานสอบสวนเราคงไม่เชื่อตามนั้น ส่วนตัวผมเองก็ไม่เชื่อในคำให้การ ซึ่งคำให้การของ ม.ล.ไกรฤกษ์ ที่เป็นตุลาการรัฐธรรมนูญมีน้ำหนักมากกว่า เพราะหากไม่มีมูลความจริงแล้ว คงไม่มีการเปิดเผยออกมาแน่นอน แต่อย่างไรก็เป็นสิทธิของผู้ต้องหาที่จะให้การอย่างไรก็ได้ และเขาก็ให้การตามนั้นและขอไม่ให้การในชั้นสอบสวน ผู้ต้องหายืนกรานจะให้การในชั้นศาล” พล.ต.ท.จงรัก กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในเมื่อคำให้การของ ม.ล.ไกรฤกษ์ ก็ไม่มีหลักฐานยืนยันขณะที่ผู้ต้องหาก็ปฏิเสธ ตำรวจจะดำเนินคดีได้หรือไม่ พล.ต.ท.จงรัก กล่าวว่า พนักงานสอบสวนคงต้องรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมอีก ในคดีนี้พยานที่ให้การล้วนเป็นผู้พิพากษา และอดีตผู้พิพากษาชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งน่าเชื่อถือได้ทั้งนั้น การให้การของผู้ต้องหาเป็นสิทธิ ซึ่งการที่ผู้ต้องหาบอกว่าพูดจาหยอกล้อกันเรื่องให้สินบน ก็เป็นการอ้างไป อย่างไรก็ตาม การจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็อยู่ที่ประชาชนจะใช้ดุลพินิจพิจารณา
“ถึงแม้ผู้ต้องหาจะปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดใดๆ แต่การสอบสวนหาข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ก็ต้องดำเนินต่อไป โดยผมต้องไปหาข้อมูลจาก ม.ล.ไกรฤกษ์ เพิ่มเติม เพราะเป็นประจักษ์พยานในคดีนี้โดยตรง รวมทั้งต้องหาพยานหลักฐานอื่นๆ ด้วย” ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าว
พล.ต.ท.จงรัก กล่าวต่อว่า ส่วนการจะพิจารณาให้ประกันตัวหรือไม่ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของตน หลังจากพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม เสนอขึ้นมา ซึ่งจะพิจารณาตามหลักการหากไม่มีแนวโน้มว่าจะหลบหนี หรือจะไม่ไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานทั้งทางตรงทางอ้อมก็ไม่มีปัญหา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาตำรวจ สน.ชนะสงคราม ได้ควบคุมตัว พ.ต.อ.ชาญชัย ขึ้นรถกระบะตราโล่ของ สน.ชนะสงคราม ที่จอดเตรียมไว้บริเวณด้านหน้าอาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อนำตัวไปพิมพ์ลายนิ้วมือ ทำประวัติ และดำเนินการยื่นประกันตามกระบวนการการสอบสวน โดย พ.ต.อ.ชาญชัย กล่าวเพียงว่า ตนให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา เป็นเพียงการหยอกล้อกันเท่านั้น ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ให้ไปสอบถามจากทนายความ
ด้าน นายสุจินต์ ทนายความ กล่าวว่า พ.ต.อ.ชาญชัย ได้ให้การปฏิเสธแก่พนักงานสอบสวนไปแล้ว การพูดเรื่องสินบนเป็นเพียงการหยอกเย้าระหว่างเพื่อนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ได้เตรียมเงินสดจำนวน 200,000 บาท มาเพื่อใช้เป็นหลักทรัพย์ในการขอประกันตัวด้วย
พ.ต.อ.อุทาสิน ฤทธิ์เรื่องเดช ผกก.สน.ชนะสงคราม เปิดเผยหลังได้สอบปากคำ พ.ต.อ.ชาญชัย เพื่อลงบันทึกประจำวันในความผิดข้อหาให้สินบนตุลาการรัฐมนูญ เพื่อจูงใจให้กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดโดยมิชอบต่อหน้าที่ โดยพ.ต.อ.ชาญชัย มีสีหน้าเคร่งเครียด มีทนายความร่วมฟังคำให้การ ลงบันทึกประจำวันอย่างใกล้ชิด
พ.ต.อ.อุทาสิน กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้พิจารณาเอกสารยื่นเรื่องขอประกันตัวจากทนายความ พ.ต.อ.ชาญชัยแล้วโดยยื่นคำร้องพร้อมเงินสดประกันตัว 2 แสนบาทต่อพนักงานสอบสวน โดยพนักงานสอบสวนได้นำเอกสารดังกล่าว นำส่งไปยังพล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ผช.ผบ.ตร.เพื่อพิจารณาว่าอนุญาตให้ประตัวหรือไม่ ตรงนี้ตนเองตอบแทนไม่ได้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาพล.ต.ท.จงรัก ในฐานะหัวหน้าทำงาน หากไม่อนุญาตให้ประกันตัวพนักงานสอบสวนจะควบคุมตัวให้ที่สน.ชนะสงครามแต่หากให้ประกันก็จะพิจารณาอีกครั้งว่าจะส่งตำรวจไปติดตามดูพฤติกรรมหรือไม่ และหลังจากลงบันทึกประจำวันแล้วจะนำผู้ต้องหาไปพิมพ์ลายนิ้วมือและทำประวัติอาชญากรไว้ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
ต่อมาเวลา 16.00 น. พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ผู้ช่วยผบ.ตร. กล่าวว่า ได้อนุญาตให้ประกันตัวพ.ต.อ.ชาญชัย เนติรัฐการ อดีตผกก.สภ.ต.โพธิ์แก้วอ.สามพราน จ.นครปฐม ผู้ต้องหาติดสินบนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในวงเงิน 2แสนบาท เพราะเป็นสิทธิผู้ต้องหาในการได้รับการพิจารณาปล่อยตัวชั่วคราวตามกฎหมาย ซึ่งการให้ประกันตัวครั้งนี้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการเรียกประกัน การปล่อยชั่วคราว พ.ศ.2549 ส่วนการให้ประกันตัวนั้นมีหลักเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ อาญา มาตรา 108 ว่าการจะพิจารณาให้ประกันตัวหรือไม่ จะต้องดูว่าถ้าให้ประกันำปแล้วผู้ต้องหาจะหลบหนีหรือไม่ และความเสียหายจะเกิดจากการให้ประกันเพียงใด
พล.ต.ท.จงรัก กล่าวว่า อย่างกรณีนี้ผู้ต้องหาเดินทางมามอบตัวเองไม่ได้หลบหนีไปไหน จึงเชื่อว่าเมื่อให้ประกันไปจะไม่หลบหนี และการให้ประกันตังคงไม่ก่อให้เกิดความเสียหายเพราะพยานบุคคลในคดีนี้เป็นผู้พิพากษาและอดีตผู้พิพากษาชั้นผู้ใหญ่ทั้งสิ้น ผู้ต้องหาคงไม่สามารถไปข่มขู่หรือกระทำการใดๆให้พยานเกิดความกลัวได้แน่ การให้ประกันตัวพ.ต.อ.ชาญชัยจึงไม่ขัดหลักกฏหมายจึงอนุญาติให้ประกันตัวและปล่อยตัวชั่วคราวไปได้