xs
xsm
sm
md
lg

ระทึกชานกรุง! ไล่ล่าระห่ำ 4 โจรปล้นเบนซ์เศรษฐินีกลางถนน

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

เกิดเหตุอุกอาจชานกรุง 4 คนร้าย ขับรถปิกอัพพุ่งชนรถเบนซ์อดีตประธานสภาอุตสาหกรรมเมืองแปดริ้ว เจ้าของเฟอร์นิเจอร์ส่งออกรายใหญ่ แล้วลากไปรุมยำในพงหญ้า จนต้องแกล้งสลบ ก่อนที่คนร้ายจะพากันฉกรถเบนซ์ไปหน้าตาเฉย ตำรวจไล่ล่าสกัดรถกันหลายทางทั่วชานเมือง ในที่สุดคนร้ายยอมทิ้งรถ เพราะถูกยิงจนยางแตก และขโมยเงินไป 2.7 หมื่นบาท โดยไม่แตะต้องเครื่องเพชร ตำรวจอยู่ระหว่างแกะรอยจับกุมคนร้ายแล้ว

วันนี้ (8 ส.ค.) เมื่อเวลา 08.30 น. ร.ต.ต.สิทธิโรจน์ นวลเปียน พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.สุวินทวงศ์ รับแจ้งเหตุปล้นทรัพย์บริเวณหน้าสนามกอล์ฟเรสซิเด้นท์ คลอง 2 ถนนสุวินทวงศ์ขาออก แขวงกระทุ่มลาย เขตหนอกจอก กทม.และมีผู้ได้รับบาดเจ็บที่ถูกทำร้ายร่างกาย จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พล.ต.ต.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น รอง ผบช.น. พล.ต.ต.เอื้อพงศ์ โกมารกุล ณ อยุธยา ผบก.น.3

ที่เกิดเหตุบริเวณพงหญ้าริมถนนสุวินทวงศ์ขาออก ก่อนถึงทางเข้าสนามกอล์ฟเรสซิเด้นท์ เจ้าหน้าที่พบผู้บาดเจ็บ คือ น.ส.อรพินท์ เสริมประภาศิลป์ อายุ 50 ปี รองประธานกรรมการบริษัท เอสพีเอส อินเตอร์เทค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเฟอร์นิเจอร์ส่งออกรายใหญ่ ใน จ.ฉะเชิงเทรา และเป็นอดีตประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดฉะเชิงเทรา อยู่บ้านเลขที่ 65 ซอยรามอินทรา 109 ถนนรามอินทรา แขวงและเขตคันนายาว กทม.ได้รับบาดเจ็บบวมช้ำตามใบหน้า ปากแตก เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่ง รพ.เมืองฉะเชิงเทรา ก่อนจะแจ้งวิทยุสกัดจับ เนื่องจากกลุ่มคนร้ายได้ชิงรถเบนซ์ รุ่นอี 220 สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ศท-3721 กทม. ของผู้บาดเจ็บหลบหนีไป

จากการสอบสวน น.ส.อรพินท์ ให้การเบื้องต้นว่า ขณะที่ตนเองขับรถออกจากหมู่บ้านมัณฑนา โครงการวงแหวน-รามอินทรา เพื่อเดินทางไปยังบริษัท เอสพีเอส อินเตอร์เทค จำกัด ตั้งอยู่ 99 หมู่ 2 ถนนสุวินทวงศ์ ต.คลองนครเนื่องเขต อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา แต่เมื่อขับมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุได้มีคนร้าย 4 คน ขับรถกระบะสีบรอนซ์เงิน ไม่ทราบรุ่น และทะเบียน ขับมาชนที่บริเวณท้ายรถของตน จึงได้จอดรถเพื่อลงมาดู จากนั้น 2 ใน 4 คนร้ายได้ลงมาจากรถคันดังกล่าวแล้วทำทีว่าจะมาขอเจรจาไกล่เกลี่ย แต่กลับเข้ามาได้ล็อกคอตน แล้วลากไปพงหญ้าข้างทาง ก่อนจะต่อยเข้าที่ใบหน้าหลายครั้ง จนตนต้องแกล้งสลบไป จากนั้นคนร้ายทั้ง 2 คน ได้วิ่งไปขึ้นรถเบนซ์ของตน และมีคนร้ายอีกคนหนึ่งวิ่งลงจากรถกระบะไปขึ้นที่รถเบนซ์ ก่อนที่จะขับรถของตนหลบหนีมุ่งหน้า ถนนสุวินทวงศ์ ขาออก โดยมีคนร้ายอีก 1 คน คอยขับรถกระบะตามไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.สุวินทวงศ์ ได้ตั้งด่านสกัด แต่คนร้ายเห็นด่านจึงได้กลับรถก่อนจะวิ่งเข้าสู่ ถนนสุวินทวงศ์ ขาเข้า ก่อนเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ ถนนฉลองกรุง และวิ่งผ่านถนนร่มเกล้า ซึ่งขณะนั้น ร.ต.อ.สุรชัย สีมุเทศ รอง สว.จร.สน.ลาดกระบัง พร้อมกำลัง ได้ตั้งด่านสกัดจับบริเวณถนนร่มเกล้า ก่อนขึ้นมอเตอร์เวย์ เมื่อคนร้ายขับรถคันดังกล่าวมาถึงด่าน เจ้าหน้าที่จึงเรียกให้จอด แต่คนร้ายไม่ยอมจอด และพยายามขับฝ่าด่านหลบหนี ร.ต.อ.สุรชัย จึงได้ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม.ยิงใส่รถเบนซ์คันดังกล่าวไป 3-4 นัด ซึ่งกระสุนนัดหนึ่งได้ยิงเข้าที่บริเวณบังโคนหน้าด้านขวา ทะลุไปถูกล้อรถด้านหน้าฝั่งซ้าย ทำให้ยางแตก แต่คนร้ายก็ยังไม่ยอมหยุดรถ

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า แม้รถจะถูกยิงจนยางแตก แต่คนร้ายยังคงขับรถหนีต่อไปอีก 12 กิโลเมตร จนมาถึงบริเวณมอเตอร์เวย์ ช่วงก่อนลงถนนหลวงแพ่ง และรถไม่สามารถวิ่งต่อไปได้ เนื่องจากสภาพยางหน้าฝั่งซ้ายที่ถูกยิงนั้นฉีกขาดจนเหลือแต่ล้อแม็กซ์ คนร้ายจึงจอดรถริมถนนหลวงแพ่ง ตรงข้ามบริษัท รอยัล ปาร์ค นูทริเม้นท์ จำกัด แขวงทับยาว เขตลาดกระบัง ก่อนจะวิ่งข้ามถนนไปขึ้นรถแท็กซี่สีส้ม หมายเลขทะเบียน ทย-8448 กทม.ก่อนมุ่งหน้าไปทางฉะเชิงเทรา ซึ่งเส้นทางดังกล่าวสามารถไปได้ 3 จังหวัด คือ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และสมุทรปราการ

ต่อมาเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐานจึงได้มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมหารอยนิ้วมือแฝงในรถคันเกิดเหตุ และเจ้าหน้าที่พบคราบเลือดบริเวณหลังรถด้านซ้าย เชื่อว่า น่าจะเป็นเลือดของผู้เสียหาย ทั้งนี้ จากการตรวจสอบภายในรถพบกระเป๋าสะพายสตรีสีดำ และกระเป๋าสตางค์สีน้ำตาล ยี่ห้อหลุยส์วิตตอง โทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย วางอยู่ที่เบาะหน้าด้านซ้าย เมื่อตรวจสอบพบว่า เงินสดจำนวน 27,000 บาท ในกระเป๋าสตางค์ได้สูญหายไป ส่วนเครื่องเพชร ซึ่งเป็นเครื่องประดับสตรีของผู้เสียหายที่ได้เก็บไว้ในช่องซิปเล็กในกระเป๋าสะพายดังกล่าวยังอยู่ครบ

ขณะเดียวกัน นายวีระศักดิ์ เสริมประภาศิลป์ อายุ 48 ปี กรรมการผู้จัดการบริษัท เอสพีเอส จำกัด น้องชายของ น.ส.อรพินท์ ได้เดินทางมาพร้อมเปิดเผยว่า พี่สาวตนได้เข้ารรักษาตัวที่ รพ.เมืองฉะเชิงเทรา เนื่องจากถูกกลุ่มร้ายทำร้ายโดยการชกต่อยที่ใบหน้า ซึ่งอาการตอนนี้ปลอดภัย แต่ใบหน้ายังบวมช้ำ ปากแตก โดยขณะเกิดเหตุพี่สาวตนพยายามร้องให้คนช่วย แต่บริเวณดังกล่าวเป็นถนนใหญ่ และรถที่ผ่านไปมาวิ่งเร็วทำให้ไม่มีคนได้ยิน จึงต้องทำทีเป็นสลบไป เมื่อคนร้ายขับรถหนีจึงได้มาขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ

นายวีระศักดิ์ กล่าวต่อว่า จากเหตุการณ์ครั้งนี้ คนร้ายน่าจะมีการวางแผนมาก่อน เนื่องจากคนร้ายรู้ว่าพี่สาวใช้คันนี้ และต้องใช้เส้นทางนี้ในการไปทำงานเป็นประจำทุกวัน โดยจะเดินทางถึงบริษัทประมาณ 09.00 น.ทุกวัน ส่วนเรื่องความขัดแย้ง พี่สาวตนไม่เคยมีปัญหาขัดแย้งกับใคร และปัญหาการไล่พนักงานออกนั้น ก็ไม่น่าจะเกี่ยวข้อง เพราะในบริษัทมีพนักงานเข้าออกตลอดเวลา และมีพนักงานถึง 2,000 กว่าคน อย่างไรก็ตาม จะทำเรื่องขอย้ายตัวพี่สาวมารักษาตัวที่ รพ.พระรามเก้า ต่อไป
เจ้าหน้าที่นำตัว น.ส.อรพินท์ เสริมประภาศิลป์ ย้ายมารักษาตัวที่โรงพยาบาลพระรามเก้า


กำลังโหลดความคิดเห็น