คนร้ายฆ่าโหด “เถ้าแก่เนี้ยะ” ค้าวัสดุก่อสร้าง ทรมานด้วยวิธีต่างๆ นานา ทั้งกระทืบจนซี่โครงหัก จับหัวโขกพื้น ใช้เครื่องช็อตตัว และใช้ของแข็งทิ่มแทงอวัยวะเพศ เพื่อให้บอกที่ซ่อนทรัพย์สิน ก่อนที่จะใช้เชือกรัดกล่อง รัดคอจนเสียชีวิต ตำรวจสงสัย 2 คนงานชาวกะเหรี่ยงเป็นผู้ก่อเหตุ
วันนี้ (10 ก.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น.พ.ต.ท.ไพรินทร์ รัตนประทีป สารวัตรเวร สน.พระโขนง รับแจ้งเหตุพบศพหญิงถูกฆ่าเสียชีวิตภายใน หจก.ศรีสาธิต เลขที่ 875/1 ซอยวชิรธรรมสาธิต 57 ถนนสุขุมวิท 101/1 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กทม.จึงรายงานเหตุให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น จากนั้นรุดไปยังที่เกิดเหตุพร้อม พล.ต.ต.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น. พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ผบก.น.5 พ.ต.อ.ชาญ ชุณหวงศ์ รองผบก.น.5 พ.ต.อ.ประสาท ไชยศิริ ผกก.สน.พระโขนง พ.ต.อ.ชาญ แสงเสียงฟ้า ผกก.สส.น.5 พร้อมฝ่ายสืบสวน
ที่เกิดเหตุ เปิดเป็นร้านขายวัสดุก่อสร้าง เป็นตึกชั้นเดียวมีชั้นลอย 3 คูหา ตั้งอยู่ในเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่เศษ ภายในร้านด้านหลัง พบศพ นางวาสนา แซ่ตั้ง อายุ 50 ปี เจ้าของร้าน นอนหงายเสียชีวิตอยู่ที่พื้น ระหว่างโต๊ะทำงาน 2 ตัว ในสภาพสวมเสื้อเชิ้ตลายดอกสีเหลือง กางเกงวอร์มขายาวสีดำ ถูกถลกลงมาพร้อมกางเกงในถึงหัวเข่า ส่วนสภาพศพที่บริเวณใบหน้ามีร่องรอยถูกทุบจนเละ ซี่โครงหัก ที่ศีรษะมีลักษณะเหมือนถูกจับโขกกับพื้น ที่ราวนมทั้ง 2 ข้างถูกช็อตด้วยเครื่องช็อตไฟฟ้า ที่อวัยวะเพศคล้ายถูกของแข็งทิ่ม และถูกรัดคอด้วยเชือดพลาสติกสำหรับมัดกล่อง แพทย์สันนิษฐานว่า เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 8-10 ชั่วโมง ส่วนในที่เกิดเหตุ พบเครื่องช็อตไฟฟ้าตกอยู่ข้างโต๊ะ 1 อัน
สอบปากคำ นายวิมลรัตน์ หมื่นแพน อายุ 34 ปี หัวหน้าคนงานให้การว่า เป็นหัวหน้าคนงาน ทำงานที่ หจก.ศรีสาธิต มาได้ประมาณปีครึ่ง และจะมีคนงานพักอยู่ที่หลังร้านประมาณ 10 คน รวมทั้งเสมียนและเลขาฯของเถ้าแก่เนี้ยะด้วย ส่วนสามีเถ้าแก่เนี้ยะทราบว่า ชื่อ นายเตียวจัง อายุประมาณ 50 ปี ขณะนี้เดินทางไปอยู่ที่ไต้หวัน ซึ่งทั้งคู่มีบุตรหญิงชายรวม 2 คน ชื่อ น.ส.ปรีดาภรณ์ แซ่ตั้ง อายุ 15 ปี และ ด.ช.เจษฎา แซ่ตั้ง อายุ 13 ปี
นายวิมลรัตน์ ให้การต่อว่า ตามปกติ หลังจากเลิกงานในเวลา 17.30 น.เถ้าแก่เนี้ยะ จะนั่งทำงานต่อ และจะเดินกลับบ้านพักที่อยู่ใกล้ๆ เป็นประจำในเวลาประมาณ 19.00-20.00 น.ทุกวัน โดยเมื่อเวลา 20.00 น.สังเกตเห็นไฟในร้านปิดหมดแล้ว จึงคิดว่าเถ้าแก่เนี้ยะกลับไปยังบ้านพักแล้ว จากนั้นจึงได้เดินอ้อมหลังร้านไปทางประตูหน้า เพื่อล็อกประตูหน้าร้าน ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 22.00-23.00 น.ลูกสาวเถ้าแก่เนี้ยะมาถามหาแม่ จึงบอกไปว่า ไม่เห็นเช่นกัน จากนั้น จึงพากันออกไปตามหาที่ห้างซีคอนสแควร์ เพราะตามปกติจะเห็นเถ้าแก่เนี้ยะนำเงินไปฝากธนาคารที่ห้างดังกล่าวเป็นประจำ แต่ก็ไม่พบ จึงบอกให้บุตรสาวเถ้าแก่เนี้ยะรอจนถึงช่วงเช้า จนกระทั่งเวลา 07.00 น.นายเตียวจัง ได้โทรศัพท์มาบอกให้ตนพังประตูร้านเข้าไป ก็พบเถ้าแก่เนี๊ยะนอนเป็นศพแล้ว จึงรีบแจ้งตำรวจให้ทราบ
“คนงานที่หายไป มี นายปลาย นายโทย สองพี่น้องชาวกะเหรี่ยง นายอ็อด ชาวกาญจนบุรี นอกจากนี้ ที่เพิ่งออกไปล่าสุดหลังรับเงินเดือนเมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา แต่ก็ไม่กลับมาทำงานอีกมี นายสุเทพ กับ นายโก๋ และปกติคนงานทั้งหมดก็ไม่เคยมีปัญหาต่อกัน” นายวิมลรัตน์ ให้การ
ด้าน พล.ต.ต.อนันต์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่า คนร้ายลงมืออย่างโหดเหี้ยม โดยสันนิษฐานว่า น่าจะกระทืบผู้ตายจนซี่โครงหัก จับศีรษะโขกกับพื้น และใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าช็อตที่ราวนม นอกจากนี้ ยังใช้ของแข็งทิ่มเข้าไปที่อวัยวะเพศ ซึ่งพฤติกรรมทั้งหมดน่าจะเป็นการบังคับให้ผู้ตาย บอกที่ซ่อนทรัพย์สิน ก่อนที่จะใช้เชือกรัดกล่องยาวประมาณ 1 เมตร รัดคอผู้ตายจนเสียชีวิต ส่วนคนร้ายคาดว่า น่าจะเป็นคนงานที่เป็นชาวต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาต และน่าจะมีไม่น้อยกว่า 1 คน ซึ่งจะได้ประสานให้ฝ่ายสืบสวนติดตามตัวมาสอบปากคำ ส่วนสาเหตุ เชื่อว่า คนร้ายประสงค์ต่อทรัพย์มากกว่า ในขณะที่ทรัพย์สิน คงต้องรอให้บุตรสาวผู้ตายซึ่งเบื้องต้นแจ้งว่า ยังไม่ทราบว่ามีอะไรหายไปบ้าง ตรวจสอบดูอีกครั้ง
ต่อมา ตำรวจเข้าตรวจสอบบริเวณห้องพักคนงานทั้งหมด พบกางเกงยีนส์เปื้อนเลือดถูกทิ้งอยู่ที่ถังขยะหน้าห้องพักนายปลาย ซึ่งในช่วงบ่าย พ.ต.ท.ฐาปกรณ์ อินทรชัย สว.สส.สน.พระโขนง พร้อมฝ่ายสืบสวน ได้ควบคุมตัวนายโทย อายุ 21 ปี ชาวกะเหรี่ยง ที่หายตัวไป มาสอบปากคำ เบื้องต้น นายโทยให้การว่า ไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น โดยเมื่อคืนเวลา 20.00 น. ตนกับเมียนอนหลับอยู่ที่ห้องพักคนงาน ส่วนนายปลาย พี่ชาย ออกไปดื่มเหล้ากับนายอ๊อด และไม่ทราบว่า นายปลายกลับมานอนที่ห้องหรือไม่ กระทั่งเช้า หัวหน้าคนงานมาบอกว่า วันนี้ ร้านปิด จึงนอนต่อ จากนั้น หัวหน้าคนงาน เข้ามาบอกอีกรอบว่า ให้ออกไปข้างนอกก่อน เพราะกลัวว่า จะถูกจับเนื่องจากเป็นแรงงานต่างด้าว จึงออกไปตามคำแนะนำ กระทั่งมาถูกตำรวจคุมตัวมาสอบปากคำ โดยก่อนหน้านี้ นายปลายพี่ชาย เคยทำงานอยู่ที่โรงสีข้าวแห่งหนึ่ง และเคยฆ่าชาวพม่าที่เป็นแรงงานต่างด้าวด้วยกันเสียชีวิต จากนั้นจึงหลบหนีมาทำงานในที่เกิดเหตุ ส่วนกางเกงยีนส์ที่เปื้อนเลือด ยอมรับว่าเป็ฯของนายปลาย พี่ชายตน
หลังจากนั้น ตำรวจสามารถติดตามจับกุมนายจรินทร์ หรืออ๊อด พันท์ศิริ คนงานอีกคนที่หายไป มาสอบปากคำ โดยพบว่า นายอ๊อดออกไปตั้งแต่เมื่อคืน และหลังจากดื่มเหล้ากับนายปลายเสร็จ ไม่มีเงินดื่มต่อ จึงไปหาภรรยาที่ย่านประเวศ และเมื่อตำรวจไปจับกุม และตรวจค้นในตัวพบ กระสุนปืน .38 จำนวน 7 นัด และ 9 มม.อีก 1 นัด จึงจับกุมดำเนินคดีในข้อหา มีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
อย่างไรก็ตาม ตำรวจเชื่อว่า ผู้ที่ลงมือก่อเหตุ น่าจะเป็นนายปลาย ที่ยังหลบบหนีอยู่ ส่วนจะมีผู้ร่วมก่อเหตุด้วยหรือไม่นั้น จะได้ทำการสืบสวนสอบสวนต่อไป


วันนี้ (10 ก.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น.พ.ต.ท.ไพรินทร์ รัตนประทีป สารวัตรเวร สน.พระโขนง รับแจ้งเหตุพบศพหญิงถูกฆ่าเสียชีวิตภายใน หจก.ศรีสาธิต เลขที่ 875/1 ซอยวชิรธรรมสาธิต 57 ถนนสุขุมวิท 101/1 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กทม.จึงรายงานเหตุให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น จากนั้นรุดไปยังที่เกิดเหตุพร้อม พล.ต.ต.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น. พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ผบก.น.5 พ.ต.อ.ชาญ ชุณหวงศ์ รองผบก.น.5 พ.ต.อ.ประสาท ไชยศิริ ผกก.สน.พระโขนง พ.ต.อ.ชาญ แสงเสียงฟ้า ผกก.สส.น.5 พร้อมฝ่ายสืบสวน
ที่เกิดเหตุ เปิดเป็นร้านขายวัสดุก่อสร้าง เป็นตึกชั้นเดียวมีชั้นลอย 3 คูหา ตั้งอยู่ในเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่เศษ ภายในร้านด้านหลัง พบศพ นางวาสนา แซ่ตั้ง อายุ 50 ปี เจ้าของร้าน นอนหงายเสียชีวิตอยู่ที่พื้น ระหว่างโต๊ะทำงาน 2 ตัว ในสภาพสวมเสื้อเชิ้ตลายดอกสีเหลือง กางเกงวอร์มขายาวสีดำ ถูกถลกลงมาพร้อมกางเกงในถึงหัวเข่า ส่วนสภาพศพที่บริเวณใบหน้ามีร่องรอยถูกทุบจนเละ ซี่โครงหัก ที่ศีรษะมีลักษณะเหมือนถูกจับโขกกับพื้น ที่ราวนมทั้ง 2 ข้างถูกช็อตด้วยเครื่องช็อตไฟฟ้า ที่อวัยวะเพศคล้ายถูกของแข็งทิ่ม และถูกรัดคอด้วยเชือดพลาสติกสำหรับมัดกล่อง แพทย์สันนิษฐานว่า เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 8-10 ชั่วโมง ส่วนในที่เกิดเหตุ พบเครื่องช็อตไฟฟ้าตกอยู่ข้างโต๊ะ 1 อัน
สอบปากคำ นายวิมลรัตน์ หมื่นแพน อายุ 34 ปี หัวหน้าคนงานให้การว่า เป็นหัวหน้าคนงาน ทำงานที่ หจก.ศรีสาธิต มาได้ประมาณปีครึ่ง และจะมีคนงานพักอยู่ที่หลังร้านประมาณ 10 คน รวมทั้งเสมียนและเลขาฯของเถ้าแก่เนี้ยะด้วย ส่วนสามีเถ้าแก่เนี้ยะทราบว่า ชื่อ นายเตียวจัง อายุประมาณ 50 ปี ขณะนี้เดินทางไปอยู่ที่ไต้หวัน ซึ่งทั้งคู่มีบุตรหญิงชายรวม 2 คน ชื่อ น.ส.ปรีดาภรณ์ แซ่ตั้ง อายุ 15 ปี และ ด.ช.เจษฎา แซ่ตั้ง อายุ 13 ปี
นายวิมลรัตน์ ให้การต่อว่า ตามปกติ หลังจากเลิกงานในเวลา 17.30 น.เถ้าแก่เนี้ยะ จะนั่งทำงานต่อ และจะเดินกลับบ้านพักที่อยู่ใกล้ๆ เป็นประจำในเวลาประมาณ 19.00-20.00 น.ทุกวัน โดยเมื่อเวลา 20.00 น.สังเกตเห็นไฟในร้านปิดหมดแล้ว จึงคิดว่าเถ้าแก่เนี้ยะกลับไปยังบ้านพักแล้ว จากนั้นจึงได้เดินอ้อมหลังร้านไปทางประตูหน้า เพื่อล็อกประตูหน้าร้าน ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 22.00-23.00 น.ลูกสาวเถ้าแก่เนี้ยะมาถามหาแม่ จึงบอกไปว่า ไม่เห็นเช่นกัน จากนั้น จึงพากันออกไปตามหาที่ห้างซีคอนสแควร์ เพราะตามปกติจะเห็นเถ้าแก่เนี้ยะนำเงินไปฝากธนาคารที่ห้างดังกล่าวเป็นประจำ แต่ก็ไม่พบ จึงบอกให้บุตรสาวเถ้าแก่เนี้ยะรอจนถึงช่วงเช้า จนกระทั่งเวลา 07.00 น.นายเตียวจัง ได้โทรศัพท์มาบอกให้ตนพังประตูร้านเข้าไป ก็พบเถ้าแก่เนี๊ยะนอนเป็นศพแล้ว จึงรีบแจ้งตำรวจให้ทราบ
“คนงานที่หายไป มี นายปลาย นายโทย สองพี่น้องชาวกะเหรี่ยง นายอ็อด ชาวกาญจนบุรี นอกจากนี้ ที่เพิ่งออกไปล่าสุดหลังรับเงินเดือนเมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา แต่ก็ไม่กลับมาทำงานอีกมี นายสุเทพ กับ นายโก๋ และปกติคนงานทั้งหมดก็ไม่เคยมีปัญหาต่อกัน” นายวิมลรัตน์ ให้การ
ด้าน พล.ต.ต.อนันต์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่า คนร้ายลงมืออย่างโหดเหี้ยม โดยสันนิษฐานว่า น่าจะกระทืบผู้ตายจนซี่โครงหัก จับศีรษะโขกกับพื้น และใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าช็อตที่ราวนม นอกจากนี้ ยังใช้ของแข็งทิ่มเข้าไปที่อวัยวะเพศ ซึ่งพฤติกรรมทั้งหมดน่าจะเป็นการบังคับให้ผู้ตาย บอกที่ซ่อนทรัพย์สิน ก่อนที่จะใช้เชือกรัดกล่องยาวประมาณ 1 เมตร รัดคอผู้ตายจนเสียชีวิต ส่วนคนร้ายคาดว่า น่าจะเป็นคนงานที่เป็นชาวต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาต และน่าจะมีไม่น้อยกว่า 1 คน ซึ่งจะได้ประสานให้ฝ่ายสืบสวนติดตามตัวมาสอบปากคำ ส่วนสาเหตุ เชื่อว่า คนร้ายประสงค์ต่อทรัพย์มากกว่า ในขณะที่ทรัพย์สิน คงต้องรอให้บุตรสาวผู้ตายซึ่งเบื้องต้นแจ้งว่า ยังไม่ทราบว่ามีอะไรหายไปบ้าง ตรวจสอบดูอีกครั้ง
ต่อมา ตำรวจเข้าตรวจสอบบริเวณห้องพักคนงานทั้งหมด พบกางเกงยีนส์เปื้อนเลือดถูกทิ้งอยู่ที่ถังขยะหน้าห้องพักนายปลาย ซึ่งในช่วงบ่าย พ.ต.ท.ฐาปกรณ์ อินทรชัย สว.สส.สน.พระโขนง พร้อมฝ่ายสืบสวน ได้ควบคุมตัวนายโทย อายุ 21 ปี ชาวกะเหรี่ยง ที่หายตัวไป มาสอบปากคำ เบื้องต้น นายโทยให้การว่า ไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น โดยเมื่อคืนเวลา 20.00 น. ตนกับเมียนอนหลับอยู่ที่ห้องพักคนงาน ส่วนนายปลาย พี่ชาย ออกไปดื่มเหล้ากับนายอ๊อด และไม่ทราบว่า นายปลายกลับมานอนที่ห้องหรือไม่ กระทั่งเช้า หัวหน้าคนงานมาบอกว่า วันนี้ ร้านปิด จึงนอนต่อ จากนั้น หัวหน้าคนงาน เข้ามาบอกอีกรอบว่า ให้ออกไปข้างนอกก่อน เพราะกลัวว่า จะถูกจับเนื่องจากเป็นแรงงานต่างด้าว จึงออกไปตามคำแนะนำ กระทั่งมาถูกตำรวจคุมตัวมาสอบปากคำ โดยก่อนหน้านี้ นายปลายพี่ชาย เคยทำงานอยู่ที่โรงสีข้าวแห่งหนึ่ง และเคยฆ่าชาวพม่าที่เป็นแรงงานต่างด้าวด้วยกันเสียชีวิต จากนั้นจึงหลบหนีมาทำงานในที่เกิดเหตุ ส่วนกางเกงยีนส์ที่เปื้อนเลือด ยอมรับว่าเป็ฯของนายปลาย พี่ชายตน
หลังจากนั้น ตำรวจสามารถติดตามจับกุมนายจรินทร์ หรืออ๊อด พันท์ศิริ คนงานอีกคนที่หายไป มาสอบปากคำ โดยพบว่า นายอ๊อดออกไปตั้งแต่เมื่อคืน และหลังจากดื่มเหล้ากับนายปลายเสร็จ ไม่มีเงินดื่มต่อ จึงไปหาภรรยาที่ย่านประเวศ และเมื่อตำรวจไปจับกุม และตรวจค้นในตัวพบ กระสุนปืน .38 จำนวน 7 นัด และ 9 มม.อีก 1 นัด จึงจับกุมดำเนินคดีในข้อหา มีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
อย่างไรก็ตาม ตำรวจเชื่อว่า ผู้ที่ลงมือก่อเหตุ น่าจะเป็นนายปลาย ที่ยังหลบบหนีอยู่ ส่วนจะมีผู้ร่วมก่อเหตุด้วยหรือไม่นั้น จะได้ทำการสืบสวนสอบสวนต่อไป