อุบัติเหตุจากรถร่วมบริการฯ ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดรถร่วมฯ สาย 163 เสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้า หน้าปากซอยเพชรเกษม 58 เป็นเหตุให้ผู้โดยสาร และคนเดินเท้าได้รับบาดเจ็บ 19 ราย ส่วนคนขับรถตีนผีหลบหนีตามระเบียบ
วันนี้ (7 ส.ค.) เมื่อเวลา 19.10 น. พ.ต.ต.วิโรจน์ เทพหนู สารวัตรเวร สน.ภาษีเจริญ รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถประจำทางร่วมบริการ สาย 163 วิ่งระหว่างพุทธมณฑลสาย 4 - ถนนพระราม9 ทะเบียน 11-8886 กทม. เลขข้างรถ 163-28 เสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้า บริเวณป้ายรถประจำทางหน้าปากซอยเพชรเกษม 58 แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กทม. เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บกว่า 20 ราย จึงประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญูเข้าทำการตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบประชาชนจำนวนมากกำลังมุงดูรถร่วมบริการประจำทางคันดังกล่าว สภาพด้านหน้าพังยับเยินชนติดอยู่กับเสาไฟฟ้าซึ่งหักออกเป็นสองท่อน บริเวณท้ายรถร่วมบริการถูกรถแท็กซี่ โตโยต้า สีฟ้า ทะเบียน ทพ-7667 กทม.ชนอัดติดอยู่ ขณะที่ผู้โดยสารที่นั่งมากับรถร่วมบริการและประชาชนที่ยืนอยู่ที่ป้ายรถประจำทางได้รับบาดเจ็บกว่า 20 ราย ส่วนใหญ่มีบาดแผลถลอกตามร่างกาย เจ้าหน้าที่กู้ภัยทยอยนำส่งเข้ารักษาตัวที่ รพ.บางไผ่ และรพ.พยาบาลพญาไท 3 รวม 19 ราย โดยมีผู้บาดเจ็บอาการหนักต้องนอนพักรักษาตัวเพื่อรอดูอาการ 3 ราย ทราบชื่อ น.ส.สุภัฎฎา โรจน์วิโรจน์, น.ส.กาญจนา ปัฏภาภรณ์ และ น.ส.ศศิธร สุวรรณบุตร
สอบสวน นางศิริวรรณ เขียวชอุ่ม อายุ 33 ปี กระเป๋ารถร่วมบริการฯ คันดังกล่าวทราบว่า ก่อนเกิดเหตุรถได้ออกจากอู่ย่านพุทธมณฑลสาย 4 เพื่อมุ่งหน้าไปพระราม 9 โดยรับผู้โดยสารมาตลอดทางจนเต็มคันรถ ขณะเกิดเหตุรถขับด้วยความเร็วสูง ประกอบกับมีฝนตกลงมาทำให้ถนนค่อนข้างลื่น เมื่อถึงที่เกิดเหตุขณะที่นายพลเดช ธานี อายุประมาณ 40 ปี คนขับรถพยายามจะเลี้ยวเข้าไปรับผู้โดยสารที่ป้ายรถประจำทาง ปรากฏว่ารถเกิดเสียหลักและพุ่งเข้าชนเสาไฟฟ้าอย่างแรงจนเสาไฟฟ้าเกือบจะหัก แรงกระแทกยังทำให้ผู้โดยสารที่มากับรถต่างกระเด็นลงไปกองกับพื้นจนมีผู้บาดเจ็บหลายราย ส่วนนายพลเดชคนขับรถเกรงกลัวความผิดจึงอาศัยช่วงชุลมุนหลบหนีไป
ด้าน นางจินตนา พรหมบังเกิด อายุ 39 ปี ผู้โดยสารที่มากับรถร่วมบริการและได้รับบาดเจ็บคางแตกจากอุบัติเหตุในครั้งนี้ เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ขณะเกิดเหตุรถร่วมบริการขับมาด้วยความเร็วสูง และพยายามเลี้ยวตัดหน้ารถแท็กซี่เพื่อเข้าไปรับผู้โดยสารที่ป้ายรถประจำทางแต่รถเกิดเสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้าอย่างแรงเสียงดังสนั่น หลังจากนั้นตนเองและผู้โดยสารคนอื่นต่างกลิ้งลงไปกองกับพื้นรถ พอรู้ตัวอีกครั้งก็พบว่ามีบาดแผลแตกที่คางก่อนจะมีคนมาช่วยพาตัวลงมาจากรถและนำส่งโรงพยาบาล
ด้าน นายสุริยัน สารบัญ อายุ 32 ปี คนขับแท็กซี่คู่กรณี เล่าว่า ขณะที่ตนขับรถมาถึงที่เกิดเหตุ ปรากฏว่ารถร่วมบริการฯ คู่กรณีที่ขับอยู่ข้างหน้าเกิดเสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้าและท้ายรถปัดออกมาขวางหน้ารถตนในระยะประชิดทำให้ตนหักพวกมาลัยหลบไม่ทันจึงพุ่งชนท้ายรถร่วมบริการคันดังกล่าวอย่างแรงจนรถแท็กซี่ของตนเสียหายยับเยิน โชคดีที่ตนเองและผู้โดยสารซึ่งนั่งอยู่ที่เบาะหลังไม่ได้รับบาดเจ็บ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมสืบสวนติดตามตัวคนขับรถร่วมบริการฯ ที่ยังหลบหนีเพื่อมาสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป